ฉันจะขอคืนเงินประกันสังคมมาตรา 33 ได้อย่างไร

95 การดู

ตัวอย่างข้อมูลแนะนำใหม่ (47 คำ):

หากคุณเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 และต้องการรับเงินชราภาพคืน ต้องมีอายุ 55 ปีบริบูรณ์และสิ้นสุดการเป็นผู้ประกันตนแล้ว โดยต้องแจ้งสิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตนต่อสำนักงานประกันสังคม จากนั้นคุณมีเวลา 1 ปีนับจากวันที่สิ้นสุดการเป็นผู้ประกันตนในการยื่นเรื่องขอรับเงินคืน

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

คู่มือฉบับสมบูรณ์: ไขข้อสงสัยการขอคืนเงินประกันสังคม มาตรา 33

การเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ของประกันสังคม ถือเป็นหลักประกันความมั่นคงในชีวิตด้านหนึ่ง แต่เมื่อถึงจุดเปลี่ยนผ่านของชีวิต หลายคนอาจมีคำถามว่า “ฉันจะขอคืนเงินประกันสังคม มาตรา 33 ได้อย่างไร?” บทความนี้จะเจาะลึกขั้นตอนและเงื่อนไขการขอคืนเงินดังกล่าว เพื่อให้คุณเข้าใจสิทธิของตนเองอย่างละเอียดและดำเนินการได้อย่างถูกต้อง

ทำความเข้าใจก่อน: เงินอะไรที่ขอคืนได้?

ก่อนจะไปถึงขั้นตอนการขอคืนเงิน สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่าเงินประกันสังคมมาตรา 33 ที่สามารถขอคืนได้นั้น คือ เงินกรณีชราภาพ เท่านั้น ซึ่งเกิดจากการสะสมเงินสมทบทั้งจากส่วนของผู้ประกันตนเองและนายจ้าง หากคุณยังไม่ได้เข้าเงื่อนไขที่จะได้รับเงินกรณีชราภาพ คุณจะไม่สามารถขอคืนเงินในส่วนนี้ได้

เงื่อนไขหลักที่ต้องทราบ:

เพื่อให้สามารถขอรับเงินกรณีชราภาพคืนได้ ผู้ประกันตนจะต้องเข้าเงื่อนไขดังต่อไปนี้:

  • อายุครบ 55 ปีบริบูรณ์: นี่คือเงื่อนไขพื้นฐานที่สำคัญที่สุด
  • สิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตน: หมายถึงการลาออกจากงาน หรือถูกเลิกจ้าง และไม่ได้เป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 อีกต่อไป
  • ระยะเวลาการส่งเงินสมทบ: ระยะเวลาการส่งเงินสมทบมีผลต่อรูปแบบการรับเงินชราภาพ ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 กรณีหลัก:
    • ส่งเงินสมทบไม่ถึง 180 เดือน: จะได้รับเป็น เงินบำเหน็จชราภาพ ซึ่งเป็นเงินก้อนเดียว
    • ส่งเงินสมทบตั้งแต่ 180 เดือนขึ้นไป: จะได้รับเป็น เงินบำนาญชราภาพ ซึ่งจะจ่ายเป็นรายเดือนตลอดชีวิต

ขั้นตอนการขอคืนเงินประกันสังคม มาตรา 33 (กรณีชราภาพ):

  1. ตรวจสอบคุณสมบัติ: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณมีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และสิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตนแล้ว
  2. แจ้งสิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตน: หากคุณลาออกจากงานหรือถูกเลิกจ้าง จะต้องแจ้งเรื่องการสิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตนต่อสำนักงานประกันสังคม (สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานประกันสังคมในพื้นที่ของคุณ)
  3. เตรียมเอกสาร: เตรียมเอกสารสำคัญให้พร้อม ได้แก่
    • แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ (สปส. 2-01) สามารถดาวน์โหลดได้จากเว็บไซต์ของสำนักงานประกันสังคม
    • สำเนาบัตรประชาชน หรือบัตรอื่นที่ทางราชการออกให้
    • สำเนาทะเบียนบ้าน
    • สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร ประเภทออมทรัพย์ (ชื่อบัญชีต้องเป็นของผู้ประกันตนเท่านั้น)
    • เอกสารอื่นๆ ที่อาจจำเป็น เช่น สำเนาใบมรณบัตร (กรณีผู้รับผลประโยชน์)
  4. ยื่นคำขอ: ยื่นคำขอพร้อมเอกสารประกอบ ณ สำนักงานประกันสังคมในพื้นที่ที่คุณสะดวก (สามารถยื่นได้ที่สำนักงานประกันสังคมจังหวัด หรือสำนักงานประกันสังคมเขต) โดยปกติแล้วคุณมีเวลา 1 ปีนับจากวันที่สิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตนในการยื่นเรื่องขอรับเงินคืน
  5. รอการพิจารณา: หลังจากยื่นคำขอแล้ว สำนักงานประกันสังคมจะดำเนินการตรวจสอบและพิจารณา หากเอกสารครบถ้วนและถูกต้องตามเงื่อนไข จะอนุมัติการจ่ายเงิน
  6. รับเงิน: เงินจะถูกโอนเข้าบัญชีธนาคารที่คุณได้แจ้งไว้ในคำขอ

ข้อควรระวังและคำแนะนำเพิ่มเติม:

  • ระยะเวลาการพิจารณา: ระยะเวลาในการพิจารณาคำขออาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปริมาณงานของแต่ละสำนักงานประกันสังคม ควรสอบถามระยะเวลาโดยประมาณ ณ สำนักงานที่คุณยื่นเรื่อง
  • ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: หากคุณมีข้อสงสัยหรือต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม ควรปรึกษาเจ้าหน้าที่ของสำนักงานประกันสังคม หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน เพื่อให้เข้าใจสิทธิประโยชน์และเลือกรูปแบบการรับเงินที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณมากที่สุด
  • ตรวจสอบข้อมูล: ตรวจสอบข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลการส่งเงินสมทบให้ถูกต้อง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง

หวังว่าคู่มือฉบับสมบูรณ์นี้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ประกันตนทุกท่านที่ต้องการขอคืนเงินประกันสังคม มาตรา 33 โปรดจำไว้ว่าการวางแผนทางการเงินที่ดี และความเข้าใจในสิทธิประโยชน์ของตนเอง จะช่วยให้คุณมีความมั่นคงในชีวิตหลังเกษียณมากยิ่งขึ้น

#คืนเงิน #ประกันสังคม #มาตรา33