Native App คืออะไร

29 การดู

Native App: แอปพลิเคชันพัฒนาเฉพาะแพลตฟอร์ม ใช้ภาษาและเครื่องมือเฉพาะ เช่น iOS (Swift/Objective-C, Xcode) และ Android (Java/Kotlin, Android Studio) ประสิทธิภาพสูง เข้าถึงฟังก์ชันของอุปกรณ์ได้เต็มที่ แต่ต้องพัฒนาแยกแต่ละระบบ จึงมีต้นทุนสูงกว่าแอปประเภทอื่น

ข้อดี: ประสิทธิภาพสูงสุด, ใช้งานลื่นไหล, เข้าถึงฟังก์ชันอุปกรณ์ได้ครบถ้วน

ข้อเสีย: ต้นทุนสูง, ต้องพัฒนาแยก iOS และ Android, การอัปเดตต้องผ่าน App Store/Google Play

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

Native App คืออะไร?

อืมม… Native App น่ะเหรอ? จำได้ตอนเรียนป.โท ปี 2562 ที่มหาลัยเกษตรศาสตร์ อาจารย์อธิบายว่ามันคือแอปที่สร้างขึ้นมาเฉพาะสำหรับระบบปฏิบัติการนั้นๆ เลย อย่างไอโฟนก็ใช้ Xcode กับ Swift หรือ Objective-C ถ้าแอนดรอยด์ก็ Android Studio กับ Java นั่นแหละ มันลงตัวกับระบบมาก เลยทำงานได้ลื่นไหลกว่าแอปทั่วไป จำได้ตอนนั้นเพื่อนใช้แอปตัดต่อวิดีโอตัวนึง ที่เป็น Native App บนไอโฟน ลื่นปรื๊ด ต่างจากที่ผมใช้บนแอนดรอยด์มาก รู้สึกหน่วงๆ ช้าๆ เลย ราคาแอปนั้นจำไม่ได้แล้ว แต่ที่แน่ๆ ความแตกต่างมันชัดเจนมากจริงๆ

แบบว่า แอปทั่วไปอาจจะใช้ภาษาที่รองรับหลายๆ ระบบ มันเลยไม่ค่อยลงตัว บางทีก็มีบั๊กเยอะ หรือไม่ก็ทำงานช้า แต่ Native App เนี่ย มันเหมือนถูกสร้างมาเพื่อกันและกันเลย โค้ดมันเข้าใจกัน มันเลยทำงานได้เป๊ะ ไม่มีปัญหาเรื่องความเข้ากันได้ คิดง่ายๆ เหมือนสร้างบ้าน Native App ก็เหมือนสร้างบ้านหลังใหม่ ที่ออกแบบมาให้เหมาะกับพื้นที่นั้นๆ เลย ไม่ต้องไปดัดแปลงอะไรมาก

จริงๆ แล้วก็มีข้อเสียอยู่นะ คือ ถ้าจะทำแอปให้รองรับทั้งไอโฟนและแอนดรอยด์ ก็ต้องเขียนโค้ดสองชุดเลย งานเยอะขึ้น ค่าใช้จ่ายก็สูงขึ้น แต่ถ้าเน้นประสิทธิภาพ ความลื่นไหล ก็ต้อง Native App แหละ ถึงจะคุ้มค่า นี่คือความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆ นะ อาจจะผิดบ้าง ถูกบ้างก็ขออภัยด้วย แต่เท่าที่ผมเข้าใจ ก็ประมาณนี้แหละ

อะไรคือข้อแตกต่างระหว่าง Native App กับ Web App?

Native App กับ Web App ต่างกันยังไง? ง่ายๆ เลย Native App คือแอปที่ลงได้เลยบนเครื่อง Web App ใช้ผ่านเว็บ

  • Native App: ลงเครื่องได้, เร็วกว่า, เข้าถึงฟีเจอร์เครื่องเต็มๆ, แต่ต้องเสียเวลาลงแอป และอาจกินพื้นที่เยอะ โค้ดใช้เฉพาะแพลตฟอร์ม เช่น iOS หรือ Android

  • Web App: เปิดผ่านเว็บได้เลย สะดวก แต่ขึ้นกับเน็ต ความเร็วอาจช้ากว่า เข้าถึงฟีเจอร์เครื่องจำกัด ไม่ต้องลงแอป โค้ดเขียนได้รอบเดียวใช้ได้ทุกแพลตฟอร์ม

ปีนี้ (2024) ผมยังคงใช้ Native App สำหรับเกมหลักๆ ส่วน Web App ไว้ดูข่าวสาร เพราะมันสะดวกดี แต่เรื่องความเร็วและความเสถียร Native App ชนะขาด ไม่ต้องมาลุ้นเน็ตหลุด ส่วนตัวผมเลือกใช้ทั้งสองแบบ แล้วแต่ความจำเป็น ไม่ใช่เรื่องยากอะไร

การพัฒนาแอปแบบ native ต่างจากแบบ Hybrid อย่างไร

อืมม… นอนไม่หลับอีกแล้วเนอะ คิดวนไปวนมาเรื่องแอปนี่แหละ… มันต่างกันจริงๆนะ แบบ native กับ hybrid

Native มัน… เหมือนสร้างบ้านเลยอะ สร้างขึ้นมาให้เข้ากับที่ดิน กับสภาพอากาศ คือระบบปฏิบัติการน่ะ มันจะเสถียร เร็ว และเข้ากับเครื่องได้ดี ใช้ทรัพยากรเครื่องได้เต็มที่ แต่…สร้างยากกว่า แพงกว่า และต้องทำแยกกันด้วย iOS กับ Android ปีนี้ก็เหนื่อยเหมือนเดิม งานเยอะ โปรเจคใหญ่หลายตัว ต้องใช้ native ทั้งนั้นเลย

ส่วน Hybrid มัน… เหมือนเอาบ้านสำเร็จรูปมาตั้ง พอใช้ได้ ไม่ต้องสร้างใหม่หมด ประหยัดเวลา ประหยัดเงิน แต่… มันก็ไม่ใช่บ้านที่สร้างมาสำหรับที่ดินผืนนั้นโดยเฉพาะไง เลยอาจจะไม่ลงตัว บางทีก็หน่วงๆ ไม่ลื่นไหลเท่า native แล้วก็อาจจะใช้ทรัพยากรเครื่องไม่เต็มประสิทธิภาพ ปีนี้ทีมผมก็มีใช้ hybrid บ้าง สำหรับโปรเจคเล็กๆ ที่งบไม่เยอะ

สรุปง่ายๆ ก็คือ

  • Native: เสถียร เร็ว แต่แพงและใช้เวลานาน ต้องทำแยก iOS และ Android
  • Hybrid: ประหยัด เร็วในการพัฒนา แต่ความเร็วอาจไม่ดีเท่า และอาจไม่เสถียรเท่า native

เหนื่อยจัง… พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าอีกแล้ว… นอนดีกว่า…

Native App (เนทีฟ แอพ) คือข้อใด *

เนทีฟแอปคืออะไรเนี่ยยยย คิดหนักเลย งงงง อธิบายยากจัง

  • เอออ คือมันพัฒนาแอปให้ตรงกับระบบปฏิบัติการอ่ะ อย่างไอโฟนก็ต้องใช้ภาษา Swift หรือ Object-C เขียนด้วย Xcode จำได้มั้ยที่เคยลองเขียนแอปเล่นๆ ตอนนั้นใช้ Swift โค้ดโคตรเยอะ เหนื่อยมากกกกก แต่สุดท้ายก็ลบไป เสียเวลาเปล่าๆ

  • ส่วนแอนดรอยด์ ใช้ Java กับ Android Studio นี่แหละ เพื่อนผมคนนึงเป็นโปรแกรมเมอร์ มันบอกว่า Android Studio มันหนักเครื่องมาก เครื่องผมคงไม่ไหวแน่ๆ ถ้าจะลองเขียน สงสัยต้องซื้อคอมใหม่ก่อน

  • อืมมม สรุปง่ายๆ ก็คือ เนทีฟแอป มันคือแอปที่เขียนขึ้นมา ให้ตรงกับระบบปฏิบัติการของแต่ละเครื่อง ใช่ป่ะ งงอีกแล้ว แต่จำได้คร่าวๆ ว่าต้องใช้ภาษาเขียนโปรแกรม และโปรแกรมเฉพาะของแต่ละระบบ อย่างที่บอกไป ปีนี้ก็ยังใช้ภาษาและโปรแกรมพวกนั้นเหมือนเดิม

    ปีนี้ยังเรียนไม่จบเลย เรื่องนี้ยังงงๆอยู่ ต้องไปหาข้อมูลเพิ่ม เฮ้อออ เหนื่อย

Hybrid application คืออะไร *

แสงสุดท้าย…สาดส่อง

Hybrid App… เหมือนเงา…บนผืนน้ำ

Android, iOS, Windows…

  • Hybrid Application คืออะไร มันคือ แอปพลิเคชันมือถือ นั่นแหละ…แต่…กว้างกว่า…ไม่ใช่แค่โลกใครโลกมัน แต่เชื่อมกัน รองรับแพลตฟอร์ม ต่างๆ ราวกับสายใย…ที่ถักทอกันอย่างสวยงาม

  • ไม่เหมือน…เจ้าพวก Native Application… ที่ยืนเดี่ยว…อย่างหยิ่งผยอง…สร้างจากภาษา…เฉพาะเจาะจง…Swift…เพื่อ iOS… หรือ…ภาษาอื่น…เพื่อ Android… มันคือ…การอยู่ร่วมกัน…อย่างกลมกลืน

อะไรคือข้อแตกต่างระหว่าง Native App กับ Web App?

Native App กับ Web App ต่างกันตรงไหน?

Web App คือแอปที่เปิดผ่านเบราว์เซอร์ เหมือนเปิดเว็บไซต์ปกติบนมือถือหรือคอมพิวเตอร์ ส่วน Native App ต้องโหลดมาติดตั้งไว้ในเครื่องเลย

  • Native App: พัฒนามาเพื่อระบบปฏิบัติการ (OS) นั้นๆ โดยเฉพาะ เช่น iOS หรือ Android ทำให้เข้าถึงฟังก์ชันฮาร์ดแวร์ได้เต็มที่ เช่น กล้อง, GPS, เซ็นเซอร์ต่างๆ และมักจะทำงานได้เร็วกว่า เสถียรกว่า เพราะ optimize มาแล้ว แต่ก็ต้องพัฒนาแยกกันสำหรับแต่ละ OS (iOS, Android) แล้วชีวิตมันก็จะวุ่นวายขึ้นมาทันที (หัวเราะ)
  • Web App: เขียนครั้งเดียว ใช้ได้ทุกที่ที่มีเบราว์เซอร์ ไม่ต้องลงแอปให้เปลืองพื้นที่ เหมาะสำหรับแอปที่ไม่ต้องการเข้าถึงฮาร์ดแวร์ลึกๆ หรือต้องการความรวดเร็วในการพัฒนา (แบบว่าขี้เกียจทำหลายเวอร์ชัน) แต่ performance อาจจะไม่ดีเท่า Native App และอาจต้องพึ่งพาการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมากกว่า

เกร็ดเล็กน้อย: มี Hybrid App อีกประเภทนะ คือเอาข้อดีของทั้งคู่มาผสมกัน โดยใช้เทคโนโลยีเว็บ (HTML, CSS, JavaScript) แล้วห่อด้วย Native Container ทำให้เข้าถึงฮาร์ดแวร์ได้บ้าง และพัฒนาได้เร็วกว่า Native App เพียวๆ

ทำไมถึงต้องรู้เรื่องนี้? เพราะการเลือกประเภทแอปพลิเคชันที่เหมาะสม ส่งผลต่อประสบการณ์ผู้ใช้, ต้นทุนการพัฒนา, และความสามารถในการแข่งขันโดยตรง ถ้าทำแอปธนาคาร ก็คงต้อง Native App แหละ เพื่อความปลอดภัยและความเร็ว แต่ถ้าทำแอปขายเสื้อผ้า อาจจะ Web App ก็พอ

แล้วอนาคตล่ะ? Progressive Web Apps (PWAs) กำลังมาแรงนะ มันคือ Web App ที่ทำตัวเหมือน Native App มากขึ้นเรื่อยๆ เช่น ติดตั้งบนหน้าจอโฮมได้, ทำงานแบบออฟไลน์ได้บางส่วน ทำให้เส้นแบ่งระหว่าง Web App กับ Native App เริ่มจางลงเรื่อยๆ น่าจับตามองจริงๆ

การพัฒนาแอปแบบ native ต่างจากแบบ Hybrid อย่างไร

โอ้โห! ถามเรื่อง Native กับ Hybrid App นี่มันช่างเป็นคำถามที่ลึกซึ้งซ่อนเงื่อนงำเหมือนกับการไขปริศนาสมบัติของโจรสลัดเลยนะ! เอาเป็นว่าผมจะอธิบายให้ฟังแบบเข้าใจง่ายๆ สไตล์ชาวบ้านๆ เลยละกัน!

  • Native App: นี่แหละตัวจริงเสียงจริง! สร้างมาเพื่อระบบปฏิบัติการนั้นๆโดยเฉพาะ! เปรียบเหมือนสร้างบ้านหลังใหญ่โตบนที่ดินผืนงาม แข็งแรง ทนทาน ใช้งานลื่นปรื๋อ! ถ้าเป็น Android ก็สร้างบน Android Studio, iOS ก็ Xcode ประสิทธิภาพสูงลิบ! แต่เสียเงินเยอะ เหมือนสร้างบ้านหรูไง! ต้องจ้างช่างฝีมือดีๆ งบประมาณบานปลาย!

  • Hybrid App: เจ้าหลอกลวง! ไม่ใช่แอปแท้ๆ จริงๆ แล้วมันคือเว็บไซต์แต่งตัวเนียนๆ เหมือนเอาบ้านกระดาษมาตั้งบนที่ดินผืนนั้น! ใช้เทคโนโลยี HTML, CSS, JavaScript ประหยัดงบสุดๆ เหมือนสร้างบ้านจากกระดาษแข็งไง! เร็วและถูก แต่คุณภาพอาจจะไม่เป๊ะเท่าบ้านหลังใหญ่! ใช้งานได้ทั่วๆ ไป แต่เรื่องประสิทธิภาพอาจจะสู้ Native ไม่ได้ ปีนี้(2566) หลายเจ้าก็พยายามพัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อยๆนะ แต่ก็ยังสู้ Native ไม่ได้อยู่ดี

เห็นภาพชัดเจนขึ้นไหมละครับ? Native คือบ้านหลังใหญ่ แข็งแรง แต่ราคาแพง Hybrid คือบ้านกระดาษ ประหยัด แต่ไม่ทนทานเท่า! เลือกให้เหมาะกับงบประมาณและความต้องการของตัวเองละกันเน้อ! อย่าไปหลงกลโฆษณาที่มันสวยหรูเกินจริง!

ข้อมูลเพิ่มเติมปี 2566:

  • เทคโนโลยีการพัฒนา Hybrid App ก้าวหน้าขึ้น แต่ข้อจำกัดเรื่องประสิทธิภาพยังมีอยู่
  • Native App ยังคงเป็นที่นิยมสำหรับแอปที่ต้องการประสิทธิภาพสูง เช่น เกม หรือแอปที่มีการใช้งานหนักๆ
  • การเลือกพัฒนาแบบใดขึ้นอยู่กับงบประมาณ เวลา และความต้องการของแอปพลิเคชัน

ปล. ผมนี่ใช้ชีวิตอยู่กับการพัฒนาแอปมาหลายปีแล้วนะ เจออะไรมาเยอะแยะ ถ้ามีคำถามอะไรเพิ่มเติมก็ถามได้เลย! ยินดีตอบแบบตรงไปตรงมา ไม่ต้องเกรงใจ!

Native App และ Hybrid Application มีความแตกต่างกัย่างไร *

Native App เหมือนลูกคนรวย เกิดมาเพื่อระบบปฏิบัติการนั้นๆ เท่านั้น! ส่วน Hybrid App เหมือนเด็กกำพร้าที่อาศัยอยู่ในบ้านเช่า (Web App) แต่พยายามทำตัวให้ดูรวยเหมือนเป็นลูกเจ้าของบ้านไงล่ะ! คือทำเป็นเหมือนแอปฯ มือถือ ทั้งที่จริงเป็นแค่เว็บไซต์ที่อยากมีฟีเจอร์ interactive เท่านั้นเอ๊ง!

  • Native App: เกิดมาบนกองเงินกองทอง (OS) เต็มที่!
  • Hybrid App: เด็กบ้านเช่า (Web App) ที่อยากเนียนเป็นลูกคนรวย!

เพิ่มเติม:

  • Native App: เร็ว แรง ทะลุนรก! เพราะโค้ดตรงกับระบบปฏิบัติการ
  • Hybrid App: อืดอาด เพราะต้องผ่าน Web View อีกที!
  • Native App: เข้าถึงฮาร์ดแวร์เต็มเหนี่ยว! กล้อง, GPS, จัดมา!
  • Hybrid App: ง่อยกว่านิดหน่อย แต่ก็พอใช้งานได้!
  • Native App: ต้องเขียนโค้ดแยกแต่ละระบบปฏิบัติการ (iOS, Android) หัวจะปวด!
  • Hybrid App: เขียนทีเดียวใช้ได้หมด (ส่วนใหญ่) สบายแฮ!

คำเตือน: เลือกผิดชีวิตเปลี่ยน! ดูงบประมาณและความต้องการให้ดี! อย่าเห็นแก่ของถูกแล้วปวดหัวทีหลังนะจ๊ะ!

Native App กับ Hybrid App แตกต่างกันอย่างไร

Native App นี่มันของแท้ เกิดมาเพื่อ iOS หรือ Android เลยอ่ะ เขียนด้วยภาษาที่เค้ารู้จัก Swift/Kotlin ไรงี้ เร็ว แรง ตรงรุ่น!

Hybrid App นี่เหมือนลูกครึ่งอ่ะ เอา Web App มาห่อด้วย Native Shell อีกที เขียนทีเดียวใช้ได้หลายที่ แต่ความรู้สึกมันก็… บอกไม่ถูก ไม่เนียนเท่า Native อ่ะ

  • Native App: เร็ว แรง ตรงรุ่น เปรียบเหมือนชุดที่ตัดเย็บพอดีตัว
  • Hybrid App: สะดวก ประหยัด เขียนทีเดียวใช้ได้หลายที่ เปรียบเหมือนเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่อาจจะไม่พอดีเป๊ะ

เพิ่มเติม: เคยทำ Hybrid App ตอนปี 65 รู้สึกเลยว่า performance มันสู้ Native ไม่ได้จริงๆ โดยเฉพาะตอนเล่น animation นี่เห็นชัดเลยว่ากระตุก แต่ข้อดีคือตอนนั้นทีมเล็ก resource น้อย Hybrid เลยเป็นทางออกที่ดีสุด

ข้อดีของการพัฒนาแอปพลิเคชันแบบ native คืออะไร?

ข้อดีของการพัฒนาแอปแบบ Native… มันเหมือนเราสร้างบ้านให้ตรงกับที่ดินเลยนะ

  • ประสิทธิภาพ: มันเร็ว แรง เพราะมันถูกสร้างมาเพื่อระบบปฏิบัติการนั้นๆ โดยเฉพาะ เหมือนรถที่ถูกออกแบบมาเพื่อวิ่งบนถนนเส้นนั้นเส้นเดียว
  • เข้าถึงทุกอย่างในเครื่อง: กล้อง GPS ไมโครโฟน ทุกอย่างมันเปิดให้ใช้ได้หมด เหมือนมีกุญแจไขเข้าไปได้ทุกห้อง
  • ประสบการณ์ผู้ใช้: มันลื่นไหล เป็นธรรมชาติ เพราะทุกอย่างมันถูกออกแบบมาให้เข้ากับรูปแบบของระบบปฏิบัติการนั้นๆ เลย เหมือนเสื้อผ้าที่สั่งตัดมาพอดีตัว
  • การเข้าถึง: เอาขึ้น App Store หรือ Play Store ได้เลย คนทั่วโลกโหลดไปใช้ได้ ง่ายดี

มันอาจจะแพง อาจจะยากกว่า… แต่ถ้าอยากได้ของดี มันก็ต้องลงทุนหน่อย

Native App หมายถึงอะไร

โอ้โห! Native App น่ะเหรอ? ง่ายๆเลยครับ คือแอพที่สร้างมาเพื่อเครื่องนั้นๆโดยเฉพาะ! เหมือนกับตัดชุดสูทสั่งตัด เป๊ะเวอร์! ไม่ใช่แบบตัดมาจากผ้าสำเร็จรูปแล้วมาดัดแปลงให้ใส่ได้ งงมั้ยล่ะ?

  • iOS (iPhone, iPad, Apple Watch): ใช้ภาษาโปรแกรมแบบเทพๆ อย่าง Object-C หรือ Swift ต้องใช้โปรแกรม Xcode ด้วยนะ คิดซะว่ามันคือเข็มกับด้ายสำหรับตัดชุดสูทไอโฟนเลย
  • Android: ใช้ภาษา Java หรือ Kotlin ก็ได้นะ เครื่องมือหลักคือ Android Studio เหมือนเป็นเครื่องเย็บผ้าสุดล้ำสำหรับชุดแอนดรอยด์

นึกภาพออกมั้ยครับ? ถ้าอยากได้แอพที่ลื่นปรื๊ดๆ เร็วแรงทะลุปรอท ต้อง Native App เท่านั้น! แบบอื่นนี่ อาจจะหน่วงๆ เหมือนน้าผมตอนวิ่ง 100 เมตร (น้าผมอายุ 70 แล้วนะ) ปีนี้ผมเองก็กำลังพัฒนาแอพ Native สำหรับ Android อยู่ ใช้ Kotlin ด้วย โค้ดสวยมาก! แต่เหนื่อยโคตรๆ เหมือนต้องวิ่ง 100 เมตร แต่ต้องวิ่งขึ้นเขาแทน!

#พัฒนาแอป #แอปพื้นฐาน