ปลาตากแห้ง ต้องแช่ตู้เย็นไหม
ปลาตากแห้ง เก็บอย่างไรให้นาน? ง่ายๆ เลยครับ
-
สำคัญ: ความชื้นคือศัตรู! เก็บในที่แห้งและเย็น
-
วิธีเก็บ: ใส่ถุงพลาสติกปิดสนิท ยิ่งแน่นยิ่งดี เพื่อป้องกันความชื้นและแมลง
-
ตู้เย็นช่วยได้: แช่ตู้เย็น ช่วยยืดอายุและลดกลิ่นหืน แต่ไม่จำเป็นถ้าเก็บในที่แห้งสนิท
-
ข้อควรระวัง: อย่าแช่ตู้เย็นนานเกินไป อาจทำให้เนื้อปลาแห้งแข็งเกินไป ควรใช้ให้หมดภายในระยะเวลาที่เหมาะสม สังเกตกลิ่นและความสดใหม่ก่อนรับประทานทุกครั้ง
ปลาตากแห้งเก็บอย่างไรให้คงความอร่อยนาน? ต้องแช่ตู้เย็นหรือเปล่า? วิธีเก็บรักษาแบบไหนดี?
จริง ๆ แล้วนะ ฉันเคยซื้อปลาสลิดแดดเดียวจากตลาดนัดหน้าบ้าน (วันที่ 15 ตุลาคม 2565 ราคา 150 บาท) จำได้ว่าแม่บอกต้องเก็บให้ดีๆ ไม่งั้นเหม็นหืนเร็วมาก!
เลยเอาใส่ถุงซิปล็อคแน่นๆ แล้วก็ยัดเข้าตู้เย็นช่องธรรมดา โอเคอยู่พักนึงนะ อย่างน้อยก็สักอาทิตย์นึง ยังกรอบอร่อยอยู่ แต่พอสองอาทิตย์ เริ่มรู้สึกว่ากลิ่นมันแปลกๆ แล้ว
ตอนหลังลองอีกวิธี เอาใส่โหลแก้วปิดฝาให้สนิท เก็บในที่แห้งๆ มืดๆ อากาศถ่ายเทได้บ้าง แบบนี้ได้นานกว่าเยอะเลย เกือบเดือนยังโอเค กรอบอยู่ แต่ก็ต้องสังเกตกลิ่นด้วยนะ สำคัญมาก ถ้าเริ่มเหม็นก็ทิ้งเลย เสี่ยงไม่คุ้ม
สรุปคือ ตู้เย็นก็ช่วยได้ระดับนึง แต่ถ้าอยากเก็บนานๆ โหลแก้วปิดฝาแน่น เก็บที่แห้งๆ น่าจะดีกว่า ลองดูนะ แต่ปลอดภัยไว้ก่อน ถ้าเริ่มสงสัยกลิ่น ทิ้งเถอะ อย่าเสี่ยง!
ปลาหมึกแห้งควรใส่ตู้เย็นไหม
ปลาหมึกแห้งเนี่ยนะ…ถามว่าใส่ตู้เย็นดีไหม? อะแฮ่ม! ตอบแบบคนเคยเจอมาแล้วนะ คือถ้าเปิดถุงแล้วอะ รีบยัดใส่ตู้เย็นด่วนๆ เลยจ้า! พวกน้องราทั้งหลายจะได้ไม่มาปาร์ตี้บนตัวปลาหมึกเราไง
แต่ถ้ายังไม่เปิดถุง…เออ อันนี้ก็แล้วแต่ศรัทธา คือเก็บไว้ในที่แห้งๆ เย็นๆ ก็ได้นะ เหมือนเก็บของแห้งทั่วไปในตู้กับข้าวอะ แต่ขอบอกว่าเมืองไทยมันร้อนขนาดนี้…แอบใส่ตู้เย็นไว้ก็ไม่เสียหายหรอก ป้องกันไว้ดีกว่าแก้เนอะ
- ทำไมต้องรีบแช่เย็น?: เชื้อราไง! ตัวดีเลย ชอบอากาศชื้นๆ ร้อนๆ เมืองไทยนี่สวรรค์ของมันเลย
- แล้วถ้าไม่แช่จะเป็นไร?: ก็อาจจะขึ้นราไง…ราเขียว ราดำ มาครบเซ็ต! นอกจากจะกินไม่ได้แล้ว ยังเสียดายเงินอีกนะ
- เคล็ดลับส่วนตัว: เวลาซื้อปลาหมึกแห้งมาเยอะๆ ผมจะแบ่งใส่ถุงซิปล็อกเล็กๆ แล้วแช่แข็งไว้เลย อยากกินเมื่อไหร่ค่อยเอาออกมา
- คำเตือน: ปลาหมึกแห้งที่ขึ้นราแล้ว อย่าเสียดาย! ทิ้งไปเลยนะ อย่าหาทำกินเข้าไปเชียว!
- ปลาหมึกที่ซื้อมาปี 2566: ตอนนี้ปี 2567 แล้วนะครับ ปลาหมึกที่ซื้อมาตอนนั้น…น่าจะหมดไปนานแล้วมั้ง! (หัวเราะ)
เอ้อ! แล้วอย่าลืมนะ…ตู้เย็นก็ต้องสะอาดด้วยนะจ๊ะ เดี๋ยวปลาหมึกเราจะไปซึมซับกลิ่นแปลกๆ มาอีก
อาหารแห้งต้องแช่ตู้เย็นไหม
อืมม… กลางดึกแบบนี้ นึกถึงเรื่องอาหารแห้งขึ้นมาซะงั้น งงตัวเองเหมือนกันนะเนี่ย
ปกติแล้ว อาหารแห้งไม่จำเป็นต้องแช่เย็นหรอก เก็บไว้ในที่แห้งๆ อากาศถ่ายเทดีๆ ก็พอแล้ว อย่างบ้านฉัน ฉันเก็บพวกข้าวสาร ถั่วต่างๆ ไว้ในตู้กับข้าว ชั้นล่าง ที่อากาศถ่ายเทดี ไม่ค่อยโดนแดดตรงๆ นี่แหละ สำคัญเลยนะ ความชื้นนี่ตัวดีเลย ทำให้อาหารเสียได้ง่าย
แต่บางอย่างก็แปลกๆ เหมือนพวก ขนมปังกรอบ หรือบิสกิตบางชนิด อ่านข้างกล่องแล้ว แนะนำให้เก็บในตู้เย็น สงสัยจะช่วยยืดอายุการใช้งาน อืมม… หรือบางทีอาจจะเพื่อคงความกรอบ ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะ
สรุปง่ายๆ เลยละกันนะ
- ส่วนใหญ่ไม่ต้องแช่เย็น: ข้าวสาร, ถั่ว, พาสต้าแห้ง
- บางอย่างควรแช่เย็น: ขนมปังกรอบ, บิสกิตบางชนิด (ควรดูคำแนะนำบนฉลาก)
- ที่เก็บสำคัญ: แห้ง, อากาศถ่ายเท, ไม่โดนแดด
ปีนี้ฉันลองวิธีใหม่ เก็บข้าวสารในถุงซิปล็อค แล้วเอาไปใส่ในภาชนะปิดสนิท รู้สึกว่าข้าวจะอยู่ได้นานขึ้น ดีกว่าเก็บแบบเดิมเยอะเลย แหะๆ ตอนนี้ก็เลยใช้แบบนี้
อืม… ง่วงแล้ว นอนดีกว่า…
ปลาหมึกแห้งควรใส่ตู้เย็นไหม
จริง ๆ แล้วเรื่องนี้ ฉันเจอมาเองเลยนะ เมื่อวานนี้เอง! ซื้อปลาหมึกแห้งที่ตลาดนัดแถวบ้าน หลังเลิกงาน ฝนตกปรอยๆด้วย รีบวิ่งกลับบ้าน พอกลับถึงห้อง เหนื่อยมาก เลยไม่ได้เก็บอะไรเลย ทิ้งถุงปลาหมึกแห้งไว้บนโต๊ะ ทั้งๆที่มันเปิดแล้วนะ
พอเช้านี้ตื่นมา ก็เห็นแล้วล่ะ ปลาหมึกแห้งดูไม่ค่อยน่ากินเท่าไหร่ รู้สึกเหมือนมันมีความชื้นขึ้น แอบมีกลิ่นอับนิดๆด้วย เสียดายมากเลย กว่าจะเลือกได้ เจอแบบที่ถูกใจ นุ่มกำลังดี ราคาไม่แพง แต่ดันเก็บไม่ดีเอง
สรุปเลยนะ สำหรับฉัน ปลาหมึกแห้งที่เปิดแล้ว ควรเก็บตู้เย็น จริง ๆ ถ้าไม่อยากให้เสีย แบบฉันนี่แหละ เสียใจมาก!
- ปลาหมึกแห้งที่เปิดแล้ว: ควรแช่เย็นทันที เพื่อชะลอการเติบโตของเชื้อราและรักษาคุณภาพ
- ปลาหมึกแห้งยังไม่เปิด: เก็บในที่แห้งและเย็น เช่น ตู้กับข้าว ก็ได้ แต่ควรสังเกตความชื้นด้วยนะ
ปีนี้ ฉันซื้อปลาหมึกแห้งจากร้านประจำแถวบ้าน ไม่ใช่ตลาดนัดเหมือนปีที่แล้ว แพงกว่านิดหน่อย แต่คุณภาพดีกว่าเยอะ แห้งสนิท ไม่มีกลิ่นแปลกๆ
ปลาหมึกแห้ง กินได้เลยไหม
ปลาหมึกแห้งเนี่ยนะ… ถามว่ากินได้เลยมั้ย? ก็เหมือนถามว่า “เงินในบัญชี กินได้เลยมั้ย?” คือ…ได้ แต่ชีวิตอาจจะสั้นลงนิดนึง (จากโซเดียมนะจ๊ะ ไม่ใช่โดนใครกระทืบ)
สรุปแบบขำๆ แต่จริงจัง:
- กินดิ! แต่เตรียมน้ำไว้เยอะๆ นะจ๊ะ โซเดียมรออยู่
- ย่างหน่อยมั้ย? ไฟอ่อนๆ กรอบๆ หอมๆ ชีวิตดีขึ้นเยอะ
- แกล้มเบียร์? อันนี้ก็แล้วแต่ศรัทธา… แต่ระวังเพื่อนแย่ง
- ข้าวต้มรอบดึก? อ่ะ… อันนี้ก็เข้ากันดี แต่ถามหาร้านอร่อยๆ ก่อนนะ
ทำไมต้องตากแห้ง? (ไม่ใช่แค่เอามัน)
- เก็บได้นาน: สมัยก่อนตู้เย็นไม่มีไง (เดี๋ยวนี้ก็ไม่ค่อยมีตังค์ซื้อ)
- รสชาติเข้มข้น: เหมือนเอาความรักไปเคี่ยวไฟอ่อนๆ นานๆ
- เพิ่มมูลค่า: หมึกสดโลละร้อย หมึกแห้งโลละห้าร้อย…กำไรเห็นๆ (ถ้าขายออกนะ)
เคล็ดลับนางพญาหมึก:
- หมึกกล้วย vs หมึกกระดอง: กล้วยจะนุ่ม กระดองจะหนึบ เลือกที่ชอบ
- ตากแดดเดียว vs ตากสามแดด: แดดเดียวจะฉ่ำ สามแดดจะกรอบ เลือกที่ใช่
- แหล่งที่มา: ระวังหมึกจีนนะจ๊ะ…อาจจะไม่ “หมึก” อย่างที่คิด
ป.ล. อย่าเชื่อกูมาก กูแค่คนชอบกินหมึก
การเก็บรักษาอาหารแห้งควรเก็บอย่างไร
เก็บอาหารแห้งยังไงให้เหมือนเพิ่งเก็บเกี่ยวเมื่อวานซืน? ง่ายนิดเดียว! อย่าให้ความชื้นมันมาเยือนเชียวนะ ไม่งั้นอาหารแห้งคุณจะกลายเป็นอาหารเน่าเสียก่อน!
-
ภาชนะนี่สำคัญมาก! ต้องปิดสนิท! อย่าใช้กระป๋องรั่วๆ นะ เดี๋ยวหนูมาปาร์ตี้ในนั้นหมด! แนะนำแก้วหรือพลาสติกเกรดอาหาร แบบที่ยายฉันใช้ แข็งแรงทนทานสุดๆ (ใช้มาตั้งแต่ปี 2566 แล้วนะ ยังไม่พังเลย!)
-
แสงแดด? ขอให้พ้นๆ ไปเลย! มันเหมือนศัตรูตัวฉกาจของอาหารแห้งเลยนะ แสงแดดจะทำให้อาหารแห้งคุณซีดเซียวและเสื่อมคุณภาพเร็วกว่าเดิม เอาเป็นว่าเก็บไว้ในที่มืดๆ ดีกว่า
-
ที่แห้งและเย็นคือคำตอบ! คิดภาพตู้เย็นที่ไม่มีความเย็น แต่มีแต่ความแห้ง แห้งแบบทะเลทรายซาฮาร่า (ฮาาาา) นั่นแหละที่เหมาะสม! แต่ไม่ใช่ตู้เย็นนะ ตู้เย็นมันเย็นเกินไป อาหารแห้งอาจชื้นได้
-
ตรวจเช็คบ่อยๆ! อย่ามัวแต่ปล่อยปละละเลย เช็คความชื้นและพวกแมลงบุกบ้านบ่อยๆ ถ้าเจอตัวไหน จัดการมันซะ! อย่าให้มันมาแย่งกินอาหารแห้งคุณ! (ปีที่แล้วเจอหนูในถุงข้าวสาร จนป่านนี้ยังนอนไม่หลับเลย!)
เพิ่มเติมเล็กน้อย (เผื่อคุณอยากรู้ลึกซึ้ง)
-
วัสดุภาชนะที่ไม่เหมาะสม เช่น ภาชนะโลหะบางชนิด อาจทำปฏิกิริยากับอาหารแห้งได้ ทำให้เกิดกลิ่นหรือรสชาติที่แปลกไป ลองนึกภาพข้าวสารกลิ่นสนิม โอ๊ยยยยยยย…
-
การเก็บรักษาอาหารแห้งที่ดี จะช่วยยืดอายุอาหารแห้งให้อยู่ได้นานขึ้น ประหยัดเงินในกระเป๋าคุณไปได้เยอะเลย ไม่ต้องซื้อบ่อยๆ (สำหรับคนขี้เหนียวอย่างฉันนี่คือสิ่งสำคัญ!)
วิธีการเก็บรักษาอาหาร มีอะไรบ้าง
วิธีถนอมอาหารสารพัดแบบ ปี 2566 นี่แหละความรู้!
-
ตากแห้ง: วิธีโบราณแต่ยังแจ๋ว! เอาผักผลไม้มาตากแดดให้แห้งสนิท เหมือนเอาชีวิตไปตากแห้งเลยมั้ยล่ะ (ล้อเล่นนะ) แต่ได้อาหารเก็บไว้ได้นาน ปีนี้ลองตากมะละกอแห้งดูสิ กรอบอร่อยเว่อร์! ข้อควรระวังคือเรื่องความสะอาดและแมลง ต้องคอยระวังให้ดีนะ
-
การอบแห้ง: อัปเกรดจากตากแดดธรรมดา! ใช้เครื่องอบแห้งไฟฟ้า ได้ผลดีกว่า แห้งไวกว่า สะอาดกว่า เหมาะกับคนขี้เกียจตากแดดแบบฉัน อิอิ ปีนี้ลองอบแห้งใบมะกรูดดู ไว้ทำอาหารไทย หอมชื่นใจสุดๆ
-
แช่อิ่ม: หวานฉ่ำชวนฝัน! เอาผลไม้ไปแช่น้ำเชื่อม ได้ทั้งรสชาติและความสวยงาม แต่ระวังน้ำตาลจะทำลายสุขภาพนะ ปีนี้ทำส้มแช่อิ่ม กินแล้วสดชื่น แต่ก็ต้องกินพอดีๆ
-
การกวน: เอาผลไม้มาเคี่ยวจนเหนียวหนืด คล้ายๆกับการทำมะม่วงกวน เป็นอีกวิธีที่ทำให้อาหารเก็บได้นานขึ้น แต่กินเยอะแล้วอาจจะเลี่ยนได้นะ แนะนำให้กินพอประมาณ
-
การหมัก: วิธีสุดล้ำ! ใช้จุลินทรีย์ช่วยในการถนอมอาหาร ได้ทั้งรสชาติและคุณค่าทางอาหารเพิ่มขึ้น แต่ต้องระวังเรื่องความสะอาดมากๆ ถ้าทำไม่ดีอาจจะเสียได้ ปีนี้ลองหมักกิมจิแบบเกาหลีดู เผ็ดแซ่บถึงใจ
-
รมควัน: กลิ่นหอมยั่วใจ! วิธีนี้ได้ทั้งรสชาติและกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ แต่ต้องระวังควันที่อาจมีสารก่อมะเร็ง ควรเลือกใช้ไม้ที่เหมาะสม ปีนี้ลองรมควันปลา ไว้กินกับข้าวสวยร้อนๆ
-
แช่เย็น: วิธีง่ายๆ แต่ได้ผล! ลดอุณหภูมิเพื่อชะลอการเน่าเสีย ต้องหมั่นสังเกตความสดของอาหาร ไม่ควรเก็บไว้นานเกินไป วิธีนี้ใช้ได้กับหลายๆชนิด
-
แช่แข็ง: สุดยอดแห่งการถนอมอาหาร! อุณหภูมิต่ำมากๆ ช่วยรักษาคุณค่าทางอาหารได้ดีที่สุด แต่ต้องระวังเรื่องการแช่แข็งที่ไม่ถูกวิธี อาจทำให้เสียรสชาติได้ ปีนี้ลองแช่แข็งผักไว้ทำแกง สะดวกดี แต่ต้องใส่ถุงอย่างดีนะ
ปล. ข้อมูลนี้เป็นเพียงข้อมูลทั่วไป ควรศึกษาเพิ่มเติมก่อนนำไปใช้ อย่าลืมลองผิดลองถูก และมีความสุขกับการทำอาหาร!
การเก็บรักษาอาหารประเภท เมล็ดพืช ข้าว อาหารแห้งควรเก็บรักษาอย่างไร
เมล็ดพืช ข้าว อาหารแห้ง? เรื่องง่ายๆ
- แห้ง โล่ง โปร่ง: ความชื้นคือศัตรู เก็บแม่งในที่ที่มันหายใจสะดวก
- ปิดให้มิด: กันมด กันแมลง กันห่าฝน ภาชนะต้องแน่นหนา
- เย็นได้ก็ดี: ถ้าแช่เย็นได้ ชีวิตก็ยืนยาวขึ้นเยอะ
ข้อมูลเพิ่มเติม:
- ความชื้น: ระดับความชื้นที่เหมาะสมคือต่ำกว่า 65% หาซื้อตัววัดความชื้นมาใช้ซะ
- ภาชนะ: เลือกใช้ภาชนะทึบแสง ป้องกันแสงแดดทำร้ายคุณภาพอาหาร
- อุณหภูมิ: อุณหภูมิที่เย็นช่วยชะลอการเติบโตของเชื้อราและแมลง ถ้ามีห้องเย็นส่วนตัวก็จัดไป
- สารดูดความชื้น: ซิลิกาเจลช่วยได้ แต่มึงต้องเปลี่ยนบ่อยๆ
- ตรวจสอบสม่ำเสมอ: อย่าปล่อยทิ้งไว้เฉยๆ เปิดดูบ้าง เช็คกลิ่น เช็คสี ถ้ามีอะไรผิดปกติก็ทิ้งแม่งไปอย่าเสียดาย
- วันหมดอายุ: ถึงจะเก็บดีแค่ไหน มันก็มีวันของมัน อย่าลืมดูวันหมดอายุ
- สูญญากาศ: ถ้ามีเครื่องซีลสูญญากาศ ก็จัดไป ชีวิตง่ายขึ้นเยอะ
- แสงแดด: หลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรง แสงแดดทำให้อาหารเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
ถ้ายังเน่า ก็แปลว่ามึงโง่เกินเยียวยา
ปลาเค็มทอด ต้องแช่ตู้เย็นไหม
กรุงเทพฯ ร้อนมากนะช่วงนี้ ปลาทูเค็มทอดที่เหลือจากเมื่อวาน ตอนเย็นซื้อมาจากตลาดนัดแถวบ้าน ร้านป้าเล็ก อร่อยมากกกกกกก แต่เหลือเยอะ ตอนแรกก็ลังเลจะเก็บยังไง กลัวเสีย
สุดท้ายก็แช่ตู้เย็น กล่องพลาสติกปิดฝาแน่น ไว้ชั้นบนสุด กลัวมันจะซึมไปติดกับของอย่างอื่น เพราะน้ำมันยังเยิ้มๆ อยู่
รู้สึกผิดเล็กน้อยที่ไม่ได้กินหมด แต่ก็ไม่อยากทิ้ง เสียดายของ จริงๆ ควรจะซื้อน้อยกว่านี้ แต่แม่ค้าใจดี เลยซื้อเยอะไปหน่อย
วันนี้จะกินต่อ หวังว่ายังอร่อยอยู่
- ควรแช่ตู้เย็น
- ภาชนะปิดสนิท
- ไม่เกิน 2 ชม. นอกตู้เย็น
- กินภายใน 1-2 วัน
อากาศร้อนแบบนี้ ถ้าทิ้งไว้นอกตู้เย็น เดี๋ยวจะเสีย กลิ่นเหม็นแน่ เคยเจอมาแล้ว เสียของ เสียดายเงิน เซ็งเลย
ปลาทูเค็มเก็บยังไง
กลางดึกเนี่ยนะ คิดถึงเรื่องปลาทูเค็ม มันก็แปลกๆดีเหมือนกันนะ
อืม… จริงๆแล้ววิธีเก็บมันก็ไม่ยากเท่าไหร่หรอก แต่ก็ต้องระวังนิดนึง
ขั้นตอนก็ประมาณนี้แหละ จำได้ว่าปีนี้ ที่บ้านแม่ทำเอง ล้างน้ำแค่รอบเดียวพอ อย่าล้างนานไปเดี๋ยวเค็มหาย
แล้วก็ซับน้ำให้แห้ง ใช้กระดาษเช็ดหน้าก็ได้นะ สำคัญเลยคือต้องตากแดด ประมาณสองชั่วโมง พลิกด้วยนะ ไม่งั้นไม่แห้ง
ใส่ถุงแยกๆกันด้วย อย่างน้อยก็ไม่ติดกัน แล้วก็มัดหนังยาง สุดท้ายก็ใส่ถุงซิปล็อก หรือกล่องพลาสติกดีๆ ปิดให้สนิทแล้วก็แช่ช่องฟรีซ แค่นี้แหละ
- ล้างน้ำ 1 ครั้ง
- ซับให้แห้ง
- ตากแดด 2 ชม. พลิกทุก 1 ชม.
- ห่อแยก เก็บช่องแข็ง
ง่ายๆแค่นี้เอง… ทำไมคืนนี้ คิดถึงแต่เรื่องปลาทูเค็มเนี่ย
ข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต