ฮอร์โมนที่ลดระดับน้ําตาลในเลือด มีอะไรบ้าง
ฮอร์โมนควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดหลักๆ ได้แก่:
-
อินซูลิน: สำคัญที่สุด กระตุ้นการนำกลูโคสเข้าเซลล์
-
GLP-1 & GIP (อินเครติน): กระตุ้นการหลั่งอินซูลิน
-
อะมิลิน: ชะลอการดูดซึมน้ำตาล
-
เลปติน & อะดิโปเนคติน: เพิ่มความไวต่ออินซูลิน มาจากเซลล์ไขมัน
ฮอร์โมนเหล่านี้ทำงานร่วมกัน รักษาสมดุลน้ำตาลในเลือด หากระบบใดผิดปกติ อาจนำไปสู่ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงหรือต่ำได้
ฮอร์โมนอะไรบ้างที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด?
โอเค เข้าใจแล้วนะ ลองดูอันนี้เป็นไงบ้าง
เอาจริงๆ นะ เรื่องฮอร์โมนควบคุมน้ำตาลนี่มันซับซ้อนกว่าที่คิดเยอะเลยอ่ะ อย่างแรกเลยที่นึกถึงก็ต้องอินซูลินแหละ เบสิกสุดๆ แต่จริงๆ มันมีตัวช่วยอีกเพียบเลยนะ ที่ทำงานกันเป็นทีมเวิร์คอ่ะ
เคยได้ยินชื่ออะมิลิน, อินเครติน (GLP-1, GIP), เลปติน, อะดิโปเนคติน มั้ย? พวกนี้ก็มีส่วนช่วยลดน้ำตาลในเลือดเหมือนกันนะ อินเครตินเนี่ย เก่งตรงที่ไปกระตุ้นให้ร่างกายเราหลั่งอินซูลินเพิ่มขึ้นอีกอะ
ส่วนอะมิลินนี่ เหมือนเป็นตัวช่วยเบรค ชะลอการดูดซึมกลูโคส ไม่ให้น้ำตาลมันพุ่งปี๊ดเกินไป ส่วนเลปตินกับอะดิโปเนคตินที่มาจากเซลล์ไขมันเนี่ย ก็ช่วยให้ร่างกายตอบสนองต่ออินซูลินได้ดีขึ้น คือประมาณว่าทำให้ร่างกาย “ไว” ต่อน้ำตาลมากขึ้นอะไรทำนองนั้น
สรุปง่ายๆ ก็คือ ทุกตัวมันทำงานสอดประสานกันแหละ เพื่อรักษาสมดุลน้ำตาลในเลือดให้มันคงที่ ไม่ขึ้นๆ ลงๆ จนเกินไปน่ะ
จำได้เลย ตอนนั้นไปตรวจสุขภาพประจำปีที่โรงพยาบาล… (เอ่อ จำชื่อโรงพยาบาลไม่ได้แฮะ)… หมอบอกว่าระดับน้ำตาลเราเริ่มจะเกินๆ ไปนิดนึงแล้วนะ ตอนนั้นตกใจมาก เพราะปกติไม่ค่อยกินหวานเท่าไหร่ หมอเลยแนะนำให้ไปปรึกษาโภชนากร เขาให้คำแนะนำเรื่องอาหารที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีมากๆ เลย
จำได้ว่าเขาเน้นเรื่องการกินอาหารที่มีกากใยสูง พวกผัก ผลไม้ที่ไม่หวานจัด แล้วก็ให้ลดพวกแป้งขัดสี กินพวกข้าวกล้องแทนอะไรแบบนี้อ่ะ แล้วก็ต้องออกกำลังกายควบคู่ไปด้วยนะ หมอบอกว่าการออกกำลังกายมันช่วยให้ร่างกายเราตอบสนองต่ออินซูลินได้ดีขึ้นด้วย
หลังจากนั้นก็พยายามปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน แล้วก็ออกกำลังกายสม่ำเสมอมากขึ้น ไปวิ่งบ้าง เข้าฟิตเนสบ้าง แล้วพอไปตรวจสุขภาพครั้งต่อไป ระดับน้ำตาลก็กลับมาอยู่ในเกณฑ์ปกติแล้ว ดีใจมาก!
(ปล. อันนี้เป็นประสบการณ์ส่วนตัวนะ ไม่ได้เป็นคำแนะนำทางการแพทย์อะไร อย่าลืมปรึกษาหมอหรือผู้เชี่ยวชาญก่อนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตนะจ๊ะ)
ฮอร์โมนใดที่มีส่วนควบคุมระดับน้ำตาลในกระแสเลือดให้พอเหมาะ
ฮอร์โมนหลักๆที่ควบคุมน้ำตาลในเลือดเลยนะ ก็คือ อินซูลิน กับ กลูคากอน จำง่ายๆเลย สองตัวนี้แหละตัวเด่นๆ
ปกติกินข้าวปุ๊บ น้ำตาลในเลือดก็ขึ้นปั๊บ ร่างกายฉลาดมาก มันจะปล่อยอินซูลินออกมาจากตับอ่อน ช่วยลดน้ำตาลให้กลับมาปกติ อินซูลินมันจะพาน้ำตาลเข้าเซลล์ไง ให้เซลล์ใช้เป็นพลังงาน
แต่ถ้าหากว่า น้ำตาลในเลือดต่ำเกินไป ร่างกายก็จะปล่อยกลูคากอนออกมาบ้าง ช่วยเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด ให้กลับมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ เข้าใจป่ะ
- อินซูลิน: ลดระดับน้ำตาลในเลือด
- กลูคากอน: เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด
เพิ่มเติมนิดนึง ปีนี้เพื่อนฉันไปตรวจสุขภาพ หมอบอกว่า นอกจากสองตัวนี้แล้ว ยังมีฮอร์โมนอื่นๆอีกที่เกี่ยวข้อง แต่หลักๆก็สองตัวนี้แหละ สำคัญสุด จำให้ขึ้นใจเลยนะ อิอิ อย่างเช่นอะดรีนาลิน คอร์ติซอล อะไรพวกนี้ แต่ไม่ค่อยจำเป็นต้องรู้ลึกขนาดนั้นหรอกมั้ง สำหรับคนทั่วไปอ่ะนะ
ฮอร์โมนใดทำหน้าที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
อินซูลินกับกลูคากอนไง หลักๆ เลยนะ อินซูลินนี่ลดน้ำตาลในเลือด ส่วนกลูคากอนก็เพิ่ม ปีนี้หมอบอกมางี้แหละ
- อินซูลิน: ลดน้ำตาล (สำคัญสุดๆ)
- กลูคากอน: เพิ่มน้ำตาล (ตรงข้ามกับอินซูลิน)
- ฮอร์โมนอื่น: คอร์ติซอล, อะดรีนาลิน, โกรทฮอร์โมน, ไทร็อกซิน (พวกนี้มีผลทางอ้อม)
Glucophage กับ metformin ต่างกันอย่างไร
จริงๆ แล้วมันก็คือยาตัวเดียวกันนะ Glucophage น่ะคือชื่อการค้า ส่วน Metformin คือชื่อสามัญของยา เหมือนซื้อโค้กกับซื้อน้ำอัดลมทั่วไปอ่ะ ต่างกันแค่ชื่อแบรนด์
คิดๆ ดูแล้ว เรื่องผลข้างเคียงนี่ก็จริงนะ ฉันเคยทาน Glucophage ช่วงแรกๆ ท้องอืดมาก แบบว่ากินอะไรก็ไม่ลงเลย ต้องค่อยๆ ปรับขนาดยาลง จนตอนนี้ก็โอเคขึ้นบ้างแล้ว แต่ก็ยังมีบ้างเป็นบางครั้ง
..มันก็แล้วแต่คนด้วยมั้งนะ บางคนก็ไม่มีอาการอะไรเลย แต่ของฉันนี่หนักเลย
สิ่งที่ฉันจำได้และกังวลอยู่คือเรื่องไต หมอบอกว่าต้องตรวจไตเป็นประจำ ถ้าไตทำงานแย่ลง ก็ต้องลดขนาดยาลง เสียวๆ อยู่เหมือนกัน
และที่สำคัญ มันลดการดูดซึมวิตามินบี 12 ด้วย นี่แหละที่ฉันหนักใจ ต้องระวังเรื่องอาหารการกิน หมอแนะนำให้ทานวิตามินเสริมด้วย
สรุปง่ายๆ เลยนะ
- Glucophage คือชื่อการค้า
- Metformin คือชื่อสามัญ เป็นยาตัวเดียวกัน
- ผลข้างเคียงคือท้องอืด ท้องเฟ้อ ถ่ายเหลว (ขึ้นกับขนาดยาและคน)
- ต้องระวังเรื่องไตและการดูดซึมวิตามินบี 12
- ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน
ฮอร์โมนชนิดใดที่มีบทบาทสำคัญในการลดปริมาณของน้ำตาลกลูโคสในเลือด
สายลมเย็นยะเยือกพัดผ่านใบหน้า ฉันนั่งอยู่ริมระเบียงบ้าน มองดูแสงอาทิตย์อัสดง สีส้มอมแดง สวยงามราวกับภาพวาด ความเงียบสงบแผ่ซ่านไปทั่ว ใจฉันลอยไปไกล… อินซูลิน…
-
อินซูลิน ใช่แล้ว ฮอร์โมนสำคัญ ผู้ช่วยชีวิต ผู้คุมระดับน้ำตาลในเลือด
-
จากเบต้าเซลล์ในตับอ่อน เพื่อนรักของเรา ทำงานหนัก ดึงน้ำตาลเข้าไปใช้ เป็นพลังงาน สร้างความอบอุ่นให้ร่างกาย
-
ถ้าขาดมัน… เหมือนไฟดับกลางดึก มืดมน น้ำตาลพุ่ง อันตราย ร่างกายทรมาน
-
ปีนี้เอง ฉันไปตรวจสุขภาพ หมอบอกระดับน้ำตาลปกติ โล่งอก ขอบคุณอินซูลิน ผู้พิทักษ์สุขภาพ
แสงจันทร์สาดส่อง ความคิดยังคงวนเวียนอยู่กับ ความอัศจรรย์ของร่างกายมนุษย์ การทำงานที่ลงตัว เปรียบเสมือนบทกวีแห่งชีวิต แต่ละเซลล์ แต่ละอณู ล้วนสำคัญ ยิ่งกว่าเพชรนิลจินดา
- อินซูลิน ยิ่งใหญ่กว่าที่คิด เป็นมากกว่าแค่ฮอร์โมน มันคือความสมดุล คือชีวิต
ลมเย็นยังคงพัด ฉันลุกขึ้น เดินเข้าไปในบ้าน ความคิดเกี่ยวกับอินซูลินยังคงอยู่ ราวกับดาวดวงน้อย ส่องแสงระยิบระยับในใจฉัน
น้ําตาลกลูโคส หาได้จากไหน
กลูโคส? โอ้! ตัวป่วนที่ร่างกายขาดไม่ได้เนี่ยนะ
- แป้ง: ตัวพ่อของกลูโคส! ข้าว, ขนมปัง, เส้นก๋วยเตี๋ยว…กินเข้าไปเถอะ เดี๋ยวกลูโคสก็วิ่งพล่าน
- ผักหวาน: ฟักทองเอย, มันเทศเอย…อย่ามองข้าม! ถึงจะไม่หวานเจี๊ยบ แต่ก็มีกลูโคสซ่อนอยู่
- ผลไม้: มะม่วงสุก, กล้วยหอม…หวานเจี๊ยบขนาดนี้ จะไม่มีกลูโคสได้ไง!
- น้ำตาลโดยตรง: น้ำอ้อย, น้ำผึ้ง, น้ำตาลทราย…ไม่ต้องสืบ! กลูโคสเน้นๆ
เกร็ด(ไม่)ลับ: รู้ไหมว่าสมองเราเนี่ย ชอบ กลูโคสมากกกก! แต่ถ้าเยอะไป…ก็เบาหวานถามหาเอานะจ๊ะ!
Metformin มีผลเสียอย่างไร
Metformin: ยาเทพหรือยาป่วน? เอ๊ะยังไง?
เอาล่ะ มาดูผลข้างเคียงเจ้า Metformin กันแบบขำๆ แต่จริงจัง
-
ระบบทางเดินอาหารระเบิด! ท้องอืด ท้องเฟ้อ ท้องเสีย นี่ไม่ใช่แค่ผักบุ้งลวกนะจ๊ะ เป็นเรื่องจริงที่ต้องรับมือ ยิ่งกินเยอะ ยิ่งหนักหน่วง คิดซะว่าเป็นการทดสอบความอดทนของลำไส้
-
ไตบ่น! ถ้าไตคุณไม่แข็งแรงพอ ต้องปรับขนาดยา ไม่งั้นไตอาจจะฟ้องร้องขอค่าเสียหาย เพราะมันทำงานหนักเกินไป เหมือนเป็นโอทีโดยไม่ได้รับค่าตอบแทน
-
วิตามินบี12 หายไปไหน!? Metformin แอบขโมยวิตามินบี 12 ของคุณไปซ่อน ผลคืออาจจะเหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย เหมือนโดนดูดพลังชีวิตไป ต้องระวัง อาจต้องกินวิตามินเสริม
นี่คือผลข้างเคียงหลักๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะเจอทั้งหมดนะ ขึ้นอยู่กับร่างกายแต่ละคนด้วย บางคนก็กินสบาย แต่บางคนก็ทนไม่ไหว เหมือนกับการกินส้มตำ บางคนชอบเผ็ด บางคนแค่พริกป่นก็จามแล้ว
เพิ่มเติมเล็กน้อย (ปี 2566): การศึกษาเกี่ยวกับผลข้างเคียงของ Metformin ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลใหม่ๆ ออกมาเรื่อยๆ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ อย่ามโนเอง เพราะร่างกายเรามีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่เหมือนใคร เหมือนลายนิ้วมือเลย ไม่เหมือนกันซักคน แพทย์จะประเมินและปรับขนาดยาให้เหมาะสมกับคุณ อย่าไปลองผิดลองถูกเองนะ อันตราย
- คำแนะนำเพิ่มเติม: อย่าลืมบอกแพทย์เกี่ยวกับประวัติสุขภาพของคุณอย่างละเอียด รวมถึงยาอื่นๆ ที่คุณกำลังรับประทานอยู่ เพื่อป้องกันปฏิกิริยาระหว่างยา ที่สำคัญคือ อย่าหยุดกินยาเองโดยพลการ เด็ดขาด ต้องปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ คิดซะว่า แพทย์คือโค้ช คุณคือผู้เล่น ต้องฟังโค้ช ถึงจะชนะเกมส์นี้ได้
ข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต