ตรวจเลือดพื้นฐาน ตรวจอะไรบ้าง

12 การดู

การตรวจเลือดพื้นฐานที่โรงพยาบาลจะครอบคลุมการตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด ระดับน้ำตาลในเลือด ไขมันในเลือด การทำงานของตับและไต รวมถึงการตรวจปัสสาวะเพื่อหาความผิดปกติต่างๆ

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

เจาะลึกการตรวจเลือดพื้นฐาน: มากกว่าแค่บอกผล แต่คือประตูสู่สุขภาพที่ดี

การตรวจเลือดพื้นฐานที่เราคุ้นเคยกันดีตามโรงพยาบาล อาจดูเหมือนเป็นขั้นตอนง่ายๆ ที่ทำกันเป็นประจำ แต่แท้จริงแล้วคือเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เราเข้าใจสภาวะสุขภาพของตนเองได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ไม่ใช่แค่การบอกว่า “ปกติ” หรือ “ผิดปกติ” แต่ผลลัพธ์จากการตรวจเลือดพื้นฐานเหล่านี้ สามารถเป็นจุดเริ่มต้นของการวินิจฉัยโรคต่างๆ การวางแผนการรักษา และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพในระยะยาว

นอกเหนือจากการตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (Complete Blood Count: CBC) ระดับน้ำตาลในเลือด (Blood Sugar) ไขมันในเลือด (Lipid Profile) การทำงานของตับและไต (Liver and Kidney Function Tests) และการตรวจปัสสาวะ (Urinalysis) ที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว เราจะมาเจาะลึกรายละเอียดและความสำคัญของแต่ละการตรวจ รวมถึงสิ่งที่ควรทราบก่อนเข้ารับการตรวจ เพื่อให้เข้าใจและเตรียมตัวได้อย่างถูกต้อง

1. ความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (CBC):

  • เจาะลึก: การตรวจ CBC ไม่ได้บอกแค่จำนวนเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกล็ดเลือด แต่ยังให้ข้อมูลเกี่ยวกับขนาด รูปร่าง และปริมาณฮีโมโกลบิน (Hemoglobin) ในเม็ดเลือดแดง ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้สำคัญของภาวะโลหิตจาง (Anemia)
  • ความสำคัญ: ผล CBC สามารถช่วยวินิจฉัยโรคติดเชื้อ ภาวะเลือดออกผิดปกติ โรคเกี่ยวกับไขกระดูก และแม้แต่โรคมะเร็งบางชนิด
  • สิ่งที่ควรรู้: โดยทั่วไปไม่จำเป็นต้องงดอาหารก่อนตรวจ CBC

2. ระดับน้ำตาลในเลือด (Blood Sugar):

  • เจาะลึก: การตรวจระดับน้ำตาลในเลือดมีหลายประเภท ได้แก่ Fasting Blood Sugar (FBS) คือการตรวจหลังจากงดอาหารอย่างน้อย 8 ชั่วโมง และ HbA1c คือการตรวจระดับน้ำตาลเฉลี่ยสะสมในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา
  • ความสำคัญ: การตรวจระดับน้ำตาลในเลือดเป็นสิ่งสำคัญในการวินิจฉัยและติดตามการรักษาโรคเบาหวาน รวมถึงประเมินความเสี่ยงของการเกิดโรคเบาหวาน
  • สิ่งที่ควรรู้: การตรวจ FBS จำเป็นต้องงดอาหารก่อนตรวจตามคำแนะนำของแพทย์ ส่วนการตรวจ HbA1c ไม่จำเป็นต้องงดอาหาร

3. ไขมันในเลือด (Lipid Profile):

  • เจาะลึก: การตรวจ Lipid Profile จะวัดระดับคอเลสเตอรอลรวม (Total Cholesterol), LDL คอเลสเตอรอล (LDL Cholesterol หรือ ไขมันเลว), HDL คอเลสเตอรอล (HDL Cholesterol หรือ ไขมันดี) และไตรกลีเซอไรด์ (Triglycerides)
  • ความสำคัญ: ระดับไขมันในเลือดที่ผิดปกติสามารถเพิ่มความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
  • สิ่งที่ควรรู้: โดยทั่วไปต้องงดอาหารอย่างน้อย 9-12 ชั่วโมงก่อนตรวจ Lipid Profile

4. การทำงานของตับและไต (Liver and Kidney Function Tests):

  • เจาะลึก: การตรวจการทำงานของตับจะวัดระดับเอนไซม์และโปรตีนต่างๆ ที่บ่งบอกถึงความเสียหายหรือการทำงานที่ผิดปกติของตับ ส่วนการตรวจการทำงานของไตจะวัดระดับสารเคมี เช่น ครีเอตินิน (Creatinine) และยูเรีย (Urea) เพื่อประเมินความสามารถในการกรองของเสียออกจากเลือด
  • ความสำคัญ: การตรวจเหล่านี้สามารถช่วยวินิจฉัยโรคตับและไต รวมถึงติดตามผลการรักษา
  • สิ่งที่ควรรู้: โดยทั่วไปไม่จำเป็นต้องงดอาหารก่อนตรวจ แต่อาจต้องงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนตรวจ

5. การตรวจปัสสาวะ (Urinalysis):

  • เจาะลึก: การตรวจปัสสาวะจะตรวจสอบสี ความขุ่น ระดับความเข้มข้น และส่วนประกอบต่างๆ ในปัสสาวะ เช่น เม็ดเลือด โปรตีน น้ำตาล และเชื้อโรค
  • ความสำคัญ: การตรวจปัสสาวะสามารถช่วยวินิจฉัยโรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ โรคไต โรคเบาหวาน และโรคอื่นๆ
  • สิ่งที่ควรรู้: ควรเก็บปัสสาวะในช่วงกลางของการปัสสาวะ (Midstream Urine) เพื่อให้ผลการตรวจแม่นยำ

เหนือกว่าการตรวจ คือการใส่ใจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ:

การตรวจเลือดพื้นฐานเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการดูแลสุขภาพ การมีไลฟ์สไตล์ที่ดี การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการพักผ่อนให้เพียงพอ ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อสุขภาพโดยรวม การปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับการตรวจสุขภาพที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล และการติดตามผลการตรวจอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้เราดูแลสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพและป้องกันโรคร้ายได้อย่างทันท่วงที

ดังนั้น อย่ามองข้ามการตรวจเลือดพื้นฐาน เพราะมันคือประตูบานแรกที่จะนำเราไปสู่การดูแลสุขภาพที่ดียิ่งขึ้น