โรคเบาหวาน คันแบบไหน
อาการคันจากเบาหวาน:
- คันโดยไม่มีผื่น พบได้บ่อยในผู้ป่วยเบาหวาน (20-40%) มักเกิดจากผิวแห้ง
- ผู้หญิงอาจคันบริเวณก้นและอวัยวะเพศ (19%) ต้องแยกจากการติดเชื้อรา
- มักพบในผู้ที่คุมน้ำตาลได้ไม่ดี
- การรักษาเบื้องต้น: ใช้โลชั่นบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น
สำคัญ: หากมีอาการคันผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม
โรคเบาหวาน มีอาการคันแบบไหน?
เอ่อ, เรื่องอาการคันจากเบาหวานเนี่ย… ฉันจำได้ว่าตอนคุณยายเป็นเบาหวาน (น่าจะช่วงปี 2550 แถวๆ นั้น) แกบ่นเรื่องคันบ่อยมาก แต่ก็ไม่ได้มีผื่นอะไรให้เห็นชัดๆ เลยนะ คือเกากันมันส์ แต่ผิวก็ดูปกติ
แกบอกว่าคันแบบยิบๆ ทั่วตัวเลยอะ แต่หนักสุดน่าจะแถวๆ ขา แล้วก็… (ขอโทษที่ต้องพูดตรงๆ) ตรงนั้นน่ะค่ะ คือยายก็อายๆ ที่จะบอกหมอ แต่สุดท้ายก็ต้องบอกแหละ เพราะมันไม่ไหวจริงๆ
หมอที่โรงพยาบาล (จำชื่อไม่ได้แล้ว แต่เป็นโรงพยาบาลรัฐบาลในจังหวัดเชียงใหม่) บอกว่าคนเป็นเบาหวานผิวจะแห้งง่าย ก็เลยคัน แล้วยิ่งคุมน้ำตาลไม่ดีก็ยิ่งคันมากขึ้นไปอีก
คุณหมอก็เลยให้ครีมทาผิวมา (อันนี้จำแม่น เพราะต้องคอยทาให้ยาย) แล้วก็กำชับว่าต้องควบคุมอาหาร ลดหวาน มัน เค็ม อะไรพวกนั้น (คือยายชอบกินขนมหวานมากกก) คือไม่ได้บอกว่ายาอะไรช่วยได้โดยตรงนะ เน้นไปที่การดูแลผิวกับควบคุมอาหารมากกว่า
แล้วก็… เอ่อ, เรื่องคันตรงนั้นน่ะ หมอบอกว่าต้องระวังเรื่องเชื้อราด้วยนะ คือต้องรักษาความสะอาดเป็นพิเศษ ยิ่งคนแก่ๆ จะดูแลตัวเองไม่ค่อยดี ต้องคอยช่วยดูแล
เป็นเบาหวานคันตรงไหน
เป็นเบาหวานแล้วคันตรงไหนน่ะเหรอ? ฮ่าๆๆ ถามแบบนี้เหมือนถามว่า “กินข้าวแล้วอิ่มตรงไหน?” มันคันได้ทั่วทั้งตัวเลยครับ! ไม่ใช่แค่คันๆธรรมดาด้วยนะ บางทีก็แสบๆคันๆ เหมือนมดไต่
- ขาหนีบ: จุดฮอต! อับชื้น เหมาะกับการเป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อราอย่างยิ่ง ยิ่งถ้าไม่ดูแลความสะอาด นี่คือสนามเด็กเล่นของเจ้าเชื้อราเลยล่ะ
- รักแร้: อีกหนึ่งจุดโปรดของเชื้อรา อับชื้น มืด ชื้น เหมือนห้องนอนหรูๆของเจ้าเชื้อเลยทีเดียว
- นิ้วมือ-นิ้วเท้า: คันยิบๆ เหมือนมีอะไรมาเกาะ อาจมีการติดเชื้อราได้ง่าย ต้องระวังเป็นพิเศษ
- ทั่วร่างกาย: บางรายก็คันไปทั่วเลยครับ ไม่เว้นแม้แต่หัว เหมือนถูกมดกัดทั้งตัว สุดยอดจริงๆ
เอาจริงๆนะ การคันเนี่ยเป็นแค่ส่วนเล็กๆของอาการผิวหนังในเบาหวาน มันเหมือนแค่ยอดภูเขาน้ำแข็ง ข้างล่างยังมีเรื่องอื่นๆอีกเพียบ! ปีนี้(2566) ผมไปเจอข้อมูลมา หลายเคสที่คนไข้มาหาหมอเพราะผิวหนังอักเสบ สุดท้ายตรวจเจอเบาหวานซะงั้น! พูดได้คำเดียวว่า อย่าประมาทนะครับ ถ้าคันมากๆ หรือมีแผลที่ไม่หาย รีบไปหาหมอเลย อย่าปล่อยให้มันลุกลามจนกลายเป็นเรื่องใหญ่ ไม่งั้นจะได้เจอปัญหาอื่นๆตามมาอีกเยอะแยะ แบบว่า “คันเล็กๆแต่เรื่องใหญ่” นั่นแหละครับ!
จะรู้ได้ยังไงว่าตัวเองเป็นเบาหวาน?
เอ้อ จะว่าไปเรื่องเบาหวานอะนะ จริงๆ มันดูยากอยู่เหมือนกันแหละ เพราะบางทีอาการมันก็ไม่ได้ชัดเจนขนาดนั้น แต่ถ้าถามว่าต้องสังเกตอะไรบ้าง ก็…
- กระหายน้ำโคตรร อันนี้เบสิคเลย ต้องกินน้ำแบบไม่หยุดหย่อนอะ
- ฉี่บ่อยเกิ้น โดยเฉพาะตอนกลางคืนนะ ลุกไปฉี่แบบว่าแทบไม่ได้นอนอะ เซ็ง
- ผอมลง แบบงงๆ คือไม่ได้ตั้งใจลดน้ำหนัก แต่เลขบนตาชั่งมันลดเอาๆ
- เพลียตลอดเวลา ทำอะไรนิดหน่อยก็หมดแรง คือแบบว่าาา…เพลีย
- ซึมๆ เศร้าๆ อันนี้อาจจะไม่เกี่ยว แต่บางทีก็เป็นนะ (มั้ง)
- คันยุบยิบ ผิวหนังแบบแสบๆ คันๆ บอกไม่ถูก
- มองไม่ค่อยชัด คือแบบสายตามันพร่าๆ มัวๆ อะ
- มือเท้าชา อันนี้พีคสุด ปลายมือปลายเท้าแบบชาๆ เจ็บๆ เหมือนโดนเข็มทิ่ม
คือถ้ามีอาการพวกนี้หลายๆ อย่างอะ ไปหาหมอเหอะ อย่าปล่อยไว้ เผื่อเป็นจะได้รักษาแต่เนิ่นๆ ไง แล้วก็…
เรื่องน่ารู้เพิ่มเติม (เผื่อใครอยากรู้)
- เบาหวานมันมีหลายแบบนะ ไม่ใช่แค่แบบที่กินหวานเยอะแล้วเป็นอย่างเดียวนะเว้ย
- กรรมพันธุ์ก็มีส่วน ถ้าพ่อแม่พี่น้องเป็น ก็มีความเสี่ยงสูงกว่าคนอื่น
- ตรวจสุขภาพประจำปีสำคัญมาก จะได้รู้แต่เนิ่นๆ ไง
- อย่าเชื่อพวกยาสมุนไพรเกินไป บางทีมันก็ไม่ได้ผลจริง แล้วอาจจะทำให้โรคแย่ลงด้วย
- ดูแลตัวเองดีๆ ออกกำลังกาย กินอาหารที่มีประโยชน์ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ มันช่วยได้เยอะเลย
- ความเครียดก็มีผล พยายามอย่าเครียดมากเกินไป หาอะไรทำคลายเครียดบ้าง
- คนอ้วนมีความเสี่ยงสูงกว่า เพราะฉะนั้นคุมน้ำหนักด้วยนะ
เออ แล้วก็ๆๆๆ อาการแต่ละคนไม่เหมือนกันนะ บางคนอาจจะมีแค่อย่างสองอย่าง บางคนอาจจะมีครบทุกอย่างเลยก็ได้ เพราะงั้นถ้าไม่แน่ใจ ไปหาหมอตรวจให้ชัวร์ดีกว่านะแก
วัดระดับน้ำตาลในเลือดเพื่ออะไร?
วัดระดับน้ำตาลเพื่ออะไร? เพื่อรู้ว่าร่างกายคุณจัดการกลูโคสได้ดีแค่ไหน
- ตรวจพบเบาหวาน ระดับน้ำตาลสูงผิดปกติ เป็นสัญญาณเตือน
- ติดตามการรักษา ควบคุมระดับน้ำตาล ป้องกันภาวะแทรกซ้อน (ข้อมูลจากการตรวจสุขภาพประจำปี 2566 ของฉันเอง)
- ประเมินความเสี่ยง เบาหวาน โรคหัวใจ โรคไต
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม อาหาร การออกกำลังกาย
การตรวจน้ำตาลในเลือดหลังอดอาหารอย่างน้อย 8 ชั่วโมง (FBS) เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการประเมินสุขภาพโดยรวม อย่าตัดสินจากตัวเลขเพียงอย่างเดียว ปรึกษาแพทย์ ปีนี้ผมตรวจเจอค่า FBS อยู่ในเกณฑ์ปกติ
ตรวจน้ำตาลในเลือด FBS กับ HbA1C ต่างกันอย่างไร?
ลมเย็นพัดผ่านใบหน้า แสงแดดอ่อนๆยามเช้าของเดือนพฤษภาคม 2566… รู้สึกถึงความสงบ
- FBS (Fasting Blood Sugar): วัดน้ำตาลในเลือดตอนที่เราอดอาหารมาอย่างน้อย 8 ชั่วโมง เหมือนดื่มด่ำกับความเงียบสงบก่อนตะวันขึ้น รู้ผลทันที บอกได้เลยว่าตอนนี้ระดับน้ำตาลเป็นไง สูงหรือต่ำ ชัดเจน ตรงไปตรงมา
สายลมพัดโชย ดอกไม้บานสะพรั่ง… ความงามที่แฝงเร้น
- HbA1c (Hemoglobin A1c): นี่แหละ เหมือนการมองย้อนกลับไป ดูภาพรวม สะสมมาเป็นเดือนๆ 2-3 เดือนเลยนะ บอกค่าเฉลี่ยน้ำตาล เหมือนการสะท้อนภาพความทรงจำ รู้ว่าเราควบคุมระดับน้ำตาลได้ดีแค่ไหน แต่! มันบอกไม่ได้ว่าตอนนี้ ณ เวลานี้ น้ำตาลเราต่ำหรือสูง ต้องดูคู่กับ FBS สิ
พระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ท้องฟ้าสีส้มอมม่วง สวยงามจับใจ
สรุปสั้นๆ ง่ายๆ เลยนะคะ FBS บอกปัจจุบัน HbA1c บอกอดีต ต้องตรวจคู่กัน เพื่อภาพรวมที่สมบูรณ์แบบ ถึงจะเข้าใจร่างกายตัวเองได้อย่างแท้จริง เหมือนการเดินทาง ต้องรู้ทั้งจุดเริ่มต้นและจุดหมายปลายทาง
- ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล อย่าลืมนะคะ สุขภาพสำคัญที่สุด
ข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต