น้ําตาลในเลือดสูง มีผลต่อ หลอดเลือด อย่างไร

14 การดู

น้ำตาลสูงทำลายหลอดเลือด

ระดับน้ำตาลในเลือดสูงเรื้อรัง โดยเฉพาะในผู้ป่วยเบาหวาน ทำให้เกิดความเสียหายต่อผนังหลอดเลือดแดงทั่วร่างกาย กระบวนการนี้เรียกว่า "ความเสียหายของหลอดเลือดเนื่องจากน้ำตาลในเลือดสูง" (Hyperglycemic vascular damage)

กลไกการทำลาย: น้ำตาลในเลือดสูงกระตุ้นการอักเสบและการสร้างสารอนุมูลอิสระ ทำให้ผนังหลอดเลือดเสื่อมสภาพ แข็งตัว ลดความยืดหยุ่น เสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไต และแผลเรื้อรัง

ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ซึ่งมักมีภาวะดื้อต่ออินซูลิน ยิ่งมีความเสี่ยงสูงต่อภาวะแทรกซ้อนด้านหลอดเลือด เนื่องจากการควบคุมระดับน้ำตาลได้ไม่ดี จึงควรดูแลสุขภาพและควบคุมระดับน้ำตาลอย่างเคร่งครัด

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

น้ำตาลในเลือดสูง ส่งผลต่อหลอดเลือดอย่างไร?

โอเค เข้าใจแล้ว! ลองดูนะว่าจะออกมาเป็นยังไง

น้ำตาลในเลือดสูงเนี่ยนะ ตัวร้ายเลยแหละ! มันเหมือนมีน้ำตาลกรวดวิ่งพล่านอยู่ในเส้นเลือดเราตลอดเวลาอ่ะ คิดดูดิ มันก็ต้องไปขูดๆ ขีดๆ ผนังหลอดเลือดบ้างแหละ จริงมะ? แล้วพอผนังหลอดเลือดมันเริ่มไม่ดี มันก็เลยทำให้เกิดปัญหาตามมาเป็นพรวนเลยไง

จำได้เลย ตอนนั้นยายเราเป็นเบาหวาน (ประเภท 2 นี่แหละ) หมอเค้าก็บอกว่า “ยายต้องคุมน้ำตาลนะ ไม่งั้นเส้นเลือดจะพัง” ตอนนั้นเราก็ยังเด็กๆ ก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอก แต่พอโตขึ้นมาถึงรู้ว่ามันน่ากลัวขนาดไหน

แล้วไอ้เรื่องสารอะไรต่อมิอะไรในเลือดที่มันสูงขึ้นตอนเป็นเบาหวานเนี่ย โอ้โห… ตัวดีเลย! มันเหมือนไปเร่งเครื่องให้หลอดเลือดเราเสื่อมเร็วขึ้นไปอีกอ่ะ คือปกติมันก็เสื่อมตามอายุอยู่แล้วไง แต่นี่เหมือนโดนสารพวกนี้ไปกระตุ้นให้มันพังเร็วขึ้นไปอีก

แล้วไอ้ที่บอกว่าดื้ออินซูลินในเบาหวานชนิดที่ 2 เนี่ยนะ มันก็เกี่ยวกันหมดแหละ! อินซูลินมันเหมือนกุญแจที่ไขให้น้ำตาลเข้าไปในเซลล์ได้ พอดื้ออินซูลิน น้ำตาลมันก็เลยลอยเท้งเต้งอยู่ในเลือดเยอะแยะไปหมด แล้วมันก็วนกลับไปทำร้ายหลอดเลือดอีกที วงจรอุบาทว์ชัดๆ

สรุปคือ น้ำตาลสูงเนี่ย ตัวอันตรายต่อหลอดเลือดจริงๆ นะ! คุมได้ก็คุมเถอะ เชื่อเหอะ ดีต่อใจและต่อร่างกายระยะยาวแน่นอน!

เมื่อน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้นมากเกินไปจะเกิดอะไรขึ้น

โอ๊ย! น้ำตาลขึ้นสูงเนี่ยนะ… เคยเจอตอนกินเค้กช็อกโกแลตวันเกิดเพื่อนที่ร้าน “Secret Recipe” สาขาเซ็นทรัลเวิลด์เมื่อเดือนที่แล้ว ตอนนั้นคือหน้ามืด ใจสั่น มือเย็นเฉียบ นึกว่าจะวูบกลางห้างซะแล้ว

ปล่อยน้ำตาลสูงนาน ๆ นี่เรื่องใหญ่เลยนะ หมอบอกว่าเส้นเลือดมันจะเหมือนท่อที่โดนไขมันเกาะอ่ะ ส่งเลือดไปเลี้ยงอวัยวะไม่พอ… แล้วทีนี้ก็จะพัง ๆๆ

  • ตา: นี่กลัวมาก! เพราะแม่เป็นเบาหวาน จอประสาทตาเสื่อม ต้องไปยิงเลเซอร์บ่อย ๆ น่าสงสารสุด ๆ หมอบอกว่าถ้าปล่อยไว้อาจจะบอดได้เลย
  • ไต: อันนี้ก็น่ากลัว ไตวายนี่คือต้องฟอกไตตลอดชีวิต ไม่อยากนึกภาพเลย
  • ปลายประสาท: ชาตามมือนี่ก็เริ่มเป็นแล้วนะ สงสัยต้องไปหาหมอจริงจังซะที

สรุปคือ… คุมน้ำตาลให้อยู่ดีที่สุด! อย่าประมาทเด็ดขาด!

เมื่อน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้นมากเกินไปจะเกิดอะไรขึ้น

น้ำตาลสูง? หายนะมาเยือน

  • หลอดเลือดเปราะ ออกซิเจนขาด
  • ตาดับ ไตพัง ปลายประสาทชา
  • หวานเกินไป ขมขื่นถึงชีวิต

ข้อมูลเสริม:

  • เบาหวานชนิด 1: ตับอ่อนหยุดผลิตอินซูลิน ร่างกายโจมตีตัวเอง
  • เบาหวานชนิด 2: ร่างกายดื้ออินซูลิน กรรมพันธุ์มีส่วน
  • สัญญาณเตือน: กระหายน้ำ ปัสสาวะบ่อย ตาพร่า เหนื่อยง่าย แผลหายช้า
  • คุมระดับน้ำตาล: อาหาร การออกกำลังกาย ยา (ตามแพทย์สั่ง)
  • ภาวะแทรกซ้อน: โรคหัวใจ โรคไต ตาบอด แผลเรื้อรัง (อาจต้องตัดขา)
  • ตรวจสุขภาพ: ตรวจระดับน้ำตาลในเลือดเป็นประจำ โดยเฉพาะคนที่มีความเสี่ยง
  • อาหารที่ควรเลี่ยง: น้ำหวาน น้ำอัดลม ขนมหวาน แป้งขัดสี
  • อาหารที่ควรเน้น: ผักใบเขียว ธัญพืชไม่ขัดสี โปรตีนไม่ติดมัน
  • การออกกำลังกาย: ช่วยให้ร่างกายใช้อินซูลินได้ดีขึ้น ลดระดับน้ำตาลในเลือด
  • ความเครียด: ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น จัดการความเครียดด้วยวิธีที่เหมาะสม
  • การนอนหลับ: พักผ่อนให้เพียงพอ ส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด
  • สมุนไพร: บางชนิดช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้
  • ค่าปกติ: ระดับน้ำตาลในเลือดก่อนอาหารเช้าควรอยู่ที่ 70-100 mg/dL
  • ค่าเป้าหมาย: HbA1c ควรต่ำกว่า 7% (สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน)
  • ความดันโลหิต: ควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติ (ต่ำกว่า 130/80 mmHg)
  • ไขมันในเลือด: ควบคุมระดับไขมันในเลือด (LDL, HDL, Triglycerides)
  • งดสูบบุหรี่: บุหรี่ทำลายหลอดเลือด เพิ่มความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อน
  • ดูแลเท้า: ตรวจเท้าทุกวัน ป้องกันแผล
  • วัคซีน: ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ป้องกันปอดอักเสบ (ผู้ป่วยเบาหวานมีความเสี่ยงสูง)
  • ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: พบแพทย์ นักโภชนาการ ผู้ให้คำปรึกษาด้านเบาหวาน เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
  • สถิติ: เบาหวานเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของโลก
  • ปัจจุบัน: มีเทคโนโลยีใหม่ๆ ในการตรวจวัดระดับน้ำตาลแบบต่อเนื่อง (CGM)
  • อนาคต: การวิจัยมุ่งเน้นการรักษาเบาหวานให้หายขาด (การปลูกถ่ายเซลล์ตับอ่อน)

ปีนี้ ผมงดกินทุเรียน (ชั่วคราว)

#น้ำตาลในเลือด #หลอดเลือด #เบาหวาน