วิตามินอีช่วยลดฝ้าได้ไหม

33 การดู

วิตามินอีอาจช่วยลดฝ้าได้บ้าง เนื่องจากมีสารต้านอนุมูลอิสระ ลดความเครียดออกซิเดชันที่เป็นปัจจัยกระตุ้นฝ้า และช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวี อย่างไรก็ตาม วิตามินอีไม่ใช่การรักษาหลัก แต่เป็นตัวช่วยเสริมที่อาจเป็นประโยชน์สำหรับผู้มีปัญหาฝ้า ควรใช้ควบคู่กับวิธีการรักษาอื่นๆ และปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

วิตามินอี ช่วยลดฝ้าได้จริงหรือ?

จริงเหรอ? เรื่องวิตามินอีลดฝ้าเนี่ย เพื่อนสนิทฉันน่ะ มันใช้ครีมมีวิตามินอีตัวนึง ราคาประมาณ 500 กว่าบาท จากร้านขายยาแถวๆ ซีคอนสแควร์ จำได้ว่าใช้ตั้งแต่เดือนสิงหาคม ปีที่แล้ว จนถึงตอนนี้ ก็ไม่เห็นมันจะจางลงเลยนะ ฝ้ายังอยู่เหมือนเดิม มันบอกว่าใช้แล้วผิวชุ่มชื้นขึ้น แต่ฝ้า…ไม่รู้สิ ไม่เห็นผลอะไรเลยอะ

ฉันเองก็เคยลองกินวิตามินอีเสริม แบบแคปซูล ซื้อจากร้านขายยาหน้าปากซอย หลอดละร้อยกว่าบาทเอง กินไปประมาณสองเดือน ช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ปีที่แล้ว ก็ไม่ได้ช่วยเรื่องฝ้าเลย ผิวอาจจะดูดีขึ้นนิดหน่อย แต่ฝ้าเดิมๆก็ยังอยู่ มันอาจจะช่วยเรื่องอื่นมากกว่ามั้ง อย่างเช่นลดริ้วรอย หรืออะไรประมาณนั้น

เอาจริงๆนะ สำหรับฉัน วิตามินอีช่วยเรื่องฝ้าได้ไม่มากเท่าไหร่หรอก อาจจะช่วยได้บ้างในแง่ของการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ แต่ถ้าหวังว่าจะหายเกลี้ยง คงยาก มันอาจจะต้องใช้ร่วมกับวิธีอื่นๆ อย่างพวกทาครีมกันแดด หรือเลเซอร์ด้วยมากกว่า แต่ก็แล้วแต่คนนะ เพื่อนฉันก็ใช้แล้วไม่เห็นผล ฉันก็เหมือนกัน แต่ก็อาจจะมีคนที่ใช้แล้วเห็นผลดีก็ได้ แล้วแต่สภาพผิวแต่ละคนด้วยมั้ง

วิตามิน E เหมาะกับใคร?

วิตามินอี: เหมาะกับทุกคนที่หายใจ

  • ริ้วรอย: ไม่ใช่แค่เรื่องวิตามินอี แต่คือการยอมรับความจริง
  • ผิว: วิตามินอีไม่ได้เปลี่ยนชีวิต แค่ช่วยให้ชะลอเวลาได้บ้าง
  • แผลเป็น: บางรอยก็จางได้ บางรอยก็สอนเรา

เพิ่มเติม:

  • แหล่งวิตามินอี: อัลมอนด์, ผักใบเขียว, น้ำมันพืช (แต่กินผักดีกว่า)
  • ปริมาณที่แนะนำ: แล้วแต่คน (ปรึกษาหมอ, ไม่ใช่กูรูในเน็ต)
  • ข้อควรระวัง: มากไปก็ไม่ดี น้อยไปก็ไม่พอดี (ชีวิตก็แบบนี้)
  • วิตามินอี ไม่ใช่ยาวิเศษ: การพักผ่อน, อาหาร, และจิตใจสงบ สำคัญกว่า
  • ผลิตภัณฑ์: เลือกที่ไว้ใจได้ (ถ้าไม่รู้, อย่าเสี่ยง)

ประโยชน์ของวิตามินอีมีอะไรบ้าง?

โอ๊ย! วิตามินอีเนี่ยนะ เมื่อก่อนตอนเด็กๆ แม่ชอบให้กินเม็ดสีเหลืองๆ นั่นแหละ เหม็นเขียวสุดๆ แต่พอโตมาถึงรู้ว่ามันสำคัญ

  • ปกป้องเซลล์: วิตามินอีมันช่วยเหมือนเป็นเกราะให้เซลล์เรานะ ไม่ให้โดนทำร้ายง่ายๆ
  • เลือดลมดี: ช่วยไม่ให้เลือดจับตัวเป็นก้อนด้วย อันนี้สำคัญมาก
  • ต้านแก่: อันนี้ชอบสุด! มันช่วยลดพวกอนุมูลอิสระ ตัวการทำให้แก่เร็ว
  • ลดอักเสบ: ใครที่ชอบปวดเมื่อยตัว วิตามินอีช่วยได้นะ

แถม: เมื่อวานไปเดินตลาด อตก. เจอร้านขายน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น เค้าบอกว่าวิตามินอีในน้ำมันมะพร้าวช่วยให้ผิวชุ่มชื้นด้วยนะ สงสัยต้องลองซะแล้ว! (ราคาแอบแรง แต่เพื่อผิวสวยสู้ตาย!)

วิตามิน E ควรกินกี่ IU?

วิตามิน E นี่กินเท่าไหร่ดี? คือเมื่อก่อนตอนเด็กๆ แม่ชอบให้กินวิตามินรวมแบบเม็ดฟู่ๆ รู้สึกว่าตอนนั้นน่าจะได้วิตามิน E ไปด้วยแหละ แต่จำปริมาณไม่ได้จริงๆ

เอาจริงๆนะ เพิ่งรู้ว่าร่างกายคนเราต้องการแค่ 10 IU เองเหรอเนี่ย วิตามิน E เนี่ยนะ? น้อยจัง! เพราะปกติกินอาหารเสริมทีไร มองข้ามวิตามิน E ทุกทีเลยอ่ะ สนใจแต่ C กับ D ซะมากกว่า

ถ้ากินข้าวครบทุกมื้อ ไม่กินจังก์ฟู้ดมากเกินไป ไม่ต้องกินเพิ่มก็ได้สินะ วิตามิน E เนี่ย แต่ถ้าคนที่มีปัญหาเรื่องการดูดซึมสารอาหาร ก็คงต้องกินเพิ่มอ่ะ

ข้อมูลสำคัญ (ปี 2567):

  • ปริมาณวิตามิน E ที่ร่างกายต้องการ: 10 IU ต่อวัน (สำหรับคนทั่วไป)
  • แหล่งที่มาของวิตามิน E: อาหารทั่วไป (หากรับประทานครบ 5 หมู่)
  • ผู้ที่อาจต้องการวิตามิน E เพิ่ม: ผู้ที่มีปัญหาการดูดซึมวิตามิน
  • คำแนะนำ: ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนรับประทานวิตามิน E เพิ่มเติม (โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว)
  • ข้อควรระวัง: การได้รับวิตามิน E มากเกินไป อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้

วิตามินE ห้ามใช้กับอะไร?

วิตามิน E จริงๆ แล้วไม่ได้มีข้อห้ามแบบเด็ดขาดว่า “ห้ามใช้กับอะไร” นะครับ การใช้ร่วมกับสกินแคร์ตัวอื่นโดยทั่วไป ไม่มีปัญหา แต่สิ่งที่ต้องระวังคือเรื่องของ ปริมาณ และ สภาพผิว ของแต่ละคนมากกว่า

  • ปริมาณที่มากเกินไป: วิตามิน E เป็น oil-soluble vitamin คือละลายในน้ำมันได้ดี ถ้าใช้ในปริมาณที่เยอะเกินไป อาจทำให้ผิวมัน เกิดการอุดตันรูขุมขน และเป็นสิวได้ โดยเฉพาะคนที่มีผิวมันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
  • การแพ้: แม้จะไม่ค่อยเจอ แต่ก็มีบางคนที่แพ้วิตามิน E หรือส่วนประกอบอื่นๆ ในผลิตภัณฑ์ที่มีวิตามิน E ได้ ดังนั้นก่อนใช้จริง ควรทดสอบอาการแพ้ก่อนเสมอ

ข้อมูลเสริม (เชิงปรัชญาเล็กน้อย): จริงๆ แล้วไม่มีอะไรในโลกนี้ที่ “ดี” หรือ “ร้าย” แบบ absolute หรอกครับ ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับบริบท ปริมาณ และความเหมาะสม วิตามิน E ก็เหมือนกัน มีประโยชน์มากมาย แต่ถ้าใช้ไม่ถูกวิธี ก็อาจเกิดผลเสียได้ นี่อาจเป็นสัจธรรมอย่างหนึ่งของชีวิตก็ได้นะ

เกร็ดเล็กน้อย: ผมเคยอ่านเจอว่าวิตามิน E ที่ได้จากธรรมชาตินั้น (d-alpha-tocopherol) ร่างกายจะดูดซึมไปใช้ได้ดีกว่าวิตามิน E สังเคราะห์ (dl-alpha-tocopherol) นิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ต่างกันมากมายขนาดต้องซีเรียสขนาดนั้นหรอก

สรุป: วิตามิน E ใช้ได้กับหลายสิ่ง แต่ควรระวังปริมาณและอาการแพ้เท่านั้นเองครับ

ถ้าขาดวิตามินอีจะเป็นอย่างไร?

เอ๊ะ ขาดวิตามินอี เหรอ? จะเป็นไรหว่า…

  • ระบบประสาทพัง! แต่กว่าจะรู้ตัวก็ นาน มากกกก อ่ะ คิดดูดิ กว่าจะรู้ว่าตัวเองตอบสนองช้าลง เดินเซๆ กล้ามเนื้อไม่มีแรง… น่ากลัวนะ

  • ทำไมถึงขาด? ส่วนใหญ่ ไม่ใช่ กินน้อย แต่เป็นเพราะร่างกายมันดูดซึมไขมันไม่ได้เรื่องมากกว่า (ตับ ตับอ่อน ลำไส้)

  • พันธุกรรมก็เกี่ยว! บางคนเป็นโรคทางพันธุกรรมอยู่แล้ว โอกาสขาดวิตามินอีก็สูงกว่าคนอื่น

  • แล้วต้องกินวิตามินอีเสริมเลยป่ะเนี่ย? 🤔 ไม่รู้ว่ะ ยังไม่อยากคิด

  • วิตามินอี สำคัญนะ! เป็น antioxidant ตัวท็อป ช่วยปกป้องเซลล์เราจากความเสียหาย โดนทำร้ายจาก free radicals อ่ะ

  • Free radicals นี่ตัวร้ายเลยนะ ทำให้แก่เร็ว เป็นต้นเหตุของโรคต่างๆ ด้วย!

  • แหล่งวิตามินอีดีๆ ก็พวก น้ำมันพืช (ทานตะวัน, ถั่วเหลือง), ถั่วเปลือกแข็ง, ผักใบเขียวเข้ม

  • แต่กินเยอะไปก็ไม่ดีอีก 🙄 ทุกอย่างต้องพอดีๆสินะ

  • สรุป ขาดวิตามินอี ระบบประสาทพัง (แต่กว่าจะรู้ตัวนาน) ส่วนใหญ่ขาดเพราะดูดซึมไขมันผิดปกติ ไม่ใช่กินน้อย…เออ แค่นี้แหละ ขี้เกียจคิดต่อแล้ว

วิตามินอีกินแล้วอ้วนไหม?

อ้วนไม่อ้วน! เรื่องวิตามินอีเนี่ยนะ อย่าไปซีเรียสเลยครับท่าน! เหมือนเอาลูกอมไปเทียบกับน้ำหนักช้าง มันก็ไม่เห็นจะเกี่ยวกันอยู่ดี! งานวิจัยปีนี้ที่ฉันไปเจอมา(ขออภัยจำชื่อรายการไม่ได้ จำได้แค่ว่าเยอะมาก!) บอกชัดเจนว่า ไม่มีหลักฐานอะไรมาสนับสนุนว่ากินวิตามินอีแล้วอ้วนขึ้นนะจ๊ะ!

  • น้ำหนักตัว ไม่เปลี่ยนแปลง เท่าที่อ่านๆมาคือ แทบจะไม่ต่างกันเลย!
  • BMI ก็เฉยๆ เหมือนเดิม! ไม่ขึ้นไม่ลง!
  • เอว ก็ยังเท่าเดิม! ไม่เห็นจะพองขึ้นมาเลยสักนิด!

สรุปง่ายๆ คือ วิตามินอีกับความอ้วน มันคนละเรื่องกันเลยครับท่าน! เหมือนเอาหมาไปเปรียบกับแมว มันก็คนละสปีชีส์อยู่ดี! จะไปหวั่นไหวทำไมเนี่ย! ไปกินให้สบายใจเถอะครับ! (แต่ก็อย่ากินเยอะเกินไปนะครับ อะไรมากเกินไปก็ไม่ดีทั้งนั้นแหละ!)

เพิ่มเติมเล็กน้อย อย่าลืมนะครับว่า การกินอาหารที่ดี ออกกำลังกายเป็นประจำ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ สำคัญกว่าการกินวิตามินอีมากมายนัก! วิตามินอีเป็นแค่ส่วนเสริมเล็กๆ นะครับ อย่าไปหวังพึ่งพามันมากเกินไป ไม่งั้นเดี๋ยวจะผิดหวัง! เหมือนหวังพึ่งพาลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง โอกาสได้น้อยมากกกกกก!

วิตามินอีควรกินตอนไหนดีที่สุด?

วิตามินอี ควรทานตอนไหนดีที่สุด? เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด ควรทานพร้อมมื้ออาหารที่มีไขมัน

  • เหตุผล: วิตามินอี เป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน การรับประทานพร้อมกับอาหารที่มีไขมันจะช่วยเพิ่มการดูดซึมและการนำไปใช้ประโยชน์ในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ คิดง่ายๆ คือ ไขมันเปรียบเสมือนพาหนะส่งวิตามินอีเข้าสู่เซลล์ต่างๆ

  • ข้อควรระวัง: ปริมาณวิตามินอีที่เหมาะสมนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น อายุ เพศ สุขภาพ และกิจกรรม การทานวิตามินอีเกินขนาดอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนทานวิตามินเสริมทุกชนิด เพื่อความปลอดภัย นี่คือสิ่งที่ผมเองก็ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะสุขภาพที่ดีนั้นสำคัญเสมอ

  • ข้อมูลเพิ่มเติม (ปี 2566): งานวิจัยหลายชิ้นในปีนี้ยังคงย้ำถึงความสำคัญของการทานวิตามินอีควบคู่กับไขมัน แต่ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนว่า เวลาใดเวลาหนึ่งดีที่สุด ส่วนใหญ่แนะนำให้ทานพร้อมอาหารเช้าหรืออาหารกลางวัน เพราะเป็นมื้อที่มีไขมันค่อนข้างสูง และร่างกายสามารถดูดซึมได้ดี

  • มุมมองส่วนตัว: ผมมองว่าการทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และเน้นอาหารธรรมชาติที่มีวิตามินอีอยู่แล้ว เช่น ผักใบเขียว ถั่วต่างๆ เป็นสิ่งสำคัญที่สุด การทานวิตามินเสริมควรเป็นส่วนเสริม ไม่ใช่หลัก เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการได้รับสารอาหารเกินขนาด ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาวได้

#ผิวสวย #ลดฝ้า #วิตามินอี