ปลาทูเค็มโซเดียมเยอะไหม

14 การดู

ปลาทูเค็มแม้รสชาติอร่อย แต่ก็มีปริมาณโซเดียมสูง การบริโภคปลาทูเค็มขนาด 50 กรัม อาจมีโซเดียมถึง 700 มิลลิกรัม ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 35 ของปริมาณโซเดียมที่แนะนำให้รับประทานต่อวัน ควรบริโภคอย่างพอเหมาะเพื่อสุขภาพที่ดี และเลือกวิธีการปรุงที่ลดปริมาณเกลือลง เช่น การต้ม หรือ นึ่ง

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ปลาทูเค็ม…อร่อย แต่โซเดียมสูงเกินไปหรือไม่? รู้เท่าทันก่อนรับประทาน

ปลาทูเค็ม เป็นอาหารยอดนิยมของคนไทย รสชาติเค็มกลมกล่อม หอมอร่อย นำไปประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู แต่เบื้องหลังความอร่อยนั้น แฝงไปด้วยปริมาณโซเดียมที่อาจส่งผลต่อสุขภาพ หากบริโภคมากเกินไป

คำถามสำคัญคือ ปลาทูเค็มมีโซเดียมสูงแค่ไหนกันแน่? คำตอบนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย รวมถึงวิธีการผลิต ชนิดของปลาทู และระดับความเค็มที่ต้องการ แต่โดยทั่วไปแล้ว ปลาทูเค็มมีปริมาณโซเดียมสูงกว่าปลาทูสดอย่างเห็นได้ชัด

ตัวอย่างเช่น การบริโภคปลาทูเค็มเพียง 50 กรัม อาจมีปริมาณโซเดียมสูงถึง 700 มิลลิกรัม ซึ่งคิดเป็นประมาณ 35% ของปริมาณโซเดียมที่องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำให้บริโภคต่อวันสำหรับผู้ใหญ่ (โดยทั่วไปแนะนำไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน แต่ปริมาณที่เหมาะสมอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการเพื่อรับคำแนะนำเฉพาะบุคคล)

การบริโภคโซเดียมในปริมาณสูงเป็นประจำ อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพหลายด้าน เช่น เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และโรคไต ดังนั้น การบริโภคปลาทูเค็มจึงควรคำนึงถึงปริมาณให้เหมาะสม และควรหลีกเลี่ยงการรับประทานในปริมาณมากเกินไป

อย่างไรก็ตาม เราไม่ได้หมายความว่าจะต้องละเว้นปลาทูเค็มไปเสียทั้งหมด เพียงแต่ควรบริโภคอย่างรู้เท่าทัน และเลือกวิธีการปรุงที่ช่วยลดปริมาณโซเดียมลง เช่น การล้างปลาทูเค็มด้วยน้ำสะอาดก่อนนำไปปรุงอาหาร เพื่อชะล้างเกลือส่วนเกินออกไปบ้าง หรือเลือกวิธีการปรุงที่ไม่ต้องเติมเกลือเพิ่มเติม เช่น การนึ่ง การต้ม หรือการอบ แทนการทอดหรือผัดที่อาจเพิ่มปริมาณน้ำมันและเกลือเข้าไปอีก

นอกจากนี้ การรับประทานปลาทูเค็มควบคู่กับอาหารที่มีโพแทสเซียมสูง เช่น ผักใบเขียว กล้วย หรือมันฝรั่ง ก็ช่วยลดผลกระทบจากโซเดียมได้บ้าง เพราะโพแทสเซียมช่วยลดระดับโซเดียมในร่างกาย

สุดท้ายนี้ การบริโภคปลาทูเค็มอย่างสมดุลและรู้เท่าทัน คือกุญแจสำคัญในการรักษาสุขภาพ อย่าลืมคำนึงถึงปริมาณโซเดียมที่รับประทาน และเลือกวิธีการปรุงที่เหมาะสม เพื่อให้ได้ทั้งความอร่อยและสุขภาพที่ดีไปพร้อมกัน