มะม่วงหิมพานต์กินส่วนไหนได้บ้าง

มะม่วงหิมพานต์ : มากกว่าเมล็ดอร่อย รู้หรือไม่ว่ากินส่วนไหนได้บ้าง?

มะม่วงหิมพานต์ (Cashew) ผลไม้รูปทรงแปลกตา ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในด้านรสชาติอันหอมกรุ่น และคุณค่าทางโภชนาการที่อัดแน่น แต่หลายคนอาจรู้จักเพียงเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ ที่นำมาบริโภคกันอย่างแพร่หลาย แท้จริงแล้ว มะม่วงหิมพานต์นั้นมีส่วนประกอบอื่นๆ ที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ แม้จะไม่เป็นที่รู้จักกันมากนักก็ตาม

ส่วนที่เรารู้จักกันดีและนิยมรับประทานมากที่สุด คือ เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ ซึ่งมีรสชาติหวานมัน สามารถรับประทานได้ทั้งในรูปแบบดิบและสุก ความอร่อยของเมล็ดมะม่วงหิมพานต์นั้นขึ้นอยู่กับวิธีการปรุงแต่ง

• เมล็ดดิบ: มีรสชาติที่ออกมันและนุ่ม นิยมนำไปปั่นเป็นครีม หรือใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารต่างๆ เช่น ซอส น้ำสลัด หรือแม้แต่การทำขนมหวานบางชนิด ความดิบใหม่ของเมล็ดจะให้รสชาติที่เข้มข้นและกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์

• เมล็ดสุก: มีรสชาติหวานมัน และมีเนื้อสัมผัสกรอบ นิยมนำไปคั่ว อบ หรือทอด เพื่อเพิ่มความกรอบอร่อย นอกจากทานเล่นเพียวๆ แล้ว ยังสามารถนำไปใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญในเมนูอาหารมากมาย ทั้งอาหารคาว เช่น ยำสามกรอบ แกงส้ม ข้าวผัด และอาหารหวาน เช่น เค้ก คุกกี้ ไอศกรีม หรือใช้เป็นท็อปปิ้งโรยหน้าต่างๆ การคั่วหรืออบจะช่วยเพิ่มความหอมกรุ่น และรสชาติที่เข้มข้นยิ่งขึ้น

แต่รู้หรือไม่ว่า นอกจากเมล็ดแล้ว เปลือกมะม่วงหิมพานต์ ยังมีประโยชน์ที่น่าสนใจ แม้จะไม่สามารถรับประทานได้โดยตรง เนื่องจากมีสารเคมีที่ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง แต่เปลือกสามารถนำไปสกัดสารต่างๆ ได้ เช่น สารสกัดจากเปลือกมะม่วงหิมพานต์ สามารถนำมาใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง หรือแม้แต่การผลิตยา ได้อีกด้วย

ส่วน ผลมะม่วงหิมพานต์ หรือที่เรียกว่า แอปเปิ้ลแคชู นั้น ก็มีรสชาติเปรี้ยวอมหวาน สามารถรับประทานได้ แต่โดยทั่วไป มักไม่นิยมนำมากินสด เพราะเนื้อมีปริมาณน้ำน้อย และมีรสชาติไม่โดดเด่นเท่าเมล็ด อย่างไรก็ตาม สามารถนำไปแปรรูปเป็นน้ำผลไม้ หรือแยมได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มรสชาติและคุณค่าทางโภชนาการ

จากข้อมูลข้างต้น จะเห็นได้ว่า มะม่วงหิมพานต์นั้น ไม่ได้มีดีแค่เมล็ดที่อร่อย แต่ยังมีส่วนประกอบอื่นๆ ที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย ทำให้มะม่วงหิมพานต์ เป็นมากกว่าแค่ของว่าง แต่เป็นพืชที่มีคุณค่า ทั้งทางด้านโภชนาการและเศรษฐกิจ ควรค่าแก่การศึกษาและพัฒนา เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ต่อไป