Mobile Developer ต้องทำอะไรบ้าง
Mobile Developer: หน้าที่หลักคือออกแบบและพัฒนาแอปพลิเคชันมือถือ ครอบคลุมตั้งแต่ขั้นวางแผน, ออกแบบร่วมกับ UX/UI, กำหนดฟังก์ชันการทำงาน จนถึงการเขียนโค้ด, ทดสอบ, ปรับปรุง และบำรุงรักษาแอปอย่างต่อเนื่อง
งานสำคัญ:
- วิเคราะห์ความต้องการและออกแบบแอป
- เขียนโค้ดและพัฒนาแอปบนแพลตฟอร์มต่างๆ (iOS, Android)
- ทดสอบและแก้บั๊ก
- บำรุงรักษาและอัปเดตแอปอย่างสม่ำเสมอ
- วิเคราะห์ข้อมูลผู้ใช้เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพแอป
- ศึกษาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อพัฒนาแอปให้ทันสมัย
จำเป็นต้องมีความรู้ด้านการเขียนโปรแกรม, ความเข้าใจ UX/UI และกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์ พร้อมทั้งทักษะการแก้ปัญหาและการทำงานเป็นทีม
Mobile Developer: หน้าที่และความรับผิดชอบคืออะไร?
Mobile Developer นี่ก็คือคนสร้างแอพมือถือนั่นแหละ หน้าที่หลักๆ เลยก็ออกแบบ พัฒนาแอพ ทั้ง Android และ iOS บางทีก็ต้องทำทั้งสองระบบเลยนะ ยุ่งเหมือนกัน.
จำได้ตอนทำแอพสั่งอาหารให้ร้านแถวทองหล่อเมื่อปีที่แล้ว ต้องคุยกับคนออกแบบ UI/UX บ่อยมาก กว่าจะลงตัวเรื่องหน้าตาแอพ ปวดหัวเลย. สุดท้ายก็ออกมาโอเค ลูกค้าชอบ.
ส่วนการเขียนโค้ด ก็ต้องเขียนให้แอพมันทำงานได้ ไม่ค้าง ไม่บั๊ก ต้องทดสอบแล้วทดสอบอีก. ตอนนั้นใช้ Flutter พัฒนา เร็วดี แต่ก็มีปัญหาจุกจิกบ้างเหมือนกัน.
ที่สำคัญคือต้องอัพเดทแอพตลอด. มีบั๊กก็ต้องแก้ มีฟีเจอร์ใหม่ๆ ก็ต้องเพิ่ม. ตอนนั้นทำแอพเสร็จ คิดว่าจบแล้ว ที่ไหนได้ งานเพิ่งเริ่มต้นเอง.
เรื่องเทคโนโลยีใหม่ๆ ก็ต้องตามให้ทัน ตอนนี้ Kotlin กับ Swift กำลังมาแรง. ถ้าไม่เรียนรู้เพิ่ม ก็คงตกยุค. เมื่อเดือนก่อนไป workshop Flutter ที่ CentralWorld เสียไปพันห้า. ได้ความรู้ใหม่ๆ เพียบเลย.
Application Developer ทำอะไรบ้าง
แอพพลิเคชั่นเดเวลอปเปอร์ เออ ทำไรบ้างนะ ก็แบบ รับโจทย์มาอะ โจทย์สร้างแอพไง แล้วก็ต้องไปออกแบบ พัฒนาแอพนั้นขึ้นมา ให้มันตรงตามที่เค้าอยากได้ คือแบบ บางทีลูกค้าอยากได้แอพขายของ เราก็ต้องทำแอพขายของให้เค้างี้ หรือบางที อยากได้เกมส์ เราก็ต้องทำเกมส์ให้เค้า แล้วแต่โจทย์อะ เข้าใจปะ
สำคัญเลยคือ เขียนโปรแกรม คือต้องเขียนโค้ดอะ โค้ดพวกนี้แหละ มันทำให้แอพมันทำงานได้ แล้วภาษาที่ใช้เขียนโปรแกรมมันก็มีเยอะมากกก เลือกใช้ให้มันถูกกับงานด้วยนะ แบบบางทีงานนึงใช้ Java งานนึงใช้ Swift คือมันแล้วแต่งานอะ อย่างเราเนี่ย ส่วนตัวชอบใช้ Python มากกว่า มันเขียนง่ายดี แต่ก็ต้องดูงานด้วยแหละ บางงานมันก็ไม่เหมาะ งงปะ 5555
- ออกแบบ: คือแบบ ต้องร่างแบบก่อนว่าแอพจะหน้าตาเป็นไง ใช้ยังไง มีฟีเจอร์อะไรบ้างไรงี้
- พัฒนา: อันนี้คือ ลงมือเขียนโค้ดเลย โค้ดๆๆๆ ให้มันทำงานได้ตามที่ออกแบบไว้
- ทดสอบ: เขียนเสร็จก็ต้องเทส เทสๆๆๆ ดูว่ามันมีบั๊กไหม มีอะไรผิดพลาดรึเปล่า แก้ไขๆๆๆ
- เผยแพร่: พอทุกอย่างเรียบร้อย ก็ปล่อยแอพขึ้นสโตร์ ให้คนโหลดไปใช้ได้เลย เช่น Play Store หรือ App Store ไรงี้
- บำรุงรักษา: แอพมันก็เหมือนบ้านอะ ต้องดูแล ต้องคอยอัพเดท แก้บั๊ก เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ ให้มันทันสมัยอยู่เสมอ อย่างปีนี้ 2024 ก็ต้องอัพเดทให้มันเข้ากับเทรนด์ใหม่ๆหน่อย ไม่งั้นคนก็ไม่ใช้
คือจริงๆ มันมีรายละเอียดมากกว่านี้อีกนะ แต่หลักๆก็ประมาณนี้แหละ เหนื่อยเหมือนกันนะ แต่ก็สนุกดี เวลาเห็นคนใช้แอพที่เราสร้างแล้วแบบ มันรู้สึกดีอะ ภูมิใจ บอกไม่ถูก 5555
Application Developer ทำอะไรบ้าง?
Application Developer เหรอ? พวกแม่งก็แค่ โค้ดเดอร์ ที่เขียนโปรแกรมตามใบสั่ง
- ออกแบบ: คิดโครงสร้างแอปฯ ให้มันทำงานได้จริง ไม่ใช่แค่สวย
- พัฒนา: ลงมือเขียนโค้ด แก้บั๊ก ให้มันเป็นรูปเป็นร่าง
- สร้างสรรค์: บางทีก็ต้องคิดนอกกรอบ หาทางแก้ปัญหาที่คนอื่นมองข้าม
- ภาษา: Python, Java, C#… เลือกให้ถูกกับงาน อย่ามั่ว
- สำคัญ: ต้องเข้าใจธุรกิจ เข้าใจความต้องการของลูกค้า ไม่งั้นก็แค่ทำตามๆ กันไป
พวกนี้ไม่ได้เป็นแค่คนเขียนโค้ด แต่เป็นคนสร้าง ประสบการณ์ เว้ย เข้าใจยัง?
โปรแกรมเมอร์ทำอะไรได้บ้าง?
โปรแกรมเมอร์อะเหรอ? เยอะแยะเลยที่เค้าทำได้ หลักๆก็เขียนโปรแกรมไง เอาข้อมูลจากนักวิเคราะห์ระบบมาแปลงเป็นโค้ด ใช้ภาษาต่างๆ เยอะมากกก ปีนี้ที่ฉันเจอคือ Python, Java, C++, JavaScript เยอะไปหมด! แล้วแต่โปรเจค บางทีก็ต้องแก้บั๊กด้วยนะ โค้ดมีบั๊กก็ต้องแก้ เหนื่อยอยู่นะบอกเลย
- เขียนโค้ดตาม design spec (จากนักวิเคราะห์)
- แก้ไขโค้ด (Debug) เจอบั๊กบ่อยมากกก
- ทดสอบโปรแกรม (Testing) ให้มันทำงานได้สมบูรณ์
- ทำเอกสารประกอบ (Documentation) อธิบายโค้ดที่เขียนไป สำคัญมากนะ
- บำรุงรักษา ระบบ (Maintain) ของเก่าๆ มันก็มีปัญหาบ้าง ต้องแก้ตลอด
- ทำงานร่วมกับทีม (Teamwork) ไม่ใช่ทำงานคนเดียว ต้องประสานงาน
งานโปรแกรมเมอร์มันไม่ง่ายนะ ต้องเรียนรู้ภาษาใหม่ๆตลอด ปีนี้เห็นเทรนด์ AI มาแรง หลายที่ก็เริ่มใช้ภาษาสำหรับ AI เพิ่มขึ้น ต้องอัพสกิลตัวเองเรื่อยๆ ถึงจะอยู่รอด เพื่อนฉันที่เป็นโปรแกรมเมอร์บอกว่าเหนื่อยมาก แต่เงินดี ก็เลยทนทำ 555
Programmer กับ Developer ต่างกันยังไง?
Programmer กับ Developer อ่ะต่างกันนะ Programmer เน้นเขียนโค้ดล้วนๆเลย แบบโค้ดสวยงาม ทำงานได้ แต่ไม่ต้องคิดเยอะเรื่อง design หรือ architecture อะไรมากมาย ส่วน Developer กว้างกว่าเยอะ คิดหลายอย่าง ต้องรู้เรื่องการออกแบบ วางระบบ จัดการโครงสร้างโปรเจคด้วย ไม่ใช่แค่เขียนโค้ดอย่างเดียว เหนื่อยกว่าเยอะ!
Developer แบ่งได้หลายแบบ จริงๆแล้วมากกว่า 4 อย่างที่ว่านะ แต่ที่เจอบ่อยๆก็ประมาณนี้แหละ
- Front-End Dev: เน้นหน้าเว็บ ให้สวยงาม ใช้งานง่าย พวก Javascript, React, Angular อะไรพวกนี้ เป็นหน้าที่หลักเลย
- Back-End Dev: อยู่หลังบ้าน จัดการ database server ส่วนที่ผู้ใช้ไม่เห็น ใช้ภาษาอย่าง Python, Java, Node.js เยอะ
- Full-Stack Dev: ครบเครื่อง ทั้งหน้าบ้านหลังบ้าน ทำได้หมด แต่ก็เหนื่อยหน่อย ต้องเก่งหลายอย่าง ปีนี้เห็นหลายบริษัทตามหามากเลยนะ
- DevOps Engineer: เน้นเรื่องการ deploy ดูแลระบบให้ stable ให้แอปทำงานได้ตลอด ต้องรู้เรื่อง server network เยอะมาก เพื่อนผมเป็น บอกว่า stress สุดๆ
ปีนี้งาน Developer เยอะมาก เห็นประกาศรับสมัครบ่อย แต่ต้องเก่งจริงๆนะ ไม่งั้นก็ลำบาก ตอนนี้เพื่อนผมหลายคนกำลังหางานอยู่ เศรษฐกิจแบบนี้ หางานยากจริงๆ
Dev กับ Programmer ต่างกันอย่างไร?
Dev กับ Programmer: คนละหน้าที่
-
Developer: สร้าง แก้ไข พัฒนา ระบบซอฟต์แวร์ใหม่ทั้งหมด ปีนี้เห็นกระแส Low-code/No-code บูม งานจึงเน้นออกแบบสถาปัตยกรรม มากกว่าเขียนโค้ดตรงๆ
-
Programmer: เขียนโค้ดตาม spec ที่ได้รับ เน้นความแม่นยำ ตรงตาม requirement แก้บั๊ก ไม่ต้องคิดระบบใหญ่ เหมือนช่างฝีมือ
ความแตกต่างชัดเจน อย่าสับสน Developer มีภาพรวม Programmer เน้นรายละเอียด เปรียบได้กับสถาปนิกกับช่างก่อสร้าง คนละบทบาท แต่ทำงานร่วมกัน
เพิ่มเติม:
-
ปี 2566 ทักษะ AI และ Cloud เป็นที่ต้องการสูง ทั้ง Developer และ Programmer
-
ประสบการณ์ส่วนตัว: เคยสัมภาษณ์งาน Developer ที่เน้น React และ AWS ปีที่แล้ว แต่ปีนี้ บริษัทหันมาเน้น AI prompt engineering มากขึ้น
-
แนวโน้ม: Low-code กำลังเปลี่ยนแปลง วิธีการพัฒนาซอฟต์แวร์ Programmer อาจต้องปรับตัว เรียนรู้ tools ใหม่ๆ เพื่อความอยู่รอดในตลาดแรงงาน
ตําแหน่ง dev คืออะไร?
Dev คือคนสร้างโลกดิจิทัล ไม่ใช่แค่โปรแกรมเมอร์
- Software Developer: โค้ดคืออาวุธ
- Web Developer: สร้างหน้ากากให้โลกออนไลน์
- Mobile Developer: คุมเกมบนมือถือ
- Data Scientist: อ่านใจข้อมูล หาความจริงที่ซ่อนไว้
- เงินเดือนเฉลี่ยเริ่มต้นปี 2567: 30,000 – 60,000 บาท (ขึ้นอยู่กับความสามารถและบริษัท)
- ตลาดต้องการคนจริง ไม่ใช่แค่กระดาษ
- ภาษาที่ต้องรู้: Python, JavaScript, Java (เลือกที่ใช่ ไม่ใช่แค่ตามกระแส)
- อย่าเป็นแค่คนเขียนโค้ด จงเป็นสถาปนิกดิจิทัล
Programmer ทําอะไรบ้าง?
โปรแกรมเมอร์เหรอ… อืม… ชีวิตจริงมันไม่ได้สวยหรูอย่างที่คิดนะ
เมื่อก่อนตอนเรียนจบใหม่ ๆ ไฟแรงมาก คิดว่าเขียนโค้ดเท่ ๆ ไปวัน ๆ ที่ไหนได้! นอกจากเขียนโปรแกรมตามที่ BA (Business Analyst) หรือ SA (System Analyst) ออกแบบมาแล้ว ยังต้องมานั่งแก้บั๊กที่ตัวเองทำไว้อีกเพียบเลย!
- งานหลัก: แปลง Design ที่ BA/SA ส่งมาให้ เป็นโค้ดจริง ๆ ใช้ภาษาอะไรก็แล้วแต่โปรเจกต์ (ตอนนี้ที่บริษัทใช้ Python, JavaScript เยอะมาก)
- แก้บั๊ก: อันนี้พูดเลยว่า 80% ของชีวิตโปรแกรมเมอร์คือการแก้บั๊กตัวเอง และบางทีก็ต้องแก้บั๊กคนอื่นด้วย!
- Test ระบบ: เขียนเสร็จก็ต้องเทสเองก่อนรอบนึง ให้แน่ใจว่ามันทำงานตามที่ Design ไว้
- ประชุม: ประชุมเยอะมาก! ประชุม Stand-up ตอนเช้า, ประชุมวางแผน, ประชุม Retrospective บลา ๆๆๆ
- เรียนรู้ตลอดเวลา: เทคโนโลยีมันเปลี่ยนเร็วมาก ถ้าไม่เรียนรู้ตามโลกก็อยู่ยาก
- เอกสาร: เขียน Document ก็น่าเบื่อ แต่จำเป็นมาก (ยิ่งตอนส่งมอบงานให้คนอื่น)
เมื่อก่อนเคยทำงานที่บริษัทแถวสีลม ตื่นเช้ามา 6 โมงครึ่ง รีบไปขึ้น BTS กลัวรถติด แต่พอทำไปสักพักก็เริ่มเบื่อ เลยเปลี่ยนมาทำ Remote Work แทน สบายกว่าเยอะ!
ความรู้สึก: แรก ๆ สนุกนะ ได้สร้างอะไรใหม่ ๆ แต่หลัง ๆ เริ่มรู้สึกว่ามันซ้ำ ๆ เดิม ๆ เลยพยายามหาอะไรใหม่ ๆ ทำตลอด
สิ่งที่ไม่ชอบ: คือตอนเจอบั๊กที่หาสาเหตุไม่เจอ นี่แหละ! มันจะหงุดหงิดมาก! แต่พอแก้ได้แล้วก็จะรู้สึกสะใจสุด ๆ
ตําแหน่ง Developer มีอะไรบ้าง?
Developer: มากกว่าโค้ด
- Front-End: สร้างสิ่งที่เห็น User Interface สำคัญ
- Back-End: เบื้องหลังการทำงาน Database, Server
- Full-Stack: ทำได้ทั้งคู่ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าเก่ง
- DevOps: Automation คือเพื่อนแท้ Deployment, Monitoring
Developer ไม่ใช่แค่ตำแหน่ง แต่มันคือ “ความรับผิดชอบ” ที่มากขึ้น
ข้อมูลเพิ่มเติม
- เงินเดือน: Front-End น้อยสุด DevOps สูงสุด (2567)
- ความต้องการ: Full-Stack ยังเป็นที่ต้องการ เพราะบริษัทอยากได้คนที่ “แก้ปัญหาได้”
- อนาคต: AI กำลังเปลี่ยนทุกอย่าง Developer ต้องปรับตัว เรียนรู้ตลอดเวลา
- เคล็ดลับ: อย่าหยุดเรียนรู้ เลือกเทคโนโลยีที่ใช่สำหรับตัวเอง
- ของแถม: “Passion สำคัญกว่า Skill” ถ้าใจรัก อะไรก็เป็นไปได้
ข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต