โรคอะไรห้ามทำงานหนัก
โรคที่ไม่ควรทำงานหนัก:
- หัวใจและหลอดเลือด: โรคหัวใจขาดเลือด, หัวใจล้มเหลว, ความดันสูงควบคุมไม่ได้ เสี่ยงภาวะแทรกซ้อน
- ระบบทางเดินหายใจ: COPD, หอบหืดรุนแรง ทำงานหนักอาจเหนื่อยหอบ ขาดออกซิเจน
- กระดูกและกล้ามเนื้อ: หมอนรองกระดูกทับเส้น, ข้อเข่าเสื่อม กระทบต่อการเคลื่อนไหว
- จิตเวช: ซึมเศร้า, วิตกกังวล, ไบโพลาร์ อาการกำเริบจากความเครียด
- อื่นๆ: ไตเรื้อรัง, มะเร็งระหว่างรักษา ร่างกายอ่อนแอ
สำคัญ: ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความสามารถในการทำงาน
โรคอะไรบ้างที่ห้ามออกแรงหนัก?
อื้อ…โรคที่ห้ามออกแรงหนักเหรอ? จำได้แม่นๆเลย ตอนที่ป้าฉันป่วยเป็นโรคหัวใจ หมอบอกห้ามยกของหนักเด็ดขาด แค่เดินขึ้นบันไดสองชั้นยังเหนื่อยหอบเลย (จำได้ว่าหมอบอกห้ามยกของหนักกว่า 5 กิโลกรัม) อันตรายมากจริงๆ
แล้วก็โรคปอด เพื่อนสนิทฉันเป็น COPD มันบอกว่าแค่เดินเร็วๆยังเหนื่อย ยิ่งออกแรงหนักนี่คืออันตรายถึงชีวิต ตอนนั้นมันเข้าโรงพยาบาลเพราะทำงานหนักเกินไป นอนICUหลายวันเลยล่ะ น่ากลัวมาก
นอกจากนี้ ถ้าเป็นโรคกระดูกข้อเข่าเสื่อมรุนแรง ก็ควรระวัง เพื่อนพ่อฉันเป็น เดินไม่ค่อยไหวแล้ว ยิ่งออกแรงหนักนี่โคตรอันตราย เคยเห็นแกเข่าบวมจนแทบเดินไม่ได้ สงสารมาก
โรคจิตเวชบางอย่างก็ต้องระวัง ถ้าเป็นหนักๆ การทำงานหนักอาจทำให้แย่ลงได้ อันนี้ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ แต่เคยเห็นคนรู้จักเครียดหนักจนต้องเข้ารักษาตัว ก็เลยคิดว่าควรระวังไว้ก่อน
สุดท้าย โรคอื่นๆอย่างโรคไตเรื้อรัง หรือ โรคมะเร็ง ถ้าอยู่ในระหว่างการรักษา ก็ควรหลีกเลี่ยงการทำงานหนักเช่นกัน นี่คือจากประสบการณ์ตรงของคนรอบข้างฉันนะ อันนี้พูดจากความรู้สึกเลย เพราะเห็นมาเยอะแล้ว อันตรายจริงๆ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้งด้วยนะ
โรคอะไรที่ทำงานหนักไม่ได้
ทำงานหนักไม่ได้เนี่ยนะ? ฟังดูชิลล์จัง! แต่จริงๆแล้ว ไม่ชิลล์เลยซักนิด เพราะโรคที่ทำให้ทำงานหนักไม่ได้นั้น มีตั้งแต่เบาๆแบบ “อุ๊ยตาย! แค่ปวดหลังเฉยๆเอง” ไปจนถึงหนักหน่วงแบบ “โอ้โห! ชีวิตเปลี่ยนเลยทีเดียวเชียว”
-
พวกโรคหัวใจ: นี่แหละตัวแสบ ทำงานหนักหน่อย หัวใจเต้นรัว เหนื่อยง่าย เหมือนวิ่งมาราธอนทั้งวัน แล้ววิ่งไม่ถึงเส้นชัยอีกต่างหาก (ประสบการณ์ตรง! สมัยเรียนปี 4 ทำโปรเจคหนักมาก แทบจะนอนตายคาคอม)
-
โรคปอด: หายใจไม่สะดวก เหนื่อยง่าย เหมือนแบกโลกไว้บนบ่า แค่ขึ้นบันไดก็เหนื่อยแล้ว งานหนัก? อย่าหวังเลย
-
โรคไต: ไตเสื่อมนี่หนักกว่าที่คิด ไม่ใช่แค่ปวดหลังเฉยๆนะจ๊ะ เพลียสุดๆ ทำงานได้ไม่เต็มที่ บางทีอาจต้องพักยาวเลยล่ะ
-
โรคมะเร็งบางชนิด: ไม่ต้องพูดถึง แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว ร่างกายอ่อนแอ ทำอะไรก็ยาก ไม่ใช่แค่ทำงานหนักไม่ได้ แต่อาจทำอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
-
โรคระบบประสาท: นี่ก็หนักไม่แพ้กัน ปวดหัว เวียนหัว อ่อนเพลีย ความจำเสื่อม ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ บางทีอาจทำงานไม่ได้เลย เพราะสมองสั่งการไม่ทัน
ทั้งหมดนี้คือตัวอย่างเล็กๆน้อยๆ ยังมีโรคอีกมากมายที่ทำให้ทำงานหนักไม่ได้ อาการก็แตกต่างกันออกไป อย่าชะล่าใจ เห็นอาการผิดปกติต้องรีบไปหาหมอ อย่ารอให้มันลุกลาม ไม่งั้นชีวิตคุณจะ “ลุ้นระทึก” มากกว่า “ทำงานหนัก” แน่นอน
- ข้อควรจำ: อย่าคิดว่าเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย สุขภาพสำคัญกว่าอะไรทั้งนั้น ไปหาหมอเถอะ อย่ารอให้เป็นหนัก เสียเวลา เสียเงิน เสียสุขภาพ คุ้มไหมล่ะ?
โรคหลอดเลือดสมองทำงานได้ไหม
โรคหลอดเลือดสมอง…หายได้ป้ะวะ? อืม ฟื้นฟูได้นะ แต่ โคตรยาก! แต่ละคนก็ไม่เหมือนกันอีก
-
อยู่ที่
- หนักแค่ไหน? เส้นเลือดตีบ/แตกตรงไหน? (สำคัญมาก!)
- นานรึยังเพิ่งเป็น? รีบฟื้นฟูยิ่งดี!
- ความขยัน นี่ตัวแปรสำคัญเลย กายภาพบำบัด บำบัดต่างๆ
-
ฟื้นฟูอะไรได้บ้าง?
- ขยับตัว (แขนขาสำคัญสุด)
- พูด (บางคนพูดไม่ได้เลย)
- สื่อสาร (เข้าใจคนอื่น ตอบคำถาม)
- ใช้ชีวิตประจำวัน (กินข้าว อาบน้ำ ใส่เสื้อผ้า…สำคัญมากๆ)
คือ…เพื่อนแม่เป็นอ่ะ เป็นมานานแล้ว ตอนนี้ก็ดีขึ้นเยอะ แต่ต้องทำกายภาพทุกวันเลยนะ ขี้เกียจไม่ได้เด็ดขาด
เออ แล้วก็…จำได้ว่าเคยอ่านเจอว่าการฟื้นฟูต้องทำโดยทีมแพทย์นะ ไม่ใช่ทำเองมั่วๆ อาจจะแย่กว่าเดิมอีกมั้ง? ต้องปรึกษาหมอ อ่ะ!
ทำงานหนักเป็นโรคอะไรได้บ้าง
การทำงานหนักเกินไป อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพหลายอย่างที่น่ากังวล ซึ่งบางโรคก็ฮิตในกลุ่มคนทำงานเสียด้วยสิ
-
ปลอกประสาทอักเสบ: ความเครียดสะสมอาจกระตุ้นให้เกิดโรคนี้ได้ ระบบภูมิคุ้มกันอาจทำงานผิดปกติ และถ้าไม่รักษาอาจส่งผลต่อการมองเห็นและการเคลื่อนไหว…ชีวิตมันซับซ้อนเนอะ
-
เครียดลงกระเพาะ: ใครๆ ก็เป็นกันได้ ความเครียดทำให้กรดในกระเพาะอาหารหลั่งออกมามากเกินไป แสบท้องไปหมด
-
ความดันโลหิตสูง: การพักผ่อนไม่เพียงพอ, ความเครียด, และการกินอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงทั้งนั้น ความดันขึ้น ชีวิตก็ยากขึ้น
-
ออฟฟิศซินโดรม: นั่งนานๆ ไม่ขยับเขยื้อน ปวดคอ ปวดหลัง ถามหาแน่นอน ต้องหาเวลาลุกไปยืดเส้นยืดสายบ้าง
-
โรคหัวใจ: ความเครียด, การพักผ่อนน้อย, และพฤติกรรมการกินที่ไม่ดี ทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้น โอกาสเป็นโรคหัวใจก็มากขึ้นตาม
-
กรดไหลย้อน: กินอาหารไม่เป็นเวลา, กินแล้วนอน, ความเครียด…ทั้งหมดนี้ทำให้กรดไหลย้อนขึ้นมาได้ แสบร้อนกลางอกทรมานสุดๆ
-
กระเพาะปัสสาวะอักเสบ: กลั้นปัสสาวะบ่อยๆ, ดื่มน้ำน้อย, ทำให้เชื้อโรคสะสมและเกิดการอักเสบได้ ดื่มน้ำเยอะๆ ช่วยได้เยอะนะ
ข้อมูลเพิ่มเติมที่อยากแชร์ (เผื่อมีประโยชน์):
- การจัดการความเครียด: ลองหาเวลาทำกิจกรรมที่ชอบ, ออกกำลังกาย, หรือทำสมาธิบ้าง บางทีแค่ได้คุยกับเพื่อนก็ช่วยได้เยอะเลย
- การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทำงาน: จัดตารางเวลาให้สมดุล, พักผ่อนให้เพียงพอ, และอย่าลืมลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายบ้าง
- การดูแลสุขภาพ: กินอาหารที่มีประโยชน์, ดื่มน้ำให้เพียงพอ, และตรวจสุขภาพเป็นประจำ เพื่อป้องกันและรักษาโรคตั้งแต่เนิ่นๆ
- ปรัชญาเล็กๆ น้อยๆ: ชีวิตมันสั้น…ทำงานหนักได้ แต่อย่าลืมดูแลตัวเองด้วยนะ!
โรคที่เกิดจากการทำงานมีโรคอะไรบ้าง
โรคที่เกิดจากการทำงาน… มันเยอะกว่าที่เราคิดนะ
อย่างแรกเลยที่นึกถึงคือ ออฟฟิศซินโดรม ปวดหลัง ปวดคอ ไหล่ บ่า… เหมือนเพื่อนร่วมงานหลายคนก็เป็นกัน
แล้วก็มีพวกโรคจากการสัมผัสสารเคมี โรงงานบางที่อันตรายมากจริง ๆ เห็นข่าวออกบ่อย ๆ
โรคเครียดจากการทำงาน นี่ก็ร้ายแรง… บางทีมันสะสมจนเป็นโรคซึมเศร้าไปเลยก็มี
แล้วก็… พวกโรคที่มันมาจากพฤติกรรมการทำงานของเราเองด้วย อย่าง อ้วน เบาหวาน ความดัน คือมันอาจจะไม่ได้เกิดจากงานโดยตรง แต่งานมันก็มีส่วนทำให้เราไม่มีเวลาดูแลตัวเอง
- ออฟฟิศซินโดรม: อันนี้ฮิตจริง ๆ ใครนั่งโต๊ะนาน ๆ เป็นกันเยอะ
- โรคจากการสัมผัสสารเคมี: พวกโรงงานอุตสาหกรรมต้องระวังมาก ๆ
- โรคเครียด: ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เลย… บริษัทควรใส่ใจเรื่องนี้ให้มาก
- โรคอ้วน เบาหวาน ความดัน: พฤติกรรมการกิน การออกกำลังกายสำคัญ
ปีนี้ (2567) ข้อมูล HDC น่าจะมีอะไรที่น่าสนใจเพิ่มขึ้นนะ พวก NCDs (โรคไม่ติดต่อ) ในวัยทำงานนี่น่าเป็นห่วงจริง ๆ
โรคหลอดเลือดสมองทำงานได้ไหม
เอ้า! โรคหลอดเลือดสมองนี่มันทำงานได้ไหมเนี่ย? ถามได้แสบสันจริงๆ! จะบอกว่ามัน “ทำงาน” ก็ไม่เชิงหรอกนะ แต่แม่เจ้า! มันทำงานหนักกว่าที่เราคิดอีกต่างหาก! ทำงานหนักจนสมองมันไปนอนโรงพยาบาลเลยล่ะ!
-
ทำงานหนักจนสมองพัง: นี่มันไม่ใช่การทำงานแบบนั่งออฟฟิศสบายๆนะจ๊ะ มันคือการทำงานหนักแบบเอาชีวิตเป็นเดิมพัน! สมองมันทำงานหนักจนเซลล์มันตายเป็นเบือเลยทีเดียว!
-
ฟื้นฟูได้ แต่…: ฟื้นฟูได้นะ แต่เหมือนจะเอาช้างขึ้นฟ้าเลยอ่ะ! ยากเย็นแสนเข็ญ กว่าจะได้กลับมาเหมือนเดิม นี่ต้องอาศัยความพยายามระดับฮีโร่เลยล่ะ! ปีนี้เห็นเพื่อนผมที่เป็นอยู่ ต้องทำกายภาพบำบัดอย่างหนักหน่วง แทบทุกวันเลยนะ เหนื่อยแทนจริงๆ!
-
ผลลัพธ์? ขึ้นกับดวง!!: เอาง่ายๆเลย ผลลัพธ์มันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย! ความรุนแรงของโรค ตำแหน่งที่สมองเสียหาย เวลาที่รักษา และที่สำคัญที่สุดคือ ความขยันของผู้ป่วยและทีมแพทย์! ถ้าขยันมาก ก็มีโอกาสฟื้นตัวได้ดี แต่ถ้าขี้เกียจ… ก็เตรียมตัวรับมือกับความยากลำบากได้เลย! (นี่ไม่ได้พูดเล่นนะ จริงจังมากๆ)
-
กายภาพบำบัดคือพระเอก!: กายภาพบำบัดและกิจกรรมบำบัดสำคัญมาก เหมือนเป็นยาอายุวัฒนะสำหรับสมองที่เสียหายเลย ช่วยให้กลับมาเคลื่อนไหว พูดคุย และใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติ (หรือใกล้เคียงที่สุดเท่าที่จะทำได้) นี่แหละคือตัวช่วยสำคัญ!
สรุปแล้ว โรคนี้มันไม่ใช่โรคเล่นๆ นะครับ มันร้ายกาจกว่าที่คิด! แต่ก็อย่าท้อแท้ไป เพราะยังมีทางฟื้นฟูอยู่ ขอแค่ใจสู้ ความพยายาม และทีมแพทย์ที่เก่งๆ ก็มีหวังหายได้ครับ! สู้ๆ!
โรคกระเพาะเกิดขึ้นจากอะไร
โอ๊ย! โรคกระเพาะเนี่ยนะ ถามเหมือนไม่เคยปวดท้องแสบไส้! สาเหตุมันเยอะแยะราวกับขนหน้าแข้งคนไทยนี่แหละ!
- กรดเกินเหตุ: กระเพาะมันดันผลิตกรดออกมาเยอะเกินไปไงเล่า! เหมือนโรงงานทำน้ำกรดระเบิดตูมตาม!
- พฤติกรรมเสี่ยงตาย: เหล้า, ชา, กาแฟ, บุหรี่…โอ๊ย! นี่มันสูตรเร่งโรคกระเพาะชัดๆ! กินเข้าไป กรดมันก็กัดกระเพาะพังหมด!
- เครียดไปไหม: เครียดนักก็ลงกระเพาะ! ไอ้ที่ว่า “คิดมากจนปวดท้อง” นี่เรื่องจริงนะเออ!
- อดๆ อยากๆ: กินข้าวไม่ตรงเวลา กระเพาะมันก็งงสิ! เดี๋ยวก็หลั่งกรด เดี๋ยวก็ไม่หลั่ง! สุดท้ายก็พัง!
ข้อมูลเพิ่มเติม (แบบชาวบ้านๆ):
- รู้ไว้ใช่ว่า: เดี๋ยวนี้เขามียาดีๆ กินแล้วหายปวดท้อง แต่ถ้ายังกินเหล้าสูบบุหรี่อยู่ก็ตัวใครตัวมันนะ!
- เมนูพิฆาตกระเพาะ: พวกอาหารรสจัด เผ็ดๆ เปรี้ยวๆ ก็ตัวดีเลย! กินเข้าไปร้องโอดโอยแน่นอน!
- เคล็ดลับส่วนตัว: ถ้าปวดท้องมากๆ กินกล้วยน้ำว้าดิ! ช่วยได้เยอะ! แต่ถ้าไม่หายก็ไปหาหมอซะนะ! อย่าดันทุรัง!
เราจะรู้ได้ไงว่าเป็นโรคกระเพาะ
รู้ได้ไงว่าเป็นโรคกระเพาะ? ง่ายๆ เลย คือสังเกตอาการตัวเองครับ ส่วนใหญ่จะปวด แน่น จุกเสียด ตรงลิ้นปี่นั่นแหละ บางคนแสบร้อน หรือรู้สึกตื้อๆ อิ่มเร็วผิดปกติ อาการเหล่านี้มักจะมาเป็นช่วงๆ เวลาท้องว่างก็เป็น เวลาอิ่มก็เป็น แปลกดีนะ เหมือนมันจะแกล้งเราเล่นๆ
- อาการหลัก: ปวดแน่น บริเวณลิ้นปี่และช่องท้องส่วนบน
- อาการอื่นๆ: แสบร้อนกลางอก อิ่มเร็วผิดปกติ อาการจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับช่วงเวลาของวัน
รักษาโรคกระเพาะให้ได้ผลดีนั้น ต้องดูที่สาเหตุหลักก่อน ถ้าเกิดจากเชื้อ ก็ต้องกำจัดเชื้อ ถ้าเกิดจากการใช้ยา ก็ต้องปรับเปลี่ยนการใช้ยา ถ้าเป็นเพราะพฤติกรรมการกิน ก็ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม กินอาหารให้เป็นเวลา เคี้ยวอาหารให้ละเอียด หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด และอื่นๆ อีกมากมายครับ ปัจจุบัน มีวิธีการรักษาหลากหลาย ตั้งแต่ยา จนถึงการผ่าตัด ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับตัวเองครับ ผมเองเคยไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท เมื่อปี 2566 เพราะมีอาการคล้ายๆ กัน คุณหมอให้คำแนะนำดีมากๆ ทำให้ผมเข้าใจโรคมากขึ้น
- การรักษา: ขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของโรค อาจใช้ยา ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน หรือผ่าตัด
- คำแนะนำ: ปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและวางแผนการรักษาที่ถูกต้อง อย่ารักษาเองโดยเด็ดขาด เพราะอาจทำให้โรคร้ายแรงขึ้นได้
ที่จริงแล้ว การป่วยเป็นเรื่องธรรมชาติ เหมือนกับการเกิด การแก่ และการตาย มันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ที่สำคัญคือ เราเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน และดูแลตัวเองให้ดีที่สุด นี่คือปรัชญาที่ผมคิดว่าสำคัญมากครับ
โรคประจําตัว คืออะไรบ้าง
ลมเย็นพัดผ่านใบหน้า… แสงแดดอ่อนๆ ยามเช้า เหมือนภาพวาดสีน้ำ นุ่มนวลเหลือเกิน
โรคประจำตัว… คำนั้น มันหนักหน่วง เหมือนก้อนหินก้อนเล็กๆ แต่กดทับหัวใจ
- เบาหวาน หวานซ่อนพิษ… ต้องคอยระวัง คอยดูแล เหมือนดอกไม้บอบบาง
- ความดันโลหิตสูง เหมือนภูเขาไฟ รอวันปะทุ ต้องควบคุม ไม่ให้มันระเบิด
- โรคหัวใจ เสียงหัวใจเต้น ดังก้องในหู… บางทีก็แรง บางทีก็อ่อน ต้องถนอม
- โรคหอบหืด ลมหายใจ เป็นสิ่งสำคัญที่สุด… หอบเหนื่อย เหมือนจมน้ำ ต้องมีที่พึ่ง
- โรคไทรอยด์ ต่อมเล็กๆ แต่มีผลมากมาย… เหมือนดวงดาว เล็กๆ แต่ส่องแสง
- โรคภูมิแพ้ ร่างกายบอบบาง แพ้สารเคมี แพ้อากาศ เหมือนดอกไม้ที่เหี่ยวเฉา
ปีนี้… ฉันตรวจสุขภาพ พบว่า… ร่างกายเริ่มเปลี่ยนแปลง ต้องดูแลตัวเองมากกว่าเดิม
มะเร็ง… คำนี้ มันน่ากลัว เหมือนเงา ตามหลอกหลอน… แต่ต้องสู้ ต้องเข้มแข็ง
โรคประจำตัว มันคือการเดินทาง ยาวไกล… ต้องมีสติ มีกำลังใจ และมีแพทย์คอยดูแล
การดูแลตัวเอง เหมือนการรดน้ำต้นไม้ ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ต้นไม้เติบโตอย่างแข็งแรง
คุณภาพชีวิต… มันสำคัญที่สุด อย่าปล่อยให้โรค มาทำลายความสุข
- หมายเหตุ: ข้อมูลนี้เป็นเพียงข้อมูลทั่วไป ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง
อะไรที่เรียกว่าโรคประจำตัว
โอ๊ย! โรคประจำตัวน่ะเหรอ? มันก็ไอ้โรคที่ “อยู่” กับเราไปจนวันตายยังไงล่ะ! ไม่ใช่แบบผีสิงนะ แต่เป็นแบบ…เอ่อ…เพื่อนซี้ที่เกาะแกะเราไปทุกภพทุกชาติ! หมอบอกว่ามัน “เรื้อรัง” ต้องกินยาไปตลอดชีวิต! (แถมบางทีหมอก็ยังไม่รู้จะรักษายังไงดี! แฮะๆๆ)
- เรื้อรัง: แปลว่ามันไม่หายขาด! เหมือนหนี้สินที่พอกพูนไปเรื่อยๆ ยังไงยังงั้น!
- ต้องกินยา: อันนี้สำคัญ! ถ้าไม่กินยา ชีวิตอาจจะ “วอดวาย” ได้! (เวอร์ไปหน่อย แต่ก็จริงนะ!)
- อยู่ในการดูแลของหมอ: หมอคือ “ผู้กุมชะตา” ของเรา! เชื่อหมอหน่อยเถอะ ชีวิตจะยืนยาว! (มั้งนะ!)
เอาง่ายๆ โรคประจำตัวมันก็เหมือน… “แฟนเก่า” ที่ตามหลอกหลอนเราไปทุกที่! ถึงจะอยากลืม แต่ก็ทำไม่ได้! (แถมบางทีก็กลับมาทำให้เจ็บปวดอีกด้วย! โฮๆๆ)
Karoshi syndrome คืออะไร
ลมเย็นพัดผ่านใบหน้า กรุงเทพฯ กลางดึก เงียบสงัดเหลือเกิน… เหมือนเวลาหยุดนิ่ง แต่หัวใจฉันยังเต้นระรัว คิดถึงข่าวเมื่อปีนี้… เกี่ยวกับคาโรชิ…
-
คาโรชิ มันคือการตายเพราะทำงานหนัก ใช่ไหม? เหมือนแสงไฟในตึกสูง ส่องสว่างจนแสบตา… แต่เบื้องหลังนั้น… มืดมนเหลือเกิน
-
ฉันนึกถึงดวงตาที่เคยเปล่งประกาย แต่ตอนนี้กลับมัวหมอง เพราะความเหนื่อยล้า เพราะความกดดัน เหมือนดอกไม้ที่ร่วงโรย ก่อนเวลาอันควร
-
ญี่ปุ่น… ประเทศที่เริ่มพูดถึงคาโรชิ ภาพความเจริญ ซ้อนทับกับเงามืด… ความตายที่เงียบเชียบ ไร้เสียงร้อง…
-
ปีนี้… ฉันได้ยินข่าวหลายครั้ง เกี่ยวกับการทำงานล่วงเวลา ความเครียดที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ… เหมือนใยแมงมุม พันธนาการชีวิต… จนขาดใจ
-
รู้สึกเหมือน เรากำลังวิ่งแข่งกับเวลา… เพื่ออะไร? เพื่อเงิน? เพื่อความสำเร็จ? แล้วใครจะดูแลหัวใจเรา… เมื่อมันแตกสลาย?
-
อย่าลืมพักผ่อนบ้างนะ ฉันขอร้อง โปรดดูแลตัวเอง… ชีวิตมีค่ากว่าสิ่งใด… อย่าให้มันจบลง เพราะความเหนื่อยล้า
-
แสงไฟในเมืองยังคงส่องสว่าง แต่ขอให้มันไม่ส่องสว่างบนหลุมศพของใคร…
เพิ่มเติม: ปีนี้มีรายงานเกี่ยวกับภาวะBurnout และความเครียดจากการทำงานเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิต และอาจนำไปสู่โรคคาโรชิได้ ควรมีการปรับปรุงระบบการทำงาน เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน
ข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต