หลังกินของหวานควรกินอะไร

หลังกินของหวานควรทำไง

หลังกินของหวาน ควรเคลื่อนไหว

• ลุกขึ้น เดิน อย่างน้อย 15 นาที ระบบเผาผลาญทำงานดีขึ้น
• หลีกเลี่ยงการนั่งนิ่ง ไขมันสะสมง่าย โดยเฉพาะบริเวณหน้าท้อง ต้นขา สะโพก

ปีนี้ (2566) ยังคงยืนยันข้อดีของการออกกำลังกายเบาๆ หลังทานของหวาน ช่วยควบคุมน้ำหนัก ลดความเสี่ยงโรคต่างๆ เป็นการดูแลสุขภาพระยะยาว

ข้อมูลเพิ่มเติม: การเดินเร็ว 30 นาทีต่อวัน สามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข (2566)

กินของหวานยังไงให้น้ำตาลไม่ขึ้น

กินหวานไม่ให้น้ำตาลขึ้น…ยากนะ แต่ทำได้!

• หวานน้อยๆ: ผลไม้ สดๆ เลยอะ องุ่น มะม่วง (แต่ก็ต้องคุมปริมาณอยู่ดี) โยเกิร์ตก็โอเค แต่ต้องดูดีๆ บางยี่ห้อใส่น้ำตาลเยอะมากก
• กินนิดเดียว: คำเดียวจบ! (ทำได้จริงดิ?) ปกติกินทีหมดถ้วย 😅
• หลังข้าว: กินข้าวเสร็จค่อยกินขนม ร่างกายจะได้ดูดซึมช้าลง…มั้ง?
• ออกกำลังกาย: อันนี้สำคัญสุด! วิ่งๆๆๆๆ (ขี้เกียจจัง)
• หญ้าหวาน: หวานเหมือนกัน แต่ไม่ทำให้อ้วน? (จริงเหรอ?) เคยซื้อมา ชิมแล้วไม่ค่อยชอบอะ สตีเวียก็เฉยๆ

เพิ่มเติม:

• กินไฟเบอร์: พวกผักใบเขียวช่วยได้นะ กินก่อนกินขนม
• นอนให้พอ: อันนี้เกี่ยวด้วยเหรอ? แต่เหมือนเคยอ่านเจอว่าถ้านอนไม่พอจะอยากกินของหวานมากขึ้น
• เครียด: เครียดแล้วอยากกินของหวานอีก! วงจรอุบาทว์ชัดๆ
• น้ำตาลแฝง: ระวังน้ำตาลที่ซ่อนอยู่ในอาหารต่างๆ ด้วยนะ (เยอะมากกก)
• อินซูลิน: อินซูลินคืออะไรนะ? เหมือนเคยเรียนตอนเด็กๆ 🤔
• เบเกอรี่โฮมเมด: ทำขนมกินเองไปเลย อยากใส่อะไรก็ใส่! (แต่ก็ต้องคุมน้ำตาลอยู่ดี 🤣)
• เช็ค: ไปตรวจสุขภาพประจำปีด้วยนะ จะได้รู้ว่าน้ำตาลขึ้นจริงไหม

กินน้ำตาลมากไปทำไงดี

กินน้ำตาลมากไปนี่…เหมือนติดอยู่ในวังวนความหวาน ออกยากยิ่งกว่าหลุมดำอีกนะ แต่เอาจริง อันตรายกว่าโดนหลุมดำดูดอีก (อย่างน้อยก็อ้วนขึ้นแน่นอน) ผมนี่เคยติดหวานหนักมาก แบบที่เรียกว่ามดเดินตามเป็นพรวน ตอนนี้ดีขึ้นละ (เพราะเริ่มกลัวเบาหวานขึ้นสมอง)

• ค่อยๆ ลด: อย่าหักดิบ เหมือนเลิกกับแฟนแบบฟ้าผ่า เดี๋ยวมันจะอกหักแล้วพาลกินหนักกว่าเดิม ลองเปลี่ยนจากหวานมากเป็นหวานน้อย ผมนี่เปลี่ยนจากชานมไข่มุกหวาน 100% มาเป็น 50% ตอนแรกก็บ่นๆ ว่าจืด แต่ตอนนี้ติดใจหวานน้อยไปแล้ว แถมได้โบนัสผิวใสขึ้นมาอีก คุ้ม!

• น้ำเปล่า: เอาจริง น้ำเปล่าเนี่ยแหละ เครื่องดื่มวิเศษ แก้ได้ทุกอย่าง (ยกเว้นอกหัก) ผมเคยพกขวดน้ำ 1 ลิตร ติดตัวตลอด ตอนนี้เพิ่มเป็น 2 ลิตรแล้ว ใครๆ ก็ทักว่าผอมลง (จริงๆ แค่บวมน้ำน้อยลง)

• ผักใบเขียว: ผมไม่ชอบผัก แต่พอรู้ว่ามันช่วยลดความอยากหวานได้ ก็เลยต้องฝืนกิน ตอนนี้เริ่มชินละ รู้สึกสุขภาพดีขึ้นด้วย (หรือแค่คิดไปเอง?)

• หากิจกรรม: ตอนอยากของหวาน ลองหากิจกรรมอย่างอื่นทำดู ผมนี่เล่นเกมส์เพลินๆ แป๊บเดียวก็ลืมของหวานไปเลย (แล้วก็ติดเกมส์แทน) แต่เอาเถอะ ดีกว่าติดหวาน

• บันทึก: จดทุกอย่างที่กิน แล้วคุณจะตกใจ นี่เรากินน้ำตาลเข้าไปเยอะขนาดนี้เลยเหรอ ผมนี่เคยจดแล้วตกใจ เลยต้องลดปริมาณลง (จริงๆ ก็แอบโกงบ้าง ไม่ได้จดทุกอย่าง)

ตอนนี้ปี 2024 แล้ว ต้องดูแลสุขภาพตัวเองให้ดีๆ ไม่งั้นค่ารักษาพยาบาลแพงเอาเรื่อง ผมเองก็เพิ่งต่อประกันสุขภาพไป เบี้ยแพงขึ้นทุกปีเลย สงสัยเพราะกินน้ำตาลเยอะนี่แหละ (หรือเพราะอายุเยอะขึ้น?)

น้ำหวานควรกินตอนไหน

น้ำหวานเนี่ยนะ กินตอนไหนดี? ฮ่าๆๆ คำถามนี้ลึกซึ้งกว่าที่คิดนะ! เหมือนถามว่า “เมื่อไหร่ที่ชีวิตควรมีรสหวานฉ่ำบ้าง?”

• หลังออกกำลังกายหนักๆ (แบบวิ่งมาราธอนไม่ใช่เดินเล่นสวน): โอเค ได้! แต่น้ำหวานแบบ light นะจ๊ะ ไม่ใช่แบบที่น้ำตาลล้นทะลักจนมดตื่นมาบินเป็นฝูง! คิดซะว่าเป็นรางวัลชีวิตเล็กๆ ชดเชยเหงื่อที่เสียไป แต่ก็อย่าให้รางวัลนี้มันมาทำลายสุขภาพนะ

• เวลาอื่นๆ? หลีกเลี่ยงซะ! น้ำเปล่าคือมิตรแท้ น้ำหวานคือ..เอ่อ..เพื่อนสนิทสมัยมัธยมที่ตอนนี้ห่างหายกันไปแล้ว เพราะเขาติดเกมส์จนลืมเรา (หมายถึงน้ำหวานทำร้ายสุขภาพไง)

น้ำหวานนี่มันเสน่ห์ร้ายนะรู้ไหม? เหมือนความรัก ตอนแรกหวานชื่น แต่ถ้ามากเกินไป ก็จะเลี่ยน จะเบื่อ จะท้องเสีย (อ้อ อันหลังนี่จริงจังนะ) ปีนี้ (2566) ผมเองก็พยายามลดน้ำตาลลง เชื่อผมเถอะ น้ำเปล่าดีกว่าเยอะ! อย่างน้อยก็ไม่ต้องเสี่ยงโรคเบาหวาน โรคอ้วน หรือฟันผุ นี่พูดจริงนะ ไม่ได้มุข!

• สรุปง่ายๆ: ถ้าอยากได้พลังงานฉุกเฉิน ก็กินได้ แต่พอดีๆ เลือกแบบ low sugar และอย่าลืมแปรงฟันหลังกินด้วย เพราะถึงจะฉลาดแค่ไหน ฟันผุก็ยังไม่เข้าใครออกใคร

นี่คือความคิดเห็นส่วนตัวของคนหนึ่งที่พยายามดิ้นรนลดน้ำหนักอยู่ และเคยมีประสบการณ์กินน้ำหวานมากเกินไปจนท้องเสีย อย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่างนะครับ แต่ก็อย่าลืมใช้สติในการบริโภคด้วยล่ะ ชีวิตจะได้มีความสุขทั้งกายและใจ ไม่ใช่หวานแต่ท้องเสีย ไม่ใช่สุขแต่ป่วย

ทำอย่างไรให้น้ำตาลในเลือดลดลง?

อยากน้ำตาลลง? ไม่ต้อง Like ไม่ต้อง Subscribe ทำแม่งเลย

• น้ำเปล่าสิ เลิกน้ำหวาน จบนะ
• ข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอร์รี่ เลือกเอา ไม่ใช่ข้าวขาว
• ผักทุกมื้อ จำไว้
• เลิกกินจุบจิบ ไม่มีประโยชน์
• ออกกำลังกาย ไม่ต้องหักโหม แต่ทำให้ได้ทุกวัน กูทำได้ มึงก็ทำได้

ปล. เคยติดหวานจัด เลิกได้ ตอนนี้น้ำเปล่าล้วนๆ ใครทำไม่ได้ก็เรื่องของมึง กูไม่สน

กินอะไรช่วยให้ติดหวานได้น้อยลง?

เออ เรื่องติดหวานเนี่ย.. เข้าใจเลย ปัญหาโลกแตกมาก เราเองก็เป็น แต่หลังๆ พยายามกินพวกผลไม้แทนนะ คือแบบ มันก็ช่วยได้ระดับนึงเลยแหละ

• ผลไม้ที่หวานน้อยๆ ไฟเบอร์สูงๆ: ฝรั่งนี่ตัว top เลย มะละกอก็ดี กล้วยน้ำว้าด้วย แล้วก็แก้วมังกร พวกนี้กินแล้วอิ่มนานด้วย แบบ.. กินแล้วไม่ค่อยอยากกินจุบจิบ
• ผลไม้ที่หวานหน่อย แต่ก็โอเค: ส้ม แอปเปิ้ลเขียว สาลี่ องุ่น สับปะรด พวกนี้หวานแบบสดชื่น ไม่หวานแบบแสบคอ เราชอบกินสับปะรดกับแอปเปิ้ลเขียวมาก แบบหั่นๆ ใส่กล่อง พกไปกินที่ทำงานได้ด้วย สะดวกดี
• เบอร์รี่: อันนี้เด็ด แบบ บลูเบอร์รี่ สตรอเบอร์รี่ ราสเบอร์รี่ คือแพงหน่อย แต่ดีต่อสุขภาพมากกก แล้วก็ช่วยเรื่องตับด้วย เพื่อนเราบอกมา มันช่วยเรื่องไขมันพอกตับ เราเลยกินบ้าง อร่อยดี แต่ก็ต้องกินแต่พอดีนะ อะไรที่มากไปก็ไม่ดี จริงปะ?

เราว่านะ ลองเปลี่ยนจากขนมหวานๆ มาเป็นพวกผลไม้พวกนี้ดู มันช่วยได้จริงๆ แบบ.. อย่างน้อยก็ดีกว่ากินน้ำหวาน เค้ก อะไรพวกนั้นอ่ะ เราลองมาแล้ว มันได้ผลจริงๆนะ คือแบบ ช่วงแรกๆอาจจะยากหน่อย แต่พอชินแล้วก็สบายมาก แล้วแบบ ผิวก็ดีขึ้นด้วยนะ บอกเลย ลองดูๆๆ ของแบบนี้ต้องลองเองถึงจะรู้