หลังผ่าตัดต้องฉี่ภายในกี่ชม

40 การดู

หลังผ่าตัด ควรปัสสาวะภายใน 6-8 ชั่วโมง ติดตามปริมาณและลักษณะปัสสาวะอย่างใกล้ชิด หากเกินเวลาที่กำหนด ควรกระตุ้นให้ปัสสาวะ หรือแจ้งแพทย์เพื่อรับการสวนปัสสาวะทันที การสังเกตการขับถ่ายปัสสาวะเป็นสิ่งสำคัญต่อการฟื้นตัวหลังผ่าตัด อย่าละเลยหากมีอาการผิดปกติ รีบปรึกษาแพทย์

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

หลังผ่าตัดต้องฉี่ภายในกี่ชั่วโมง?

เอ่อ… เรื่องฉี่หลังผ่าตัดนี่นะ, จำได้ว่าตอนผ่าไส้ติ่งตอน ม.4 (น่าจะปี 2548 แถวๆ รพ. [ชื่อโรงพยาบาล]), พยาบาลเค้าเน้นย้ำเลยว่า 6-8 ชั่วโมงต้องเรียบร้อย.

คือถ้าไม่ฉี่นี่เค้าคงกังวลเรื่องระบบทำงานผิดปกติมั้ง, หรือไม่ก็อาจมีอะไรไปกดทับ.

แล้วตอนนั้นคือเราก็พยายามมากอ่ะ, กินน้ำเยอะๆ แต่ก็ไม่ปวดฉี่ซักที.

สุดท้ายพยาบาลเลยต้องมาช่วยกระตุ้น… แบบว่าเปิดน้ำไหลให้ฟัง. เออ…ได้ผลแฮะ! แต่ถ้าไม่ได้ผล เค้าคงสวนปัสสาวะให้น่ะ

ถ้าจำไม่ผิดนะ, ตอนนั้นพยาบาลเค้าจะดูสีฉี่ด้วยว่าปกติไหม. ถ้าสีแปลกๆ เค้าคงรายงานหมอต่อ.

ทำยังไงให้ฉี่ออกหลังผ่าตัด

เอ้าเฮ้ย! ถามเรื่องฉี่หลังผ่าตัดเนี่ยนะ นึกว่าจะถามวิธีรวยทางลัดซะอีก! เอาเป็นว่าหลังผ่าตัด 2-3 วันแรกเนี่ยนะ เค้าจะ “ล็อกดาวน์ท่อฉี่” เราด้วยสายสวนไปก่อนเลยจ้ะ อย่าเพิ่งตกใจคิดว่าชีวิตนี้จะไม่ได้เบ่งฉี่เองอีกแล้ว!

  • ทำไมต้องล็อกดาวน์: ก็เพราะว่าแผลผ่าตัดมันยังสด ๆ ร้อน ๆ อยู่ไงล่ะคุณ! กล้ามเนื้อแถวนั้นมันอาจจะ “เกร็ง” เป็นพิเศษ ทำให้ฉี่ไม่ออก หรือออกยาก ถ้าขืนเบ่งเอง มีหวังเส้นเลือดฝอยแตก แผลปริ เปิดโลกใหม่กันพอดี!

  • หลังจากนั้นล่ะ: พอลุงหมอเห็นว่าเราเริ่ม “คลายล็อก” กล้ามเนื้อได้บ้างแล้ว เค้าก็จะถอดสายสวนออก แล้วให้เราลองฉี่เอง แต่!!! อย่าเพิ่งดีใจกระโดดโลดเต้น เพราะมันอาจจะไม่ง่ายอย่างที่คิด!

  • ทำยังไงให้ฉี่ออก:

    • ใจเย็น ๆ: อย่าไปเร่งมัน! ทำใจให้สบาย คิดถึงน้ำตกไหลเย็น ๆ (แต่ไม่ใช่คิดถึงแฟนเก่านะ เดี๋ยวจะยิ่งฉี่ไม่ออก!)
    • เปิดน้ำเบา ๆ: บางทีเสียงน้ำไหลก็ช่วยกระตุ้นให้ฉี่ไหลตามได้เหมือนกันนะเออ!
    • ประคบร้อน: เอาผ้าชุบน้ำอุ่น ๆ มาประคบตรงท้องน้อยเบา ๆ ก็ช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัวได้
    • ถ้าไม่ไหวจริง ๆ: บอกพยาบาล! อย่าทน! เค้ามีวิธีช่วย ไม่ต้องกลัว!
  • สำคัญมาก: ถ้าฉี่ไม่ออกนานเกินไป หรือมีอาการปวดท้องน้อยมาก ๆ รีบบอกหมอหรือพยาบาลด่วน! อย่าปล่อยไว้!

ป.ล. อย่าไปฟังพวก “หมอดู” แถวบ้านที่บอกว่าให้กินน้ำมนต์แล้วฉี่จะคล่องนะ! เชื่อหมอจริง ๆ ดีกว่าเยอะ! แล้วก็อย่าไป “บนบานศาลกล่าว” ว่าถ้าฉี่ออกจะวิ่งแก้บนรอบโรงพยาบาล! เค้าจะหาว่าเราบ้า!

ผ่าตัดส่องกล้องนอนตะแคงได้ไหม

ผ่าตัดส่องกล้องนอนตะแคงได้มั้ย? อืมม…

  • หลังผ่าตัด 24 ชม. พลิกตะแคงตัวได้นะ น่าจะดีกว่านอนเฉยๆ อ่ะมั้ง (แต่ก็ต้องถามหมอก่อนปะวะ?)
  • ลุกนั่งเดินเร็วๆ ช่วยฟื้นตัว ลดท้องอืด พังผืด เออจริง ลืมไปเลยว่าเคยท้องอืดหลังผ่าตัด

ปวดแผลก็บอกพยาบาลดิ เค้ามียาแก้ปวดให้อยู่แล้ว ไม่ต้องทน

  • ผ่าตัดส่องกล้อง แผลเล็ก ฟื้นตัวไว (อันนี้จริงมากก)

สำคัญ: ถามหมอที่ผ่าตัดดีสุด!!! เค้าจะรู้ว่าเคสเราเป็นไง

ข้อมูลเพิ่มเติม:

  • จำได้ว่าตอนผ่าตัดไส้ติ่ง(ปีที่แล้ว) หมอบอกให้ขยับตัวเยอะๆ แต่ก็ระวังแผลด้วย
  • ยาแก้ปวดที่ได้หลังผ่าตัดคือ Tramadol มั้ง? (ไม่แน่ใจ)
  • เคยอ่านเจอว่าการเดินช่วยลดความเสี่ยงลิ่มเลือดอุดตันหลังผ่าตัดด้วยนะ
  • (edit) อ้อ! อีกอย่างที่สำคัญคือ ทำตามคำแนะนำของหมอ ทุกอย่าง เข้าใจป่ะ!

หลังผ่าตัดควรเดินเยอะแค่ไหน

หลังผ่าตัด ควรเดินมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับประเภทการผ่าตัดและสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล แพทย์จะเป็นผู้ประเมินและแนะนำอย่างละเอียด แต่โดยทั่วไป การเคลื่อนไหวเบาๆ เป็นสิ่งสำคัญ ไม่ใช่แค่การเดิน แต่รวมถึงการออกกำลังกายที่เหมาะสม เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัว

  • การเดิน: เริ่มจากการเดินระยะสั้นๆ บ่อยๆ เช่น ทุก 1-2 ชั่วโมง ค่อยๆ เพิ่มระยะทางและความถี่ตามความทนทานของร่างกาย อย่าฝืนตัวเองจนเกินไป ปีนี้ (2566) มีงานวิจัยหลายชิ้นเน้นย้ำถึงประโยชน์ของการเคลื่อนไหวหลังผ่าตัด เพื่อลดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เช่น การแข็งตัวของเลือดในหลอดเลือด และช่วยให้ระบบทางเดินอาหารทำงานได้ดีขึ้น จริง ๆ แล้วการเดินก็เหมือนการทำสมาธิอย่างหนึ่งเลยนะ ช่วยให้จิตใจสงบ

  • การออกกำลังกายอื่นๆ: แพทย์อาจแนะนำการออกกำลังกายแบบอื่นๆ เช่น การบริหารกล้ามเนื้อ โยคะ หรือการกายภาพบำบัด เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ ที่สำคัญ เราต้องฟังร่างกายตัวเองเป็นหลัก ถ้ารู้สึกเจ็บปวดมาก ควรหยุดพัก และปรึกษาแพทย์ทันที

  • คำแนะนำเพิ่มเติม: การพักผ่อนอย่างเพียงพอและการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ก็เป็นปัจจัยสำคัญในการฟื้นตัวหลังการผ่าตัด อย่าลืมว่าการฟื้นตัวเป็นกระบวนการที่แตกต่างกันไปในแต่ละคน อย่าเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น ใจเย็นๆ ค่อยๆ ฟื้นตัวไปตามธรรมชาติ

เอาจริงๆ การฟื้นตัวหลังผ่าตัด มันก็เหมือนกับการเดินทางไกล เราต้องค่อยๆ เดินไป ไม่ใช่วิ่ง แต่ถ้าเรามีเป้าหมายที่ชัดเจน และมีแรงบันดาลใจที่ดี เราก็จะไปถึงจุดหมายได้อย่างแน่นอน

หลังผ่าตัดกินอะไรฟื้นตัวเร็ว

หลังผ่าตัดควรเน้นอาหารอ่อนๆ ย่อยง่าย เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวเร็ว นี่คือหลักการสำคัญ:

  • โปรตีนสูง: จำเป็นต่อการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ เลือกได้จากเนื้อปลา ไก่ ไข่ หรือเต้าหู้ ปรุงให้สุกและนุ่ม (ผมเองหลังผ่าตัดครั้งล่าสุด หมอแนะนำให้กินซุปไก่ต้มขิง ช่วยเรื่องอาการคลื่นไส้ด้วย)

  • ไขมันต่ำ: ลดภาระการทำงานของระบบย่อยอาหาร หลีกเลี่ยงอาหารทอด มัน และของหวานจัด

  • รสชาติอ่อน: อาหารรสจัดอาจกระตุ้นการอักเสบ และทำให้คลื่นไส้อาเจียน

  • ง่ายต่อการย่อย: โจ๊ก ข้าวต้ม หรือบดละเอียด จะช่วยลดการทำงานหนักของกระเพาะอาหาร

  • เพิ่มวิตามินและแร่ธาตุ: ผลไม้และผักนึ่ง จะช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน แต่ต้องดูความเหมาะสมกับประเภทการผ่าตัด เช่น การผ่าตัดลำไส้ อาจต้องระวังเรื่องกากใย

เพิ่มเติม: การรับประทานอาหารหลังผ่าตัดขึ้นอยู่กับชนิดของการผ่าตัด และสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ เพื่อวางแผนการรับประทานอาหารที่เหมาะสม อย่างน้อยก็ควรสอบถามแพทย์ที่ดูแลเราโดยตรง อย่าลืมว่าการฟื้นตัวเป็นกระบวนการซับซ้อน ไม่ใช่แค่เรื่องอาหารอย่างเดียว การพักผ่อนอย่างเพียงพอ และการดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม ก็สำคัญไม่แพ้กัน (ประสบการณ์ตรง พักผ่อนเยอะๆ ดีกว่าเยอะเลยครับ)

ผ่าตัดทำไมต้องใส่สายฉี่

ผ่าตัดเสร็จใหม่ๆ ใส่สายฉี่เนี่ย เรื่องจริงเลย ตอนผ่าไส้ติ่งที่ รพ.จุฬาฯ เมื่อต้นปี นี่แหละ ตอนแรกก็งงๆ ทำไมต้องใส่ พอถามพยาบาล เค้าบอกว่า “คุณหมอสั่งค่ะ ช่วยเรื่องปัสสาวะหลังผ่าตัด” ตอนนั้นคือเบลอๆ จากยา เลยไม่ได้ถามอะไรมาก แต่แอบคิดในใจ “ทำไม๊”

  • ระบายฉี่: สายฉี่ ช่วยให้ปัสสาวะไหลออกเองได้เลย ไม่ต้องเบ่ง คือตอนผ่าตัดใหญ่ๆ ร่างกายมันรวนไปหมด กล้ามเนื้อควบคุมปัสสาวะมันอาจจะยังไม่ทำงานดีเท่าที่ควร ถ้าฉี่เองไม่ได้ ท้องมันจะอืดมาก

  • ไตทำงาน: ที่สำคัญคือ หมอเค้าอยากรู้ว่าไตเราทำงานเป็นปกติรึเปล่า ปริมาณปัสสาวะที่ออกมา มันบอกอะไรได้เยอะเลยนะ ถ้าฉี่น้อยไป หรือไม่ฉี่เลย แสดงว่าไตอาจจะมีปัญหา

  • ผ่าตัดใหญ่ ช็อค: ถ้าผ่าตัดใหญ่มากๆ หรือคนไข้อยู่ในภาวะช็อค สายฉี่ก็ยิ่งจำเป็น เพราะมันเป็นตัวชี้วัดสำคัญ ว่าร่างกายยังโอเคอยู่ไหม คือมันช่วยประเมินสถานการณ์ได้แบบเรียลไทม์เลย

ในแต่ละวันร่างกายของเราขับปัสสาวะออกประมาณเท่าใด

อ้าว! ถามปริมาณน้ำปัสสาวะที่ขับถ่ายต่อวันเหรอ? นี่มันไม่ใช่แค่คำถามธรรมดา นี่มันการผจญภัยทางไตเลยนะ!

คิดง่ายๆ เหมือนถังน้ำที่ร่างกายเราใช้กรองสิ่งสกปรกน่ะ แต่ละคนถังไม่เท่ากัน คนน้ำหนัก 50 กิโล ก็ประมาณ 600 – 1200 มิลลิลิตรต่อวัน คิดเป็นขวดน้ำ ก็ประมาณ 2-4 ขวด (ขวดละ 500 มล. นะจ๊ะ) อย่าตกใจไป ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องถือขวดน้ำปัสสาวะเดินไปไหนมาไหนนะ!

  • ปริมาณไม่ตายตัว: เหมือนหมาหิวข้าว บางวันกินเยอะ บางวันกินน้อย ปริมาณน้ำที่ดื่ม อาหารที่กิน ยาที่รับประทาน อากาศร้อนหรือหนาว ล้วนมีผลต่อปริมาณ คิดแบบนี้แล้ว น่าสนุกกว่าเดิมไหมล่ะ?

  • อย่าลืมกระเพาะปัสสาวะ: อันนี้สำคัญ! มันคือถังเก็บชั่วคราว ความจุก็ไม่เท่ากันในแต่ละคน ถ้ามันเต็มเร็วไป ก็ควรไปปรึกษาคุณหมอ อย่าคิดว่าเป็นเรื่องตลก!

  • ปี 2024 ข้อมูลอัพเดท: ข้อมูลนี้ยังคงเป็นค่าเฉลี่ย หากมีข้อสงสัย ปรึกษาแพทย์ อย่าเชื่อผมคนเดียว ผมแค่คนตลก ไม่ใช่หมอ นะยะ!

  • ตัวอย่างส่วนตัว: (เอ๊ะ…จะบอกดีไหมนะ) ผมนี่แหละ ดื่มน้ำเยอะมาก เลยวิ่งเข้าห้องน้ำบ่อย แต่ไม่ได้หมายความว่าผมฉี่เยอะกว่าคนอื่นเสมอไปนะ! (จริงๆแล้วมันก็คือความลับส่วนตัว)

สรุปแล้ว คำตอบมันไม่ตายตัวหรอกครับ แต่ก็เป็นตัวเลขที่ให้เราได้รู้จักร่างกายตัวเองมากขึ้น เหมือนกับการเดินทางสำรวจโลก แต่เป็นโลกในตัวเราเอง สนุกดีไหมล่ะ?

#การดูแล #ปัสสาวะ #หลังผ่าตัด