ทําไมลูกถึงนอนสะดุ้งผวา

17 การดู

อาการสะดุ้งตกใจขณะหลับในทารกแรกเกิดถึง 3 เดือน อาจเกิดจากการปรับตัวเข้าสู่สภาพแวดล้อมใหม่หลังคลอด ระบบประสาทที่ยังพัฒนาไม่สมบูรณ์ ทำให้เกิดการตอบสนองต่อสิ่งเร้ารอบตัวอย่างรวดเร็ว ส่วนใหญ่อาการจะค่อยๆ หายไปเองเมื่อทารกโตขึ้น การให้ความอบอุ่นและปลอดภัยแก่ลูกน้อยจะช่วยบรรเทาอาการได้

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ทำไมลูกถึงนอนสะดุ้งผวา: ไขความลับอาการน่าตกใจในวัยเบบี๋

คุณพ่อคุณแม่หลายท่านคงเคยใจหายใจคว่ำเมื่อเห็นลูกน้อยนอนหลับอยู่ดีๆ ก็สะดุ้งโหยง ผวาตื่นขึ้นมาร้องไห้จ้า อาการเหล่านี้เกิดขึ้นได้บ่อยในทารก โดยเฉพาะในช่วงแรกเกิดถึงประมาณ 3 เดือนแรก ซึ่งสร้างความกังวลใจให้กับพ่อแม่อย่างมาก แต่ไม่ต้องกังวลจนเกินไป เพราะอาการสะดุ้งผวาขณะหลับนั้น ส่วนใหญ่มักเป็นเรื่องปกติและสามารถจัดการได้

ทำไมถึงเกิดอาการสะดุ้งผวา?

อย่างที่ทราบกันดีว่าทารกแรกเกิดเพิ่งปรับตัวเข้าสู่โลกภายนอกหลังจากอยู่ในครรภ์มารดามาตลอด 9 เดือน สภาพแวดล้อมใหม่ที่เต็มไปด้วยแสง สี เสียง และสัมผัสที่ไม่คุ้นเคย อาจทำให้ระบบประสาทของลูกน้อยยังทำงานไม่สมบูรณ์แบบนัก ส่งผลให้เกิดการตอบสนองต่อสิ่งเร้าภายนอกอย่างรวดเร็วและเกินความจำเป็น

ปัจจัยอื่นๆ ที่อาจส่งผลให้เกิดอาการสะดุ้งผวา ได้แก่:

  • Moro Reflex (Startle Reflex): เป็นปฏิกิริยาตอบสนองตามธรรมชาติที่พบได้ในทารกแรกเกิด เมื่อลูกรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น เสียงดัง การเคลื่อนไหว หรือการถูกปล่อยให้ตกลงไปเล็กน้อย ลูกจะกางแขนขาออก แหงนคอ แล้วหุบแขนขากลับเข้ามาชิดตัว อาการนี้มักจะหายไปเองเมื่อลูกอายุประมาณ 3-6 เดือน
  • วงจรการนอนหลับของทารก: ทารกมีวงจรการนอนหลับที่สั้นกว่าผู้ใหญ่ โดยมีการนอนหลับในระยะหลับตื้น (REM Sleep) มากกว่า ซึ่งเป็นช่วงที่ร่างกายยังมีการเคลื่อนไหวอยู่บ้าง ทำให้ลูกมีโอกาสที่จะสะดุ้งตื่นได้ง่าย
  • ความเหนื่อยล้า: เมื่อลูกเหนื่อยล้ามากเกินไป อาจทำให้ระบบประสาททำงานไม่ปกติและส่งผลให้เกิดอาการสะดุ้งผวาได้ง่ายขึ้น
  • ความไม่สบายตัว: อาการไม่สบายตัวต่างๆ เช่น หิว เปียกชื้นจากผ้าอ้อม อากาศร้อนหรือเย็นเกินไป ก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกสะดุ้งตื่นได้

ทำอย่างไรเมื่อลูกนอนสะดุ้งผวา?

ถึงแม้ว่าอาการสะดุ้งผวาจะเป็นเรื่องปกติ แต่คุณพ่อคุณแม่ก็สามารถทำได้หลายวิธีเพื่อช่วยให้ลูกน้อยนอนหลับได้อย่างสบายและลดโอกาสในการสะดุ้งตื่น:

  • Swaddling (การห่อตัว): การห่อตัวลูกด้วยผ้าเนื้อนุ่มจะช่วยจำกัดการเคลื่อนไหวของแขนขา ทำให้ลูกรู้สึกปลอดภัยเหมือนอยู่ในครรภ์มารดา และลดโอกาสในการเกิด Moro Reflex
  • สร้างบรรยากาศที่เงียบสงบ: ลดเสียงรบกวนและแสงสว่างในห้องนอนของลูกให้มากที่สุด เพื่อให้ลูกรู้สึกผ่อนคลายและหลับได้สนิท
  • อุ้มปลอบโยน: เมื่อลูกสะดุ้งตื่นขึ้นมาร้องไห้ ให้อุ้มปลอบโยน โยกเบาๆ หรือพูดคุยด้วยเสียงที่นุ่มนวล เพื่อให้ลูกรู้สึกปลอดภัยและสงบลง
  • ปรับอุณหภูมิห้องให้เหมาะสม: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าอุณหภูมิในห้องไม่ร้อนหรือเย็นจนเกินไป โดยทั่วไปอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการนอนหลับของทารกคือประมาณ 24-27 องศาเซลเซียส
  • สังเกตอาการอื่นๆ: หากลูกมีอาการสะดุ้งผวาบ่อยครั้ง หรือมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น หายใจลำบาก ซึม ไม่ดูดนม ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม

ข้อควรระวัง:

  • อย่าเขย่าลูก: การเขย่าลูกอาจทำให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่อสมองของลูกได้
  • อย่าให้ลูกนอนคว่ำ: การให้ลูกนอนคว่ำเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะไหลตายในทารก (SIDS)

อาการสะดุ้งผวาขณะหลับในทารกนั้นเป็นเรื่องปกติที่มักจะหายไปเองเมื่อลูกโตขึ้น สิ่งสำคัญคือการให้ความรัก ความอบอุ่น และความปลอดภัยแก่ลูกน้อย เพื่อช่วยให้ลูกรู้สึกผ่อนคลายและนอนหลับได้อย่างสบาย หากคุณพ่อคุณแม่มีข้อสงสัยหรือกังวลใจใดๆ เกี่ยวกับอาการของลูก ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติม