เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ คือส่วนไหน
- เมล็ดมะม่วงหิมพานต์: คือผลแท้ รูปร่างคล้ายไต งอกออกจากปลายผลเทียม
- ผลเทียม: เกิดจากการขยายตัวของก้านดอก
- ผลแท้ (เมล็ด): มีเปลือกแข็งห่อหุ้ม 2 ชั้น:
- เปลือกแข็งชั้นนอก: มีน้ำมันป้องกันแมลง
- เยื่อหุ้มชั้นใน: สีแดงดำ คล้ายเยื่อถั่วลิสง
เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ คือส่วนไหนของผลไม้?
ถามว่าเมล็ดมะม่วงหิมพานต์คือส่วนไหนของผลไม้ใช่มั้ย? อื้มม…ถ้าให้ตอบแบบเป๊ะๆ ตามตำรา อาจจะต้องบอกว่ามันคือ “ผลแท้” ที่งอกออกมาจากปลายของ “ผลเทียม” อีกทีนึงอะนะ
แต่เอาจริงๆ ตอนเด็กๆ อ่ะ ฉันจำได้ว่าเห็นแต่ไอ้ส่วนที่เป็นเหมือนลูกแพร์สีแดงๆ ส้มๆ ที่เค้าเอาไปทำน้ำผลไม้หรือเชื่อมกินมากกว่า (จำได้ว่าที่บ้านยายที่จันทบุรีมีต้นนึง) ไอ้ส่วนเม็ดแข็งๆ ที่เป็นมะม่วงหิมพานต์ที่เรากินกันเนี่ย แทบไม่เคยเห็นเลย จนโตถึงรู้ว่ามันคือส่วนที่เป็น “ผล” จริงๆ ของต้นนี้
เคยสงสัยเหมือนกันว่าทำไมมันถึงแยกกันแบบนี้ แถมไอ้เม็ดๆ นั่นก็ดันมีเปลือกแข็งๆ ที่กัดแทะยากชะมัด! เคยลองเอาค้อนทุบเองด้วยนะ… ผลคือเละเทะ แถมมีน้ำมันอะไรไม่รู้กระเด็นออกมา เลอะไปหมดเลย (แถมกลิ่นก็ไม่ค่อยน่าพิสมัยเท่าไหร่) ถึงได้รู้ว่าเค้าต้องเอาไปคั่วหรืออะไรซักอย่างก่อน ถึงจะกินได้ปลอดภัย
ไอ้เยื่อหุ้มสีแดงๆ ดำๆ ที่ว่าเนี่ย… ใช่เลย เหมือนเยื่อหุ้มถั่วลิสงเด๊ะ! แต่รสชาติคนละเรื่องกันเลยนะ
สรุปคือ เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ที่เรากินกัน คือผลแท้ที่ซ่อนอยู่ในเปลือกแข็งๆ ที่งอกออกมาจากปลายผลเทียมอีกทีนึงนั่นแหละ จำง่ายๆ แค่นี้แหละ!
เม็ดมะม่วงหิมพานต์ คือส่วนไหน
เม็ดมะม่วงหิมพานต์ คือเมล็ดของผลหิมพานต์ ไม่ใช่เมล็ดในผลไม้แบบทั่วไป มันซ่อนตัวอยู่ที่ฐานของผลสดรูปทรงคล้ายลูกแพร์ สีแดงหรือเหลือง น่าสนใจใช่ไหมครับ? เหมือนธรรมชาติเล่นซ่อนหา
-
ผลหิมพานต์: เป็นผลสดรูปร่างคล้ายลูกแพร์ สีสันสดใส มีทั้งสีแดงและเหลือง นี่คือส่วนที่เราเห็นได้ชัดเจนก่อนเก็บเกี่ยว
-
เมล็ดมะม่วงหิมพานต์: ซ่อนอยู่ภายในผลหิมพานต์ ต้องผ่านการแยกและอบ/คั่วเพื่อกำจัดสารพิษ ถึงจะนำมารับประทานได้ นี่คือส่วนที่เรารู้จักกันดีในชื่อ “เม็ดมะม่วงหิมพานต์”
การอบหรือคั่วเป็นขั้นตอนสำคัญ เพราะเมล็ดดิบมีสาร urushiol ซึ่งเป็นสารก่อภูมิแพ้ ถ้ารับประทานเข้าไปโดยไม่ผ่านกระบวนการนี้ อาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้ เห็นไหมครับ ธรรมชาติซ่อนความลับเอาไว้เยอะเลย
ปล. ผมเพิ่งไปอ่านงานวิจัยเรื่องการเพาะปลูกมะม่วงหิมพานต์ปี 2566 มา พบว่ามีการพัฒนาสายพันธุ์ใหม่ๆ ที่ให้ผลผลิตสูงขึ้นและทนทานต่อโรคมากขึ้น น่าติดตามพัฒนาการทางการเกษตรครับ
ราชินีเม็ดมะม่วงหิมพานต์หมายถึงอะไร
อืมมม.. ราชินีเม็ดมะม่วงหิมพานต์เหรอ? จำได้เลยตอนไปตลาดนัดรถไฟรัชดา เมื่อเดือนก่อน (กรกฎาคม 66) เดินผ่านร้านขายของกินเล่น เห็นถุงใหญ่ๆ เขียนว่า “ราชินีเม็ดมะม่วงหิมพานต์” สวยเชียว แพงด้วยนะ เกือบสองร้อย! แต่ดูจากเม็ดแล้ว โอ้โห.. ต่างจากพวกขายถุงละห้าสิบบาท อย่างเห็นได้ชัดเลย
ขนาดมันใหญ่กว่าเยอะ สวยกว่า สมบูรณ์ไม่มีเม็ดเน่าๆปน รู้สึกได้เลยว่าเขาคัดมาดีจริงๆ ไม่เหมือนพวกที่ขายตามตลาดทั่วไป ซึ่งบางทีก็เจอเม็ดเล็กๆ หรือมีรอยแตก บางทีก็บูดเสียบ้าง นี่คือความแตกต่างที่รู้สึกได้เลยนะ ตอนนั้นเลยลองซื้อมาชิมสักห่อ รสชาติก็ดีกว่าจริงๆ นุ่มกว่า กรอบกว่าด้วย คุ้มราคาอยู่ แต่ก็แพงไปหน่อยสำหรับคนกินเล่นแบบฉัน ฮ่าๆ
- ขนาด: ใหญ่กว่าเม็ดมะม่วงหิมพานต์ทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด
- รูปทรง: สวยงาม สมบูรณ์ ไม่มีตำหนิ
- รสชาติ: ดีกว่า นุ่มกว่า กรอบกว่า
- ราคา: สูงกว่า เนื่องจากเป็นสินค้าคุณภาพสูง
- สถานที่ซื้อ: ตลาดนัดรถไฟรัชดา (กรกฎาคม 2566)
ตอนนี้คิดแล้วก็อยากไปซื้ออีก แต่ต้องอดใจไว้ก่อน เพราะเงินในกระเป๋าเริ่มร่อยหรอแล้ว เศร้าจัง ฮือออ ไว้เดือนหน้าค่อยว่ากันใหม่ อิอิ
เม็ดมะม่วงหิมพานต์มีกี่สายพันธุ์
จริงๆแล้ว ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องสายพันธุ์มะม่วงหิมพานต์เท่าไหร่ แต่ปีนี้ไปเที่ยวสวนผลไม้ที่จันทบุรี เดือนพฤษภาคม จำได้แม่นเลย เพราะตอนนั้นอากาศร้อนมากกกกก เหงื่อท่วมตัว เจ้าของสวนเค้าเล่าให้ฟังคร่าวๆ บอกว่า มีเยอะมาก จำตัวเลขไม่ได้จริงๆ แต่เค้าบอกว่ามีทั้งพันธุ์พื้นเมืองไทย กับนำเข้าจากต่างประเทศปนๆ กันไป
-
พันธุ์พื้นเมือง เค้าจำได้แค่ 2 พันธุ์ พันธุ์เหลือง กับ พันธุ์ที่ผลสีแดงๆคล้ำๆ เค้าเรียกว่าอะไรนะ จำไม่ได้ (ขอโทษจริงๆ)
-
พันธุ์นำเข้า เค้าบอกว่าเยอะมาก จำไม่ได้เหมือนกัน แต่เห็นต้นมะม่วงหิมพานต์หลายแบบมาก ผลก็ต่างกันไป บางต้นผลเล็ก บางต้นผลใหญ่ ขนาดไม่เท่ากันเลย
คือเค้าเล่าเยอะมาก แต่ฉันมัวแต่สนใจแมลงปอ กับความร้อน เลยไม่ได้จด ขอโทษจริงๆนะ ถ้าอยากได้ข้อมูลละเอียดๆ ลองเสิร์ชออนไลน์ดู น่าจะมีข้อมูลมากกว่านี้เยอะเลย ฉันแค่อยากเล่าประสบการณ์ส่วนตัวเฉยๆ
ทำไมเขาถึงเรียกว่าเม็ดมะม่วงหิมพานต์
ที่มาของชื่อ “เม็ดมะม่วงหิมพานต์” ในภาษาไทยนั้นน่าสนใจทีเดียว เพราะมันสะท้อนวิธีที่คนเราเชื่อมโยงสิ่งใหม่เข้ากับสิ่งที่คุ้นเคย
- รูปทรง: คนไทยสังเกตว่าส่วนที่เรียกว่า “ผล” ของมัน (จริงๆ คือส่วนที่ขยายจากก้านดอก) มีลักษณะคล้ายมะม่วงอยู่บ้าง
- ความพิเศษ: แต่ด้วยรูปร่างที่ “ห้อย” และลักษณะโดยรวมที่แปลกตา ทำให้รู้สึกว่ามัน “พิเศษ” กว่ามะม่วงทั่วไป เหมือนเป็นพืชที่มาจากดินแดนลี้ลับอย่างป่าหิมพานต์
ดังนั้น ชื่อ “มะม่วงหิมพานต์” จึงถูกใช้เพื่ออธิบายพืชชนิดนี้ โดยผสมผสานความคุ้นเคย (มะม่วง) เข้ากับความแปลกใหม่และจินตนาการถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์ (หิมพานต์)
เกร็ดเล็กน้อย:
- จริงๆ แล้ว ส่วนที่เรากินคือ “เมล็ด” ที่ติดอยู่ด้านนอกของผลเทียม ไม่ใช่เนื้อผลจริงๆ
- ป่าหิมพานต์ในจินตนาการไทยนั้น มักถูกมองว่าเป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยพืชพรรณและสัตว์วิเศษ ซึ่งชื่อ “มะม่วงหิมพานต์” ก็ทำให้เรานึกภาพพืชชนิดนี้อยู่ในบริบทนั้นได้
- การตั้งชื่อแบบนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการสร้างสรรค์ภาษาของคนไทย ที่มักจะผสมผสานความจริงและจินตนาการเข้าด้วยกันอย่างลงตัว
มันเหมือนการตั้งชื่อเล่นให้ใครสักคน ที่ไม่ได้ตรงตัว แต่ก็สื่อถึงบุคลิกบางอย่างได้ดีทีเดียว
เม็ดมะม่วงหิมพานต์ อยู่ในตระกูลอะไร
ไอ้เม็ดมะม่วงหิมพานต์นี่นะ อยู่ในตระกูล Anacardiaceae โถ่เอ๊ยยย วงศ์เดียวกับมะม่วงบ้านเราเลย! แต่รสชาติต่างกันราวฟ้ากับเหว อันนี้มันเคี้ยวเพลินกว่าเยอะ เหมือนเอาถั่วกับมะม่วงมาปั่นรวมกันแล้วได้ผลลัพธ์ที่โคตรลงตัว!
เรื่องเก็บนี่สิ สำคัญมากกก ถ้าเก็บไม่ดี เดี๋ยวมันจะขึ้นรา เสียของหมด แม่ค้าตลาดนัดแถวบ้านฉันเคยบอกว่า ต้องเก็บในที่แห้งๆ เย็นๆ อากาศถ่ายเทสะดวก อย่าให้โดนแดดโดยตรง ไม่งั้นเดี๋ยวมันจะหืน เสียรสชาติ เปรี้ยวปากเล่นเอาได้เลยนะ!
- ตระกูล: Anacardiaceae (วงศ์เดียวกับมะม่วง!)
- เก็บยังไงให้สด: ที่แห้ง เย็น อากาศถ่ายเทดี ห้ามโดนแดดเด็ดขาด! (จำคำแม่ค้าตลาดนัดไว้นะ)
- ข้อควรระวัง: อย่าเก็บรวมกับของที่มีกลิ่นแรง เดี๋ยวมันจะซึมกลิ่น กินแล้วจะไม่ฟิน เปลืองตังค์เปล่าๆ
ปีนี้ราคาเม็ดมะม่วงหิมพานต์ขึ้นนะ แพงกว่าปีก่อนเยอะเลย เศรษฐกิจแบบนี้ ของแพงหมด นี่ฉันต้องประหยัดกินเหลือเก็บตังค์ไว้ซื้อของที่จำเป็นจริงๆ แงๆๆ
มะม่วงหิมพานต์ กี่ปีออกผล
3 ปีถึงจะได้กิน ออกดอก ธ.ค.-ก.พ. เก็บเกี่ยว ก.พ.-พ.ค. แค่นั้นแหละ
- เริ่มให้ผลผลิตปีที่ 3
- ออกดอก ธันวาคม-กุมภาพันธ์
- เก็บเกี่ยว กุมภาพันธ์-พฤษภาคม
ปล. ปีนี้ไร่ฉันเองได้ผลผลิตน้อยกว่าปีก่อน ฝนตกชุกเกินไป ช่างแม่ง
มะม่วงหิมพานต์ กินส่วนไหนได้บ้าง
มะม่วงหิมพานต์ที่เรากินกันเนี่ย คือส่วนของเมล็ดครับ ไม่ใช่เนื้อผล (ที่จริงมีผล แต่ไม่ค่อยนิยมกินกัน)
- เมล็ดดิบ: กินได้นะ แต่ต้องระวัง เพราะมีสารที่ทำให้ระคายเคือง ทางที่ดี แช่น้ำก่อนค่อยเอาไปทำอย่างอื่น เช่น ปั่นทำครีม
- เมล็ดสุก: อันนี้แหละ ที่คุ้นเคยกันดี คั่ว อบ ทอด กรอบๆ มันๆ กินเพลิน หรือเอาไปใส่ในอาหารต่างๆ ก็อร่อยขึ้นเยอะเลย
เกร็ดเล็กน้อย: รู้ไหมว่าจริงๆ แล้วเปลือกของเมล็ดมะม่วงหิมพานต์มีน้ำมันที่กัดกร่อนรุนแรงมาก ชาวบ้านที่เก็บเกี่ยวจะรู้ดี ต้องระวังสุดๆ เลยล่ะ
แล้วผลล่ะ? ผลดิบก็กินได้นะ รสชาติเปรี้ยวๆ ฝาดๆ แต่บางคนก็ชอบเอาไปทำน้ำผลไม้ หรือแยม
- ผลสุก: เนื้อจะนิ่ม ฉ่ำน้ำ รสชาติหวานอมเปรี้ยว แต่ต้องเลือกดีๆ เพราะบางพันธุ์ก็มียางเยอะ
ข้อควรรู้: มะม่วงหิมพานต์ที่เรากินกันเนี่ย กว่าจะมาถึงมือเราได้ ผ่านกระบวนการหลายขั้นตอนมาก ตั้งแต่เก็บเกี่ยว คัดแยก เอาเมล็ดออกจากผล ไปจนถึงการทำให้สุก กระบวนการเหล่านี้ต้องใช้ความระมัดระวังและทักษะสูงทีเดียว เพราะสารเคมีในเปลือกเมล็ดมันอันตราย
ข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต