ธัญพืชของไทยมีอะไรบ้าง

11 การดู
ข้าวเจ้า ข้าวเหนียว ข้าวไรซ์เบอร์รี่ เป็นธัญพืชหลัก นอกจากนี้ยังมีข้าวฟ่าง ข้าวสาลี (ปลูกได้บ้างในพื้นที่สูง) ธัญพืชโบราณอย่าง บัวบกแห้ง และกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นคือ เมล็ดทานตะวัน งา และถั่วต่างๆ เช่น ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วดำ ซึ่งล้วนเป็นแหล่งโปรตีนและสารอาหารสำคัญของคนไทย
ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ธัญพืชไทย: มากกว่าแค่ข้าวเจ้า ข้าวเหนียว และข้าวไรซ์เบอร์รี่

ประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นอู่ข้าวอู่น้ำ แหล่งเพาะปลูกธัญพืชสำคัญที่หล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนมาช้านาน เมื่อพูดถึงธัญพืชไทย หลายคนมักนึกถึงข้าวเจ้า ข้าวเหนียว และข้าวไรซ์เบอร์รี่ ซึ่งเป็นธัญพืชหลักที่อยู่คู่ครัวไทยมาอย่างยาวนาน อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากข้าวที่คุ้นเคย ยังมีธัญพืชอีกหลากหลายชนิดที่ปลูกและบริโภคในประเทศไทย ทั้งธัญพืชที่ปลูกกันมาแต่โบราณและธัญพืชที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในปัจจุบัน สะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายทางชีวภาพและวัฒนธรรมการกินของคนไทย

เริ่มต้นด้วยธัญพืชหลักอย่างข้าว ข้าวเจ้าเป็นสายพันธุ์ข้าวที่นิยมบริโภคมากที่สุดในประเทศไทย มีลักษณะเมล็ดเรียวยาว เมื่อหุงสุกแล้วจะมีลักษณะร่วน ไม่เหนียวติดกัน เหมาะสำหรับการทำอาหารหลากหลายชนิด ส่วนข้าวเหนียวมีลักษณะเมล็ดสั้นป้อม เมื่อหุงสุกแล้วจะมีลักษณะเหนียวนุ่ม นิยมรับประทานกับอาหารอีสาน และนำไปทำขนมหวานต่างๆ สำหรับข้าวไรซ์เบอร์รี่ เป็นข้าวพันธุ์ผสมระหว่างข้าวเจ้าหอมนิลกับข้าวขาวดอกมะลิ 105 มีสีม่วงเข้ม อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ และมีคุณค่าทางโภชนาการสูง จึงได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มผู้รักสุขภาพ

นอกจากข้าวสามชนิดหลักแล้ว ยังมีข้าวฟ่าง ซึ่งเป็นธัญพืชที่ทนทานต่อสภาพอากาศแห้งแล้ง นิยมปลูกในพื้นที่แห้งแล้งทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ข้าวฟ่างสามารถนำมาบริโภคได้ทั้งในรูปแบบเมล็ด แปรรูปเป็นแป้ง หรือใช้เป็นอาหารสัตว์ ส่วนข้าวสาลี แม้จะไม่ใช่พืชพื้นเมืองของไทย แต่ก็สามารถปลูกได้บ้างในพื้นที่สูงที่มีอากาศเย็น เช่น บนดอยทางภาคเหนือ โดยส่วนใหญ่นำมาใช้ในการผลิตแป้งสาลี ขนมปัง และผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ต่างๆ

นอกจากธัญพืชที่คุ้นเคย ยังมีธัญพืชโบราณที่คนไทยรู้จักและบริโภคกันมาตั้งแต่สมัยก่อน เช่น บัวบกแห้ง ซึ่งมีสรรพคุณทางยา ช่วยบำรุงสมอง และมีใยอาหารสูง ช่วยในการขับถ่าย ในอดีต บัวบกแห้งมักนำมาต้มเป็นเครื่องดื่ม หรือใช้เป็นส่วนผสมในอาหาร ปัจจุบัน บัวบกแห้งยังคงได้รับความนิยม และมีการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น ชาบัวบก แคปซูลบัวบก เพื่อความสะดวกในการบริโภค

ในปัจจุบัน ธัญพืชอีกกลุ่มหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องคือ เมล็ดทานตะวัน งา และถั่วต่างๆ เมล็ดทานตะวันอุดมไปด้วยวิตามินอี ช่วยบำรุงผิวพรรณ และมีไขมันดี ช่วยลดคอเลสเตอรอล งาเป็นแหล่งแคลเซียม ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง ส่วนถั่วต่างๆ เช่น ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วดำ ล้วนเป็นแหล่งโปรตีน ใยอาหาร และสารอาหารสำคัญ โดยถั่วเหลืองเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตเต้าหู้ น้ำเต้าหู้ และผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองอื่นๆ ถั่วเขียว นิยมนำมาทำเป็นขนมหวาน เช่น ถั่วเขียวต้มน้ำตาล ส่วนถั่วดำ เชื่อกันว่ามีสรรพคุณช่วยบำรุงไต และเป็นแหล่งสารต้านอนุมูลอิสระ

จะเห็นได้ว่า ธัญพืชไทยมีความหลากหลายมากกว่าที่หลายคนคิด ไม่เพียงแต่เป็นแหล่งอาหารหลักที่สำคัญ แต่ยังอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ และมีบทบาทสำคัญในวัฒนธรรมการกินของคนไทย การส่งเสริมการปลูกและการบริโภคธัญพืชไทย จึงเป็นการส่งเสริมสุขภาพที่ดี และสนับสนุนเกษตรกรไทย ให้มีรายได้ที่มั่นคง และรักษาความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศไว้ได้อย่างยั่งยืน.