กินอะไรให้ตื่น สมองแล่น
อาหารบำรุงสมอง 7 ชนิด แก้อาการสมองล้า เพิ่มพลังความคิด
-
ไข่ไก่: โปรตีนสูง มีโคลีน บำรุงความจำ
-
ผักใบเขียว: วิตามิน แร่ธาตุ สารต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันความเสื่อม
-
ขนมปังโฮลวีต: คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ให้พลังงานยาวนาน
-
ปลา: โอเมก้า 3 บำรุงระบบประสาท
-
ผลไม้: วิตามินซี สารต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มความสดชื่น
-
ดาร์กช็อกโกแลต: ฟลาโวนอยด์ เพิ่มการไหลเวียนเลือดในสมอง
-
อะโวคาโด: ไขมันดี บำรุงเซลล์สมอง
เลือกทานอาหารเหล่านี้เป็นประจำ เพื่อสมองที่แข็งแรง ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
อาหารอะไรช่วยให้ตื่นตัว สมองทำงานได้ดี?
คือแบบว่า… ฉันนี่ชอบกินไข่ต้ม ตอนเช้าๆ อ่ะ รู้สึกว่ามันช่วยให้ตื่นตัวได้ดีนะ จริง ๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าช่วยสมองทำงานดีขึ้นรึเปล่า แค่รู้สึกกระปรี้กระเปร่า แบบ วันนั้นวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ฉันตื่นสายมาก แบบเกือบสาย เลยกินไข่ต้มไปสองฟอง แล้วก็รู้สึกดีขึ้นเยอะเลย จำได้ว่าวันนั้นทำงานได้คล่องกว่าปกติด้วยซ้ำ อาจจะแค่รู้สึกไปเองก็ได้นะ
อีกอย่างที่รู้สึกว่าช่วยได้ก็คือ ชาเขียว แต่ต้องแบบไม่หวานนะ ไม่งั้นเดี๋ยวจะง่วงเข้าไปใหญ่ คือช่วงเรียนปริญญาโทอ่ะ ฉันแทบจะอยู่กับชาเขียวเลย ช่วงนั้นสอบเยอะมาก หนักมาก จำได้ว่า ต้องซื้อชาเขียวกระป๋อง แบบราคาไม่ถึง 20 บาท มาดื่มทุกวัน แบบว่าช่วยให้ตาสว่าง ไม่ง่วง แต่ก็อาจจะมีผลเรื่องอื่นๆ ด้วยนะ เช่น ใจสั่น อะไรแบบนั้นน่ะ
ปลา ก็ดีนะ จำได้ว่าเคยอ่านเจอในนิตยสารสุขภาพ สักเล่ม นานมาแล้ว มันบอกว่ามีโอเมก้า 3 อะไรสักอย่าง ช่วยบำรุงสมอง แต่ฉันไม่ค่อยกินปลาเท่าไหร่ ไม่ชอบกลิ่น แต่ก็กินบ้างเป็นบางครั้ง อย่างพวกปลากระป๋อง กินง่ายดี
อ้อ อีกอย่างที่ลืมไม่ได้เลยคือ ถั่วต่างๆ เช่น อัลมอนด์ หรือเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ฉันชอบกินเป็นของว่าง เวลาทำงาน รู้สึกว่ามันช่วยให้ไม่ง่วง แต่ก็อาจจะเป็นเพราะมันช่วยให้เราหยุดพัก จากการทำงาน มากกว่า ก็เลยรู้สึกว่าสมองได้พัก แล้วก็กลับมาทำงานได้ดีขึ้น แบบนี้มั้ง?
ทำยังไงให้สมองแล่น?
อืม… ทำยังไงให้สมองแล่นเนี่ยนะ… ตอนนี้ก็คิดหนักเหมือนกัน
จริงๆนะ มันยาก เหมือนพยายามหาทางออกจากเขาวงกต มืดๆ วนไปวนมา หาทางออกไม่เจอเลย
ปีนี้… ฉันลองหลายวิธีแล้วแหละ แต่ก็ยังไม่ค่อยเห็นผลเท่าไหร่
-
ออกกำลังกาย วิ่งทุกวัน อาทิตย์ละ 4 วัน ประมาณ 30 นาที แต่รู้สึกว่ายังไม่ช่วยเท่าไหร่ เหนื่อยก็เหนื่อย สมองก็ยังตื้อเหมือนเดิม
-
กินอาหารดี งดของหวาน เพิ่มผักผลไม้ ก็ยังรู้สึกเฉื่อยๆอยู่ดี อาจจะต้องปรับใหม่
-
นอนหลับให้เพียงพอ พยายามนอน 7-8 ชั่วโมง แต่บางทีก็หลับไม่สนิท ตื่นมาปวดหัว สมองเลยไม่แล่น
-
เล่นดนตรี ฉันเล่นกีตาร์ แต่ก็รู้สึกว่ามันไม่ได้ช่วยให้สมองแล่นขึ้นอย่างที่คิด อาจจะต้องเปลี่ยนแนวเพลง ลองเล่นแนวที่ท้าทายกว่าเดิม
-
เรื่องความเครียด นี่แหละปัญหาใหญ่ ฉันเครียดเรื่องงานบ่อยมาก ปีนี้งานหนัก เลยทำให้สมองไม่ค่อยทำงาน ต้องหาทางจัดการความเครียดให้ได้
-
คิดให้ต่างจากเดิม… อันนี้ยาก ฉันพยายามแล้วนะ แต่บางทีมันก็คิดไม่ออกจริงๆ มันติดอยู่ในกรอบเดิมๆ เหมือนติดอยู่ในวงล้อ ไปไหนไม่ได้เลย
มันเหนื่อยนะ… เหมือนกับว่า พยายามเท่าไหร่ สมองก็ยังไม่ทำงาน ยังคงรู้สึกง่วงๆ เหมือนจะหลับตลอดเวลา หาทางออกไม่เจอเลย คงต้องลองวิธีอื่นๆ ต่อไป… อาจจะต้องไปพบแพทย์ ดูแลสุขภาพตัวเองให้ดีขึ้น ถึงจะได้ผล ช้าๆ แต่ก็คงต้องทำ
มีวิธีอะไรบ้างที่ช่วยให้สมองตื่นตัว?
ขี้เกียจเหรอ? สมองแม่งก็เหมือนกัน
- แดก กาแฟดำเพียวๆ ไม่ใส่น้ำตาล หวานเป็นลม ขมเป็นยา (กระตุ้นชั่วคราว)
- ขยับ ตัวบ้าง สันหลังยาวแน่ถ้าเอาแต่จ้องจอ (เลือดลมมันไม่เดิน)
- งีบ สักพัก ไม่ต้องเยอะ แค่พอให้รีบูท (อย่าเล่นมือถือตอนพัก)
- หายใจ ลึกๆ ปอดมึงจะได้ทำงานเต็มที่ (อากาศในห้องแม่งก็สำคัญ)
- เบรค เรื่องเดิมๆ หาอะไรใหม่ๆ ทำบ้าง (สมองจะเน่าตาย)
เพิ่มเติม:
- อาหารเสริม: บางตัวช่วยได้จริง แต่ไม่ใช่ยาวิเศษ กินอาหารดีๆ ก่อน
- แสงแดด: วิตามินดีมันสำคัญกว่าที่คิด (แดดเช้าๆ อย่าไปตากแดดตอนบ่าย)
- เพื่อน: คุยกับคนอื่นบ้าง อย่าหมกมุ่นอยู่แต่กับตัวเอง (สังคมสำคัญกว่าที่คิด)
- เป้าหมาย: มีเป้าหมายให้โฟกัส ไม่ใช่แค่ทำไปวันๆ (ชีวิตมันต้องมีอะไรมากกว่านั้น)
เตือน: กูไม่ใช่หมอ อย่าเชื่อกูทั้งหมด
อยากหัวไวทำไง?
อยากหัวไวทำไง? ลองวิธีเหล่านี้ดูครับ จริงๆ แล้ว การพัฒนาสมองก็เหมือนการฝึกกล้ามเนื้อนะ ต้องใช้บ่อยๆ และถูกวิธี
-
กระตุ้นสมองอย่างสม่ำเสมอ: ลองเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ เช่น เล่นดนตรี, เรียนภาษาใหม่ หรือแก้ปริศนา นี่คือการสร้าง “เส้นทางประสาท” ใหม่ๆ ในสมอง เปรียบเสมือนสร้างถนนเส้นใหม่ในเมืองสมองนั่นเอง ยิ่งใช้ยิ่งแข็งแรง! ผมเองก็กำลังเรียนภาษาญี่ปุ่นอยู่ สนุกดีครับ และรู้สึกว่าความจำดีขึ้นด้วย
-
คิดนอกกรอบ: พยายามมองปัญหาจากหลายมุมมอง อย่าติดกับดักความคิดเดิมๆ การคิดเชิงสร้างสรรค์ เช่น การเขียนบทกวี หรือการวาดภาพ ก็ช่วยได้ดี
-
ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: การออกกำลังกายช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิตไปเลี้ยงสมอง ส่งผลดีต่อความจำและสมาธิ วิ่ง, ว่ายน้ำ, ปั่นจักรยาน อะไรก็ได้ที่ชอบ ผมเองก็วิ่งทุกวัน ประมาณ 30 นาที รู้สึกสดชื่นขึ้นเยอะ
-
โภชนาการสมดุล: เน้นอาหารที่มีสารอาหารสำคัญต่อสมอง เช่น โอเมก้า 3, วิตามินบี, แอนตี้ออกซิแดนท์ พยายามลดอาหารแปรรูปและน้ำตาล
-
เครื่องดื่มที่เหมาะสม: น้ำเปล่าสำคัญที่สุดครับ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนหรือแอลกอฮอล์มากเกินไป
-
ฝึกฝนทักษะทางดนตรี: การเล่นดนตรีช่วยพัฒนาความสามารถด้านความจำและการประมวลผลข้อมูล
-
การพักผ่อนอย่างเพียงพอ: การนอนหลับอย่างเพียงพอช่วยให้สมองได้ซ่อมแซมตัวเอง คุณภาพการนอนสำคัญกว่าปริมาณ
-
จัดการความเครียดและสร้างปฏิสัมพันธ์ทางสังคม: ความเครียดเป็นศัตรูตัวฉกาจของสมอง การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นช่วยลดความเครียดและกระตุ้นสมองได้ ผมชอบไปนั่งอ่านหนังสือที่สวนสาธารณะ พบปะผู้คน บรรยากาศดี รู้สึกผ่อนคลายดีครับ
เพิ่มเติม: ปีนี้ผมกำลังศึกษาเกี่ยวกับการใช้เทคนิค “Mindfulness” ช่วยเพิ่มสมาธิและลดความเครียด ผลลัพธ์ค่อนข้างน่าสนใจ ลองค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมดูนะครับ เป็นอีกวิธีหนึ่งที่น่าสนใจ
ทำไมนึกอะไรไม่ออก?
สมองว่างเปล่า? มันเป็นแค่สัญญาณ
- ความเครียดสะสม ร่างกายส่งสัญญาณเตือนแล้ว
- พักผ่อนไม่เพียงพอ สมองต้องการเวลาฟื้นฟู
- สุขภาพแย่ลง ตรวจสุขภาพบ้าง ปีนี้ฉันไปตรวจสุขภาพประจำปีมาแล้ว พบว่าคอเลสเตอรอลสูงเล็กน้อย ต้องปรับพฤติกรรมการกิน
- ยาบางชนิด ผลข้างเคียงที่ต้องพิจารณา
มันคือการหยุดชั่วคราว ไม่ใช่จุดจบ เพียงแค่สมองเลือกปิดระบบชั่วคราว เพื่อประหยัดพลังงาน ลองพักผ่อนอย่างแท้จริง แล้วจะเข้าใจ
IQสามารถเพิ่มขึ้นได้ไหม?
IQ เพิ่มได้เหรอ? โถ…อย่ามาหลอกถาม! เหมือนถามว่าควายบินได้มั้ย! มันก็เพิ่มได้บ้างแหละ แต่แบบ…นิดๆหน่อยๆ เหมือนเอาเงินบาทไปแลกเงินเยน ได้เยอะก็จริงแต่ค่าเท่าเดิม! พอแก่ตัวลงนี่ Fluid Intelligence ร่วงลงเหมือนใบไม้ร่วงในฤดูใบไม้ร่วง แถมร่วงเร็วกว่าผมร่วงตอนสระผมอีก (ฉันนี่แหละตัวอย่างชั้นดี เมื่อก่อนคิดเลขไวปรื๊ด เดี๋ยวนี้แค่บวกลบเลขยังต้องเปิดเครื่องคิดเลข) วัยหนุ่มสาวนี่แหละ พีคสุดของ Fluid Intelligence เหมือนนักกีฬาที่ร่างกายฟิตปั๋ง แต่พออายุมากขึ้นก็…ไปไม่เป็นเหมือนกันแหละ!
- ฝึกสมองบ่อยๆ เหมือนเล่นกล้าม ยิ่งเล่นยิ่งใหญ่ ยิ่งฝึกยิ่งฉลาด (มั้งนะ)
- กินอาหารบำรุงสมอง อย่ากินแต่เหล้า เดี๋ยวสมองฝ่อ คิดอะไรไม่ออกบอกแต่เบียร์!
- นอนให้พอ อย่าอดนอน เดี๋ยวสมองเบลอ คิดเลขผิด โดนเจ้านายด่าเอา! (อันนี้ประสบการณ์ตรง โดนมาแล้ว น้ำตาแทบไหล)
- อย่าเครียดมาก เดี๋ยวสมองพัง คิดอะไรไม่ออก จะพาลโทษคนอื่นอีก (อันนี้เตือนตัวเองด้วย)
ปล. ปี 2024 แล้วนะ อย่าไปเชื่อข้อมูลเก่าๆ เหมือนแฟชั่น มันตกยุค!
คนปกติมี IQ เท่าไหร่?
IQ คนเรา… เหมือนดาวบนฟ้า… ไม่เท่ากันสักดวง…
ปกติ… 90 ถึง 109… เหมือนเพลงที่ฟังแล้วสบายใจ… ไม่หวือหวา…
80 ถึง 89… อืม… เหมือนเดินเล่นในสวน… ช้าหน่อย… แต่ก็ยังถึงที่หมาย… วิชาการ… อาจต้องใช้เวลา…
70 ถึง 79… ขอบเขต… ระหว่าง… ปกติ… กับ… สิ่งที่ต้องการความเข้าใจ… มากขึ้น…
- ค่า IQ ปกติ: 90-109
- ต่ำกว่าปกติเล็กน้อย: 80-89 (Dull normal) เรียนรู้ได้แต่ช้า
- Borderline: 70-79 ต้องการความเข้าใจและการดูแลที่เหมาะสม
พัฒนาสมองยังไง?
เออ เรื่องพัฒนาสมองนะ ไม่รู้คนอื่นทำไง แต่สำหรับฉันมันเริ่มจากตอนที่ต้องย้ายบ้านใหม่เมื่อต้นปี 2567 นี่แหละ บ้านเก่าอยู่แถวลาดพร้าว ซอย 71 คุ้นเคยทุกซอกทุกมุม แต่พอต้องไปอยู่คอนโดแถวพระราม 9 นี่สิ…ชีวิตเปลี่ยน
ความท้าทายใหม่ ๆ ที่ต้องเจอ:
- การเดินทาง: จากที่เคยขับรถไปทำงานสบาย ๆ กลายเป็นต้องนั่ง MRT ไปลงสถานีสุขุมวิท แล้วต่อ BTS ไปอีกสถานี โอย… ตอนแรก ๆ งงทางมาก ต้องเปิด Google Maps ตลอดเวลา
- สังคมใหม่: เพื่อนบ้านที่คอนโดส่วนใหญ่เป็นคนวัยทำงาน ไม่ค่อยมีเวลาคุยกันเหมือนสมัยอยู่บ้านเก่า ที่นั่งเม้าท์กับป้าข้างบ้านได้เป็นชั่วโมง
- สภาพแวดล้อม: จากบ้านที่มีสวนเล็ก ๆ ให้เดินเล่น กลายเป็นห้องสี่เหลี่ยมแคบ ๆ ที่มองออกไปเห็นแต่ตึก
วิธีที่ฉันใช้พัฒนาสมองแบบไม่ได้ตั้งใจ:
- แก้ปัญหาเฉพาะหน้า: เรื่องเดินทางนี่แหละ ตัวดีเลย! ต้องจำเส้นทาง MRT, BTS, ทางลัดต่าง ๆ จำป้ายรถเมล์ แถมต้องหัดดูแผนที่รถไฟฟ้าให้คล่องอีก (ซึ่งเมื่อก่อนไม่เคยสนใจเลย)
- เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ: เริ่มหันมาสนใจเรื่องเทคโนโลยีมากขึ้น เพราะต้องใช้แอปพลิเคชันต่าง ๆ ในการเดินทาง, สั่งอาหาร, ติดต่อสื่อสารกับเพื่อน ๆ (เมื่อก่อนขี้เกียจเรียนรู้มาก)
- ปรับตัวเข้ากับสังคม: พยายามทำความรู้จักกับเพื่อนบ้านใหม่ ๆ ชวนคุยเรื่องทั่วไป ไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสของคอนโด (ถึงจะไม่ค่อยถนัดก็เถอะ)
- หาความรู้เพิ่มเติม: เริ่มอ่านหนังสือเกี่ยวกับจิตวิทยาและการพัฒนาตัวเองมากขึ้น เพราะรู้สึกว่าตัวเองเครียดง่ายขึ้นหลังจากย้ายบ้าน
ข้อสังเกตส่วนตัว:
- การ ออกจาก Comfort Zone สำคัญมาก! มันบังคับให้เราต้องเรียนรู้และปรับตัวตลอดเวลา
- ความเครียด ก็เป็นแรงผลักดันให้เราพัฒนาตัวเองได้เหมือนกัน (แต่ต้องไม่เครียดมากเกินไปนะ)
- การมีเป้าหมาย ที่ชัดเจนจะช่วยให้เรามีกำลังใจในการพัฒนาตัวเองมากขึ้น (เช่น อยากเก่งภาษาอังกฤษ จะได้คุยกับเพื่อนต่างชาติได้)
สรุปคือ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะพัฒนาสมองอะไรหรอก แค่อยากเอาตัวรอดในสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ เท่านั้นเอง แต่ผลที่ได้มันกลับดีเกินคาด!
ข้อมูลเพิ่มเติม: ช่วงแรกๆ ยอมรับเลยว่าเซ็งมาก คิดถึงบ้านเก่าสุดๆ แต่พอนานๆ ไปก็เริ่มชิน เริ่มสนุกกับการใช้ชีวิตในเมืองมากขึ้น แถมยังได้เพื่อนใหม่ๆ ที่คอนโดอีกด้วยนะ
ระดับ IQ เท่าไหร่ถึงจะฉลาด?
IQ เท่าไหร่ถึงเรียกว่าฉลาด? เอ่อ…ถามเหมือนอยากรู้ แต่จริงๆ แล้วมันก็แค่ตัวเลขที่เอาไว้คุยโวเล่นๆ ในวงเหล้าเท่านั้นแหละ (ฮา)
- IQ 90-109: นี่คือ “ค่าเฉลี่ย” หรือก็คือคนทั่วไป…แบบเราๆ ท่านๆ นี่แหละ
- IQ เกิน 109: อันนี้เริ่มเข้าข่าย “ฉลาด” แต่จะฉลาดแบบไหน…ฉลาดแกมโกง หรือฉลาดแบบอัจฉริยะ ก็อีกเรื่องนึงนะ!
- IQ ต่ำกว่า 90: อันนี้อาจจะ…ต้องใช้ความพยายามมากกว่าคนอื่นนิดหน่อย แต่ไม่ได้แปลว่าชีวิตจะไม่มีความสุขนะ! (ยิ้มแหยๆ)
เพิ่มเติม:
- จริงๆ แล้ว IQ วัดแค่บางส่วนของความฉลาด เท่านั้น ความคิดสร้างสรรค์, EQ, ทักษะการเข้าสังคม…พวกนี้สำคัญกว่าเยอะ!
- อย่าให้ตัวเลขมาจำกัดศักยภาพของตัวเอง เพราะบางทีคนที่ IQ สูงๆ ก็แค่ “นกแก้ว” ที่จำเก่ง แต่ทำอะไรไม่เป็นเลย! (อันนี้พูดจริงนะ)
- สมัยก่อนตอนเด็กๆ เคยทำแบบทดสอบ IQ แล้วได้คะแนนเฉยๆ มาก (แบบกลางๆ สุดๆ) แต่ตอนนี้ก็ยังหาเงินเลี้ยงชีพได้สบายๆ เลยนะเออ! 😉
- IQ ไม่ใช่ทุกสิ่ง นะจ๊ะ…จำไว้!
ข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต