ตดบ่อยเกิดจากสาเหตุอะไร
ตดบ่อย: สาเหตุหลัก
- อาหาร: โปรตีนสูง (เนื้อสัตว์, ไข่, ถั่ว), น้ำอัดลม, แอลกอฮอล์ กระตุ้นการสร้างแก๊ส
- กลิ่นแรง: คะน้า, กะหล่ำปลี, หน่อไม้ฝรั่ง, ผักกลิ่นแรง
- พฤติกรรม: กลืนอากาศ (เคี้ยว, หายใจ, สูบบุหรี่)
- โรค: เบาหวาน, ตับ, ลำไส้อักเสบ, อาหารไม่ย่อย
ตดบ่อย เกิดจากอะไร?
โอ๊ย เรื่องตดนี่มันเรื่องธรรมชาติสุดๆ ใครๆ ก็เป็นแหละ อย่าไปคิดมาก! แต่ถ้ามันบ่อยเกินไปก็อาจจะต้องสังเกตนิดนึง
เคยเป็นนะ ช่วงกินเจหนักๆ ผักเยอะ แก๊สเยอะตาม กินถั่วก็ตัวดีเลย ตอนนั้นผายลมแบบไม่เกรงใจใครเลยอ่ะ 555
พวกอาหารโปรตีนสูงก็ใช่ย่อยนะ เนื้อสัตว์ ไข่ กินเยอะก็ตดบ่อยจริง แต่ถ้าตดแล้วกลิ่นแรงนี่ต้องโทษพวกผักกลิ่นแรงทั้งหลาย คะน้า กะหล่ำปลี หน่อไม้ฝรั่ง พวกนี้แหละตัวดี
บางทีเราก็ไม่ได้กินอะไรผิดปกตินะ แต่ตดบ่อยเฉยเลย อาจจะเป็นเพราะเรากลืนอากาศเข้าไปตอนกินข้าวก็ได้ เคี้ยวเร็วเกินไปไง หรือบางคนสูบบุหรี่ก็มีส่วนนะ
แต่ถ้าตดบ่อยผิดปกติ แถมมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ปวดท้อง ท้องเสีย อันนี้ต้องไปหาหมอแล้วนะ อาจจะมีโรคประจำตัวอะไรแอบแฝงอยู่ก็ได้ โรคเบาหวาน โรคตับ โรคลำไส้อักเสบ พวกนี้ก็ทำให้ตดบ่อยได้เหมือนกัน
สรุปคือถ้าตดบ่อยจนรำคาญก็ลองสังเกตอาหารที่กินดู ลดพวกอาหารที่ทำให้เกิดแก๊สเยอะๆ แล้วก็เคี้ยวอาหารให้ช้าลง แค่นี้ก็น่าจะช่วยได้เยอะแล้วล่ะ
ทําไมถึงตดทั้งวัน
ตดทั้งวัน? ธรรมดา กินอะไรเข้าไปก็ต้องออกมาบ้าง แต่ถ้าบ่อยเกิน จนน่ารำคาญ อาจมีปัญหาสุขภาพ ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ
- กินเยอะไป: กินจุ กินเร็ว กลืนลมเข้าไปเยอะ ก็ตดเยอะเป็นธรรมดา ลองกินน้อยลง เคี้ยวช้าๆดู
- อาหารบางอย่าง: นม ถั่ว ผักบางชนิด ย่อยยาก ทำให้เกิดแก๊ส ลองสังเกตตัวเอง เลี่ยงอาหารพวกนี้
- ลำไส้แปรปรวน (IBS): โรคยอดฮิต เครียด กินอะไรผิด ก็ตดบ่อย ปวดท้อง ท้องเสียสลับท้องผูก ลองปรึกษาหมอ
- แพ้อาหาร: บางคนแพ้แลคโตสในนม กลูเตนในแป้งสาลี กินแล้วก็ตด ท้องอืด ต้องตรวจดู
- ติดเชื้อในลำไส้: อันนี้อันตราย ตดเหม็นมาก ท้องเสีย มีไข้ รีบไปหาหมอเลย อย่าชะล่าใจ
- มะเร็งลำไส้: อันตรายสุดๆ แต่ส่วนใหญ่มักมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ถ่ายเป็นเลือด น้ำหนักลด ถ้ากังวล ไปตรวจดีกว่า ปลอดภัยไว้ก่อน
ส่วนตัวผมเคยตดเยอะเพราะกินนมมากไป พอเลิกกินก็หาย ของแบบนี้ต้องสังเกตตัวเอง ถ้าไม่ไหวจริงๆ ไปหาหมอดีที่สุด อย่าปล่อยไว้ เดี่ยวพัง
กินอะไรลดตด
อืม… ตดเยอะเนอะ ช่วงนี้เครียดด้วยมั้ง กินอะไรก็ไม่ค่อยลง นอนไม่ค่อยหลับ เลยคิดมากไปหมด
ลองกินพวกนี้ดู เผื่อจะช่วยได้บ้างนะ แต่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะว่าจะได้ผลขนาดไหน เพราะของแบบนี้มันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย
- น้ำมะนาว รู้สึกว่ามันช่วยได้นะ แต่ก็ต้องค่อยๆดื่ม ไม่ใช่ดื่มทีเดียวเยอะๆ แสบกระเพาะแน่
- โยเกิร์ต กินเป็นประจำอยู่แล้ว ช่วยเรื่องระบบทางเดินอาหาร ปีนี้ซื้อแบบไร้ไขมัน หวังว่าจะช่วยได้บ้าง
- มะละกอ ชอบกินอยู่แล้ว หวานๆ อร่อยดี หวังว่าจะช่วยเรื่องระบบย่อยได้บ้าง
- ขิง เคยลองแล้ว รู้สึกว่าช่วยได้ แต่ต้องกินตอนที่เริ่มรู้สึกท้องอืดๆ
- กระเทียม อันนี้กินยากหน่อย แต่ก็ช่วยได้นะ กลิ่นแรงไปหน่อย
ไม่รู้จะช่วยได้มากแค่ไหน แต่ก็ลองดูเนอะ ถ้าไม่หายก็คงต้องไปหาหมอแล้วล่ะ ช่วงนี้เหนื่อยมากเลย อยากนอนพักผ่อนจริงๆ
อ้อ… ลืมบอกไป ปีนี้ ฉันทานพวกผักใบเขียวเพิ่มขึ้นเยอะเลย หวังจะปรับระบบขับถ่ายให้ดีขึ้น แต่ก็ยังไม่เห็นผลอะไรมาก อาจจะต้องใช้เวลา
ทํายังไงไม่ให้ตดบ่อย
อืมม… ตดบ่อยเนอะ กลางคืนนี่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย เพิ่งนึกออกว่าตัวเองก็เป็นเหมือนกัน หนักหัวจังเลย
ปีนี้ลองทำหลายอย่างแล้วนะ แต่ก็ยังไม่ดีขึ้นเท่าไหร่ แบบว่า..
-
ลดพวกของทอด ของมันๆ ลงเยอะเลย กินแต่ข้าวต้มกับต้มจืด ก็ยังตดอยู่ดี ฮือออ เหนื่อยใจจริงๆ
-
กาแฟ โค้ก เบียร์ เลิกหมดแล้ว แต่ก็ยัง.. ไม่หาย T^T
-
เรื่องกินน้อยๆ นี่พยายามอยู่ แต่บางทีก็หิวอะ กินเยอะไปก็ท้องอืด ไม่กินก็หิว เป็นงี้ทุกวัน
-
พูดน้อยลงตอนกินข้าว ก็ยังเหมือนเดิม เซ็ง
-
ส่วนเรื่องแพ้อาหารนี่ เคยไปตรวจแล้วนะ ปีนี้ หมอบอกว่าไม่มี ก็ยังไม่รู้ว่าเพราะอะไร
คือแบบว่า มันไม่ใช่แค่ตดบ่อยนะ บางทีท้องก็แน่นๆ เรอบ่อยด้วย บางวันนี่ ปวดท้องด้วยซ้ำ เหนื่อยจัง
สงสัยต้องไปหาหมออีกทีแล้วล่ะ ช่วงนี้เครียดด้วย เลยยิ่งแย่ ไม่รู้จะทำยังไงแล้วจริงๆ พรุ่งนี้ต้องโทรไปนัดหมอแล้ว
ทําไมถึงตดตลอดเวลา
ทำไมถึงตดตลอดเวลา? อาการตดบ่อยอาจสัมพันธ์กับอาหารที่เรากินเข้าไปโดยตรง ลองสังเกตตัวเองดูว่าช่วงนี้ทานอะไรที่ต่างจากเดิมรึเปล่า
- อาหารสร้างแก๊ส: พวกน้ำอัดลม เบียร์ หรือแม้แต่ถั่วบางชนิด (เช่น ถั่วแดงหลวงที่โปรดปราน) ล้วนมีส่วนทำให้เกิดแก๊สในระบบทางเดินอาหารได้ทั้งนั้น
- เนื้อสัตว์และไขมัน: การทานเนื้อสัตว์เยอะเกินไป หรืออาหารมันจัด ก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ท้องอืดและตดบ่อยได้เหมือนกัน เพราะย่อยยากกว่า
- การเคี้ยว: หลายคนอาจมองข้าม แต่การเคี้ยวอาหารไม่ละเอียดนี่แหละ ตัวการสำคัญเลย เพราะมันทำให้กระบวนการย่อยอาหารในกระเพาะอาหารทำงานหนักขึ้น
จริงๆ แล้วร่างกายคนเราก็เหมือนเครื่องจักรกลที่มีกลไกซับซ้อน การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ในพฤติกรรมการกิน อาจส่งผลกระทบที่คาดไม่ถึงได้เสมอ
เพิ่มเติม:
- การแพ้แลคโตส (Lactose intolerance) ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดแก๊สในท้องได้ ลองสังเกตตัวเองดูว่าหลังดื่มนมมีอาการผิดปกติรึเปล่า
- บางครั้งการตดบ่อยอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่ซับซ้อนกว่านั้น ถ้าลองปรับเปลี่ยนอาหารแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียดจะดีกว่า
ตดตอนนอนแก้ยังไง
ตดตอนนอน แก้ได้!
- งดกลืนลม: พฤติกรรมนี้เพิ่มปริมาณลมในท้องโดยไม่จำเป็น เหมือนเติมเชื้อเพลิงให้ไฟ
- อาหารอ่อน สุก สะอาด: ลดภาระระบบย่อยอาหาร, เลี่ยงอาหารหมักดองไปก่อน
- กินให้ตรงเวลา: ร่างกายมีนาฬิกา, กินไม่ตรงเวลาเดี๋ยวตีกัน
- หลังอาหาร เดินเบาๆ: ช่วยลำไส้ทำงาน, ขยับตัวสักหน่อยชีวิตก็เปลี่ยน
- ท่านอนไม่เกี่ยวเท่าไหร่: แต่ไม่ควรนอนปุ๊บหลังกินอิ่มๆ ทันที
เชิงลึก (นิดนึง):
ร่างกายเราสร้างแก๊สเองได้ด้วยนะ! กระบวนการย่อยอาหารโดยแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ ปล่อยทั้งไฮโดรเจน, มีเทน, คาร์บอนไดออกไซด์… สูตรใครสูตรมันเลย
แล้วทำไมต้องแก้?
ถ้าตดมากเกินไปรบกวนการนอน หรือส่งผลต่อความสัมพันธ์ ก็ต้องปรับตัวกันหน่อย นี่คือศิลปะการอยู่ร่วมกันในสังคม!
ดมกลิ่นตดเป็นไรไหม
ดมกลิ่นตดตัวเองเนี่ยนะ? เป็นไรไหม? ถ้าสุขภาพดี ตดก็หอม เอ้ย! ไม่ใช่ กลิ่นก็จะธรรมดาๆ แหละ เหมือนลมหายใจตอนตื่นนอนน่ะ (อันนี้แซวเล่นนะ) แต่ถ้าเริ่มเหมือนระเบิดเคมีในห้องแล็บ แบบเหม็นคละคลุ้งจนแมลงสาบยังต้องอพยพ อันนี้สิ น่าคิด อาจจะแพ้แลคโตส กินนมวัวแล้วท้องเสียพุ่งปรี๊ด หรืออาหารไม่ย่อย แบบกินบุฟเฟต์จนจุกอก หรือหนักสุด ติดเชื้อในทางเดินอาหาร ต้องไปหาหมอแล้วล่ะ อย่าปล่อยให้ลำไส้เป็นสนามรบเชื้อโรคนาน
- กลิ่นตดบอกโรคได้ (จริงจังนะ!)
- ตดเหม็นมาก อาจจะเพราะกินเนื้อแดงเยอะไป
- กลิ่นแบบไข่เน่า อาจจะเป็นเพราะลำไส้ดูดซึมสารอาหารไม่ดี
- ถ้าตดบ่อยมาก ผิดปกติ รีบปรึกษาแพทย์ดีกว่า อย่าปล่อยไว้ เดี๋ยวเพื่อนหนีหมด! (อันนี้แซวเล่น อีกแล้ว)
ส่วนที่บอกว่า ดมกลิ่นตดเป็นเรื่องที่ดี? เอิ่ม… เอาที่สบายใจเลย แต่ผมขอผ่านละกัน 555 (ส่วนตัวผมเคยอ่านเจอว่าในปริมาณน้อยๆ กลิ่นตดมีประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น ช่วยป้องกันมะเร็ง ลดความดันโลหิต อันนี้เป็นข้อมูลที่ผมเคยอ่านเจอ แต่ผมไม่แนะนำให้ลองนะครับ ฮ่าๆ)
ข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต