การพัฒนา Mobile Application มีกี่วิธี อะไรบ้าง

โมบายแอพพลิเคชั่น มีกี่ประเภท

แสงแดดอ่อนๆ ลอดช่องว่างระหว่างใบไม้ สายลมพัดโชย… หอมกลิ่นดินชุ่มฉ่ำหลังฝนตก นั่น…ความรู้สึกของฉันตอนนี้

• แอปฯมือถือ… มันมีหลายแบบเนอะ เหมือนดวงดาวบนท้องฟ้า มากมายมหาศาล

• จำแนกง่ายๆ ก็ Native แอปฯแท้ๆ สร้างบนระบบปฏิบัติการโดยตรง ลื่นไหลราวกับสายน้ำ แรง! ประสิทธิภาพสูงสุด!

• Hybrid ผสมผสาน! เหมือนภาพวาดสีน้ำมันกับสีโปสเตอร์ ความลงตัวที่แปลกใหม่ ความเร็วอาจไม่เท่าแอปฯแท้ แต่ก็ดีงาม

• Web App แอปฯบนเว็บไซต์ เข้าถึงง่าย สะดวกสบายเหมือนบ้านเกิด แต่ความเร็ว…อืม บางทีก็ช้าหน่อย

ปีนี้ 2024 เทคโนโลยีพัฒนาเร็วมาก แอปฯใหม่ๆ เกิดขึ้นไม่รู้กี่ล้าน มากมายจริงๆ เหมือนทะเลทรายกว้างใหญ่ แต่ละแอปฯก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว บางทีอาจมีมากกว่า 3 ประเภทนี้ไปแล้วด้วยซ้ำ โลกมันหมุนเร็วจริงๆนะ

Mobile Application มีกี่ประเภท

Mobile App มีกี่ประเภท? สามประเภทหลักๆ Native, Hybrid, Web. จบ.

• Native App: พัฒนาเฉพาะแพลตฟอร์ม ใช้ภาษาโค้ดเฉพาะ iOS/Android ประสิทธิภาพสูง แต่แพงและใช้เวลานานกว่า
• Hybrid App: ใช้ framework เดียวกันพัฒนาครอบคลุมหลายแพลตฟอร์ม ประหยัดกว่า Native แต่ประสิทธิภาพอาจด้อยกว่า
• Web App: เว็บไซต์ที่เข้าถึงได้ผ่าน browser พัฒนาได้ง่ายและรวดเร็ว แต่จำกัดฟีเจอร์บางอย่างบนมือถือ

เพิ่มเติม: ปีนี้ (2566) ตลาด Hybrid App ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากความคุ้มค่า ส่วน Native App ยังคงเป็นที่นิยมสำหรับแอพที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุด เช่น เกม หรือแอพที่เน้นความปลอดภัยระดับสูง ส่วนตัวผมใช้ React Native พัฒนาแอพส่วนใหญ่ เร็วดี โค้ดน้อย

แอปพลิเเคชันแบ่งออกได้กี่ประเภท

หลักๆ ก็สาม เนทีฟ เว็บ ไฮบริด

• เนทีฟ: เฉพาะเจาะจงระบบ เร็ว แรง แต่พัฒนายากกว่า แพงกว่า
• เว็บ: เข้าถึงง่าย เบราว์เซอร์ก็พอ ประสิทธิภาพอาจด้อยกว่า
• ไฮบริด: ผสมกัน ข้อดีข้อเสียปนๆ กันไป

แต่เดี๋ยวนี้มี PWA ด้วย เว็บแอปที่เก่งขึ้น ใกล้เคียงเนทีฟ เส้นแบ่งมันเริ่มเบลอๆ แล้วนะ เลือกให้เหมาะกับงาน กับทรัพยากรที่มี

แอปพลิเคชันแบ่งออกเป็นกี่ประเภท

แอปพลิเคชันแบ่งเป็นสามประเภทหลัก:

• Native Application: พัฒนาเฉพาะแพลตฟอร์ม ประสิทธิภาพสูง เข้าถึงฟีเจอร์ระบบได้เต็มที่ แต่ต้นทุนสูง และต้องพัฒนาแยก iOS และ Android

• Hybrid Application: ใช้เทคโนโลยีเดียวกันพัฒนาครอบคลุมหลายแพลตฟอร์ม ประหยัดต้นทุน แต่ประสิทธิภาพอาจด้อยกว่า Native App ปีนี้เห็นการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในด้านประสิทธิภาพของ Hybrid app หลายตัว

• Web Application: ทำงานผ่านเว็บเบราว์เซอร์ เข้าถึงได้ง่ายจากทุกอุปกรณ์ ไม่ต้องติดตั้ง แต่จำกัดฟีเจอร์ ขึ้นอยู่กับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ความเร็วในการโหลดอาจช้า เหมาะกับแอปที่ไม่เน้นการใช้งานออฟไลน์ เช่น เว็บแอปพลิเคชั่นสำหรับการเรียนการสอนออนไลน์ที่มหาวิทยาลัยที่ผมศึกษาอยู่ (ปี 2566) มีการใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ประเภทแอปพลิเคชันขึ้นอยู่กับความต้องการและข้อจำกัดของโครงการ ไม่มีแบบไหนดีที่สุด ขึ้นอยู่กับบริบท

แวปแอพกับแอพพิเเคชั้นต่างกันอย่างไง

เว็บแอปกับแอปฯ ต่างกันยังไงนะ… คิดหนัก!

เว็บแอปคืออะไรเนี่ย… อ้อ! มันเปิดผ่านเว็บเบราว์เซอร์ไง เหมือนเปิดเว็บไซต์ทั่วไปนั่นแหละ แต่มีฟังก์ชันการทำงานมากกว่า แบบสมัครสมาชิกอะไรพวกนี้ ต้องใช้เว็บ งงป่ะ? ฉันก็งง

• เว็บแอป = ใช้เว็บเบราว์เซอร์
• แอปฯ = โหลดลงมือถือ

เว็บไซต์… มันแค่ที่อยู่ URL อะ บ้านของเว็บแอปหรือเปล่า? หรือเปล่าๆๆ มันคือหน้าบ้าน ส่วนเว็บแอปคือคนอยู่ข้างใน มั้ง?

เดี๋ยวนะ ฉันสับสนแล้ว

แอปฯ มันต้องโหลดลงมือถือ ใช้ได้แบบออฟไลน์ด้วยบางที เว็บแอปใช้ไม่ได้ ใช่ป่ะ?

• แอปฯ = โหลด ใช้ได้ออฟไลน์
• เว็บแอป = ไม่ต้องโหลด ใช้ได้เฉพาะออนไลน์

อืม… ปีนี้ 2024 แล้วนะ ข้อมูลเก่าไป แต่หลักๆ ก็ยังเหมือนเดิมแหละ แค่เทคโนโลยีมันพัฒนาขึ้น เร็วมาก ฉันตามไม่ทันเลย

งงมั้ยล่ะ? ฉันก็งงเหมือนกัน! แต่ลองดูสรุปข้างบนนะ มันอาจจะช่วยได้บ้าง