ประจำเดือนแบบไหนเรียกมาเยอะ

15 การดู

ข้อมูลประจำเดือนที่มากผิดปกติ อาจหมายถึง ปริมาณเลือดมากผิดปกติ เช่น มีเลือดออกมากเกินไปนานเกินไป หรือมีเลือดออกกะปริดกะปรอยนอกรอบ หรือมีประจำเดือนมากกว่า 1 รอบต่อเดือน หากมีเลือดออกผิดปกติ ควรพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

เมื่อประจำเดือนมาเยือนหนักหน่วงกว่าเดิม: สัญญาณเตือนที่คุณไม่ควรละเลย

ประจำเดือนเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงทุกคน เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงสุขภาพการเจริญพันธุ์ แต่หากปริมาณเลือดประจำเดือนมากผิดปกติ หรือที่เรียกว่า เมนส์มาก นั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนถึงปัญหาสุขภาพที่คุณไม่ควรมองข้าม เพราะความผิดปกตินี้ไม่ได้หมายถึงแค่ความรำคาญเล็กน้อย แต่สามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพกายและใจอย่างร้ายแรง

แล้วประจำเดือนแบบไหนถึงเรียกว่า “มาเยอะ”? คำตอบนี้ไม่ได้มีเกณฑ์ตายตัว แต่สามารถสังเกตได้จากหลายปัจจัยดังนี้:

  • ปริมาณเลือด: หากคุณต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยหรือผ้าอนามัยแบบสอดทุกๆ 1-2 ชั่วโมง ตลอดทั้งวัน เป็นเวลาหลายวันติดต่อกัน นั่นอาจบ่งบอกว่าประจำเดือนของคุณมาเยอะเกินไป การใช้ผ้าอนามัยซับเลือดมากกว่า 8 ชิ้นต่อวัน หรือต้องใช้ผ้าอนามัยแบบซับเพิ่มในเวลากลางคืน ก็เป็นสัญญาณที่ควรให้ความสนใจ
  • ระยะเวลาการมีประจำเดือน: โดยปกติแล้ว ประจำเดือนจะมาประมาณ 3-7 วัน หากของคุณยาวนานเกินกว่า 7 วัน หรือมีเลือดออกกะปริดกะปรอยต่อเนื่องเป็นเวลานานหลังจากประจำเดือนหมดแล้ว ควรปรึกษาแพทย์
  • อาการอื่นๆ ร่วมด้วย: นอกจากปริมาณเลือดที่มากผิดปกติแล้ว คุณอาจมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ปวดท้องประจำเดือนอย่างรุนแรง มีลิ่มเลือดในเลือดประจำเดือน รู้สึกเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย ซีด หรือมีเลือดออกผิดปกตินอกรอบประจำเดือน อาการเหล่านี้ควรได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียด

สาเหตุของประจำเดือนที่มากผิดปกติ สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น:

  • ความผิดปกติของฮอร์โมน: การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกาย เช่น ความไม่สมดุลของฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน
  • โรคเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์: เช่น เนื้องอกในมดลูก ถุงน้ำรังไข่ หรือมดลูกโต
  • การใช้ยาบางชนิด: ยาบางชนิดอาจทำให้ประจำเดือนมาเยอะขึ้น
  • โรคเลือดไหลไม่หยุด: ในกรณีที่ร้ายแรง อาจเกิดจากโรคที่เกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด
  • อุปกรณ์คุมกำเนิด: เช่น ห่วงอนามัย

อย่าปล่อยปละละเลย! หากคุณสังเกตเห็นว่าปริมาณเลือดประจำเดือนของคุณผิดปกติ หรือมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย ควรปรึกษาแพทย์หรือสูตินรีแพทย์โดยเร็วที่สุด เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด และรับการรักษาที่เหมาะสม การรักษาที่ทันท่วงทีจะช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น และช่วยให้คุณมีสุขภาพที่ดีขึ้น

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้เบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาให้เป็นคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้องและเหมาะสมกับสภาพร่างกายของคุณ