เจาะเลือดเก็บได้นานแค่ไหน
การเก็บรักษาตัวอย่างเลือดเพื่อตรวจตับขึ้นกับชนิดการตรวจ:
- เอนไซม์ตับ: อุณหภูมิห้อง 24 ชม.
- โปรตีนตับ: อุณหภูมิห้อง 6 ชม.
- บิลิรูบิน (น้ำดี): อุณหภูมิห้อง 3 วัน
การเก็บรักษาในตู้เย็นช่วยยืดอายุการเก็บตัวอย่างได้นานขึ้น ควรสอบถามเจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการเพื่อความถูกต้องแม่นยำ เนื่องจากระยะเวลาอาจแตกต่างกันไปตามวิธีการและอุปกรณ์ที่ใช้
เก็บตัวอย่างเลือดได้นานเท่าไหร่?
จำได้ว่าตอนไปตรวจสุขภาพประจำปีที่ รพ.กรุงเทพ เมื่อวันที่ 15 มีนาคมปีที่แล้ว หมอเน้นย้ำเรื่องเก็บตัวอย่างเลือด เค้าบอกว่าถ้าตรวจเอนไซม์ตับนะ 24 ชั่วโมงที่อุณหภูมิห้องยังพอไหว แต่ถ้าจะดูโปรตีน ห้ามเกิน 6 ชั่วโมงเด็ดขาด! รีบส่งแล็บเลย จำได้แม่นเลยตอนนั้น เพราะค่าตรวจแพงอยู่ เกือบ 5,000 บาท เสียดายตังค์ถ้าต้องตรวจซ้ำ.
ส่วนเรื่องน้ำดีนี่ จำได้ลางๆว่าหมอพูดถึง นานกว่า ประมาณ 3 วันมั้ง ถ้าจำไม่ผิดนะ แต่ก็เก็บในตู้เย็นด้วยนะ น่าจะช่วยได้เยอะ นี่แหละ ข้อจำกัดเรื่องเวลาในการตรวจเลือด มันวุ่นวายจริงๆ. ถ้าเก็บไม่ดี ผลตรวจเพี้ยน ต้องเสียเวลา เสียเงินตรวจใหม่ โคตรเซ็งเลย.
เลือดที่เจาะอยู่ได้กี่ชม.
เลือดที่เจาะแล้วเก็บได้นานแค่ไหน ขึ้นอยู่กับวิธีการ
- ผู้ใหญ่/เด็ก 12 ปีขึ้นไป: อย่างน้อย 2 มล. 2-8°C เก็บได้ 6 ชม. เกินนั้น ปั่นแยก serum/plasma เก็บ -20 ถึง -80°C
- เด็กต่ำกว่า 12 ปี: ไม่เกิน 1 มล. เช่นเดียวกับข้อแรก
เวลาเป็นปัจจัยสำคัญ ความแม่นยำลดลงตามเวลาที่ผ่านไป นั่นคือข้อเท็จจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
เจาะเลือดก่อนพบแพทย์ได้กี่วัน
เจาะเลือดก่อนเจอหมอได้กี่วันนะ?
-
ราชวิถีคือ… เจาะเลือดล่วงหน้าได้! 1 อาทิตย์ ก่อนวันนัดหมอเลยนะ เออ ดีๆ จะได้ไม่ต้องรอนานวันจริง (ขี้เกียจรอสุดๆ)
-
แต่ถ้าเป็นคลินิกอื่น ต้องโทรถามเองป่าววะ? หรือดูในเว็บ? ช่างเหอะ ที่ราชวิถีคือ 7 วัน จบ!
-
สำคัญ: นี่คือราชวิถีนะ! ย้ำๆๆๆๆ เผื่อใครอ่านไม่ละเอียด
-
เออ แล้วถ้าเจาะก่อนนานกว่านั้นล่ะ? หมอจะว่าไหม? หรือค่ามันจะเพี้ยนไปแล้ว? (สงสัยเฉยๆ)
หลอดเก็บเลือดแต่ละสีต่างกันอย่างไร
หลอดเก็บเลือดแต่ละสีน่ะเหรอ? อ๋อ! มันไม่ใช่แค่แฟชั่นนะเพื่อน แต่ละสีนี่มี “ทีเด็ด” ซ่อนอยู่!
-
สีเทา: เจ้านี่เหมือน “พี่เลี้ยง” ของน้ำตาลในเลือด จะคอยประคองไม่ให้น้ำตาล “หนี” ไปไหนก่อนตรวจ เจอ Sodium Fluoride เข้าไป น้ำตาลนี่นิ่งเป็นศิลาเลย! (เหมาะสำหรับคนอยากรู้ระดับน้ำตาลจริงๆ ไม่ใช่ตอนที่น้ำตาลมันเต้นระบำ)
-
สีฟ้า: นี่มัน “บอดี้การ์ด” ของการแข็งตัวของเลือดชัดๆ! Sodium Citrate นี่แหละตัวดี คอยดูแลไม่ให้เลือดแข็งตัวก่อนเวลาอันควร จะได้รู้ว่ากลไกการแข็งตัวของเลือดทำงานปกติไหม (หรือมีอะไร “ก๊องแก๊ง” รึเปล่า)
-
หลอดเก็บรักษาเชื้อ (Transport Medium Tube): อะเฮือก อันนี้เหมือน “รถพยาบาล” ของเชื้อแบคทีเรีย จะประคบประหงมเชื้อโรคทั้งหลาย (ที่เราไม่อยากเจอ) ให้อยู่รอดปลอดภัยระหว่างเดินทางไปห้องแล็บ (หวังว่าเชื้อโรคพวกนั้นจะไม่สร้างวีรกรรมระหว่างทางนะ!)
เกร็ดเล็กน้อย (แต่สำคัญโคตร):
- ทำไมต้องมีหลายสี? เพราะเลือดเป็นสิ่งที่ “ละเอียดอ่อน” มาก! สารเคมีแต่ละชนิดในหลอดมีผลต่อการตรวจที่แตกต่างกัน ถ้าใช้ผิด ชีวิตเปลี่ยน (ผลตรวจอาจจะเพี้ยนไปดาวอังคารเลยก็ได้!)
- อย่าคิดว่าสีไหนก็เหมือนกัน: คิดแบบนั้นเท่ากับ “แทงหวย” โดยไม่ดูเลขเด็ด! (มีแต่เจ๊งกับเจ๊ง)
- สำหรับคนที่อยาก “อินเทรนด์” เรื่องเลือด: ลองไปหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลอดสีอื่นๆ ดูสิ! รับรองว่าโลกของเลือดนี่มัน “ว้าว” กว่าที่คิดเยอะ! (อาจจะว้าวแบบขนลุกซู่ๆ ก็ได้นะ!)
Disclaimer: ข้อมูลทั้งหมดนี้ไม่ได้มีเจตนาให้ใช้แทนคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญนะจ๊ะ! ถ้าสงสัยอะไร ให้ถามคุณหมอสถานเดียว! (อย่าถามคนแถวบ้าน!)
หลอดเก็บเลือด มีกี่แบบ
อืมม หลอดเก็บเลือดนะ กี่แบบเนี่ย เยอะแยะไปหมดเลย จำได้ไม่หมดหรอก แต่ที่เจอบ่อยๆก็…
-
หลอดสีม่วง นี่แหละที่ใช้กับ EDTA ตรวจอะไรนะ จำได้ลางๆว่า พวกโลหิตวิทยาใช่ป่ะ นับเม็ดเลือดอะไรพวกนั้น ปีนี้ก็ยังใช้แบบนี้อยู่แหละ
-
สีฟ้า Sodium Citrate อันนี้จำได้แม่น ใช้กับการตรวจเวลาระยะเวลาการแข็งตัวของเลือด จำได้เพราะใช้บ่อยตอนฝึกงานที่รพ.สมเด็จฯ ปีนี้ก็ยังใช้สีนี้อยู่
-
สีแดง ไม่มีสารกันเลือดแข็ง ใช้กับเคมีคลินิกทั่วไป ชีวะเคมี ภูมิคุ้มกันวิทยา จำได้ว่าตอนเรียนที่ม.เกษตรฯ อาจารย์เน้นมากเรื่องนี้
-
สีเขียว Heparin จำได้ว่าใช้ตรวจเคมีคลินิกเหมือนสีแดง แต่ก็มีบางอย่างที่ต่างกัน แต่จำไม่ได้แล้ว เฮ้ออ สมองตันจัง
-
สีเหลือง ACD อันนี้ใช้เก็บเลือดไว้ตรวจอะไรสักอย่าง ลืมไปแล้ว จริงๆนะ อายุก็เยอะแล้วนี่
เดี๋ยวนะ ยังมีอีกไหม หรือว่ามีแค่นี้ สงสัยต้องไปเปิดตำราดูใหม่ซะแล้ว ข้อมูลปีนี้ก็ยังเหมือนเดิมนี่นา เอ๊ะ หรือว่าจะมีสีอื่นเพิ่มเข้ามา ไม่แน่ใจแล้วสิ
สรุปง่ายๆ หลายสีมาก จำไม่หมด แต่ละสีก็ใช้สารกันเลือดแข็งต่างกัน ก็เลยใช้ตรวจคนละอย่าง สีที่จำได้ก็พวกสีม่วง ฟ้า แดง เขียว เหลือง ประมาณนี้แหละ ไปค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเอาเองละกันนะ ขี้เกียจแล้ว ง่วงแล้วด้วย
ใครสามารถเจาะเลือดได้บ้าง
ใครเจาะเลือดได้บ้างนะ… เอ่อ ตอนเด็ก ๆ เห็นแต่พยาบาลที่โรงพยาบาลศิริราชเจาะให้ ตอนนั้นกลัวเข็มมากกกก ร้องไห้เสียงดังลั่นเลย แต่พอโตมาหน่อย ไปบริจาคเลือดที่สภากาชาดไทย ก็เห็นเจ้าหน้าที่เทคนิคการแพทย์ก็เจาะได้นะ เค้าดูชำนาญมาก ไม่เจ็บเลย
อยากเป็นเจ้าหน้าที่เจาะเลือดเหรอ? อันนี้ไม่แน่ใจอ่ะ แต่คิดว่าน่าจะต้อง…
- เรียนจบ ม.6 หรือ ปวช./ปวส. ก่อนนะ อันนี้สำคัญเลย เหมือนเป็นใบเบิกทาง
- อบรมหลักสูตร พวกผู้ช่วยพยาบาล, นักเทคนิคการแพทย์ อะไรแบบนี้ ที่สถาบันที่เค้ารับรองกันอ่ะ
- สอบให้ได้ใบประกาศนียบัตร อันนี้สำคัญสุด ๆ ยืนยันว่าเรามีความรู้ความสามารถจริง ๆ
- ต้องใจเย็น มีความละเอียดรอบคอบ เพราะต้องเจาะเลือดคนไข้หลายแบบ บางคนกลัว บางคนเส้นเลือดหายาก
สรุป: เจ้าหน้าที่เจาะเลือดต้องมีความรู้ + ทักษะ + ใจเย็น
ข้อมูลเพิ่มเติม (ไม่ได้ตั้งใจจะใส่ แต่คิดว่าน่าจะมีประโยชน์):
- ตอนไปบริจาคเลือดล่าสุด (เมื่อเดือนที่แล้ว, พฤษภาคม 2567) เห็นเค้ามีป้ายประกาศรับสมัครเจ้าหน้าที่เจาะเลือดอยู่ด้วยนะ ลองไปสภากาชาดไทยดูสิ อาจจะมีข้อมูลเพิ่มเติม
- สมัยเรียนมหาลัย เพื่อนที่เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์ เค้าก็มีเรียนเรื่องการเจาะเลือดด้วยนะ อาจจะลองหาข้อมูลจากคณะพวกนี้ดู
- สำคัญ: การเจาะเลือดต้องสะอาด ปลอดภัย ถูกสุขลักษณะนะ ไม่งั้นอันตรายมากกกก ทั้งคนเจาะ ทั้งคนถูกเจาะ!
เลือดเก็บไว้ได้กี่ชั่วโมง
เลือดเก็บได้นานแค่ไหนเนี่ย? งง ทนพ.ภาคภูมิ บอก 5 วันใช่มั้ย แต่ 3 วันก็เริ่มไม่ดีแล้วนะ จำได้ลางๆ เม็ดเลือดแดงนี่สิ นานกว่าเยอะ 35-42 วัน เก็บได้เป็นเดือนเลยเหรอ จริงดิ!
- เกล็ดเลือด ประมาณ 5 วัน แต่คุณภาพตกตั้งแต่ 3 วันแล้ว
- เม็ดเลือดแดง 35-42 วัน! เยอะมากกกกกกก
เฮ้อออ ความรู้ใหม่ ต้องจำให้ได้นะ นี่ถ้าสอบตกขึ้นมา แย่เลย ว่าแต่ปีนี้ฉันไปบริจาคเลือดรึยังนะ? ลืมไปเลย พรุ่งนี้ต้องเช็ค เอาจริง ๆ ฉันกลัวเข็มนี่สิ แต่ก็อยากทำบุญ คิดไปคิดมา ปวดหัว เรื่องอื่นดีกว่า อ้อ วันนี้กินข้าวอะไรดีนะ? ก๋วยเตี๋ยวเรือมั้ย? หรือว่า ข้าวมันไก่? ตัดสินใจไม่ถูกเลย เฮ้ออออ
การวิเคราะห์ก๊าซในเลือดแดง (ABG) คืออะไร
โอ๊ย! ABG นี่มันเรื่องปวดหัวยิ่งกว่าสอบตกอีกนะเนี่ย! เอาเป็นว่า ABG มันคือการ เจาะเลือดแดง มาดูว่าในเลือดมี ออกซิเจน กับ คาร์บอนไดออกไซด์ มากน้อยแค่ไหน แล้วก็ดูค่า pH ด้วย
แปลผลแบบเซียน(แต่จริง ๆ ก็มั่วไปเรื่อย):
- pH: ถ้าต่ำกว่า 7.35 ก็ “กรดมาเต็ม!” (เลือดเป็นกรด) แต่ถ้าเกิน 7.45 ก็ “ด่างขึ้นสมอง!” (เลือดเป็นด่าง)
- PCO2: (ความดันคาร์บอนไดออกไซด์) ถ้าคาร์บอนไดออกไซด์เยอะเกินไป ก็แสดงว่าระบายอากาศไม่ดี สงสัยจะขี้เกียจหายใจ
หน่วย mEq/L คืออะไร?:
- mEq/L นี่มันหน่วยวัดความเข้มข้นของสารละลาย (พวกอิเล็กโทรไลต์) เช่น โซเดียม โพแทสเซียม ในเลือดน่ะเอง เหมือนชงกาแฟ ถ้าใส่น้ำตาลเยอะไปก็หวานเจี๊ยบ (เข้มข้น) ถ้าใส่น้อยไปก็จืดชืด (เจือจาง)
เกร็ดความรู้(แบบงู ๆ ปลา ๆ):
- ค่าปกติของ ABG นี่มันขึ้นอยู่กับแล็บแต่ละที่นะ อย่าเชื่อฉันมาก ต้องถามหมอที่ดูแลคุณ!
- ถ้า ABG ผิดปกติ หมอเค้าจะดูปัจจัยอื่น ๆ ประกอบด้วย ไม่ใช่ดูแค่ ABG อย่างเดียวแล้วฟันธง
- บางทีการแปลผล ABG ก็ซับซ้อนกว่านี้อีก ต้องใช้ความรู้ระดับเทพ (ซึ่งฉันไม่มี)
คำเตือน: อย่าเอาข้อมูลนี้ไปตัดสินใจเองนะ ไปปรึกษาหมอดีกว่า! ผมแค่คนบ้านๆ ที่ชอบมั่วไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้นเอง!
ข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต