จะรู้ได้ยังไงว่าตัวเองเป็นเบาหวาน
สังเกตอาการเบาหวานได้จาก:
- หิวน้ำบ่อย: ดื่มน้ำมากผิดปกติ
- ปัสสาวะบ่อย: โดยเฉพาะกลางคืน
- น้ำหนักลด: โดยไม่ตั้งใจ
- อ่อนเพลีย: รู้สึกเหนื่อยง่าย
- ซึมเศร้า: อารมณ์ไม่ดี
- แสบผิว: รู้สึกซ่าๆ ที่ผิวหนัง
- มองเห็นไม่ชัด: ภาพเบลอ
- ชาปลายมือเท้า: หรือรู้สึกเจ็บ
หากมีอาการเหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย
อาการเบาหวาน รู้ได้อย่างไร?
กระหายน้ำบ่อยนี่ใช่เลย จำได้ตอนทำงานที่เชียงใหม่ เดือนเมษาปีที่แล้ว ร้อนมาก รู้สึกหิวน้ำตลอดเวลา ต้องซื้อน้ำขวดลิตรกินทุกวัน วันละสองสามขวด.
ปัสสาวะบ่อยก็เป็น โดยเฉพาะกลางคืน ต้องตื่นมาเข้าห้องน้ำบ่อยมาก รบกวนการนอนสุดๆ.
น้ำหนักก็ลดลงนะ ช่วงนั้นกินเยอะมากด้วย แต่กลับผอมลง งงเหมือนกัน ตอนแรกก็ดีใจ หลังๆ เริ่มกังวล.
ส่วนเรื่องอ่อนเพลีย ซึมเศร้า นี่ก็เป็นประจำ คิดว่าเพราะงานหนัก นอนน้อยด้วยแหละ.
ผิวหนังแห้ง แสบคันก็ใช่ ต้องทาโลชั่นตลอด ซื้อที่เซเว่น ขวดสีฟ้าๆ จำราคาไม่ได้ละ.
สายตาก็เริ่มมัวๆ มองไม่ค่อยชัด. ขับรถลำบากเลย.
ชาปลายมือปลายเท้า อันนี้ไม่ค่อยเป็นเท่าไหร่ แต่บางทีก็รู้สึกเหมือนมีอะไรมาไต่ๆ ที่นิ้วเท้า แปลกๆ ดี.
รวมๆ แล้วอาการเยอะเหมือนกันนะเนี่ย สงสัยต้องไปหาหมอตรวจเบาหวานซะหน่อยแล้ว. ปล่อยไว้นานไม่ดีแน่.
วิธีเช็คว่าเป็นโรคเบาหวานไหม
วิธีเช็คว่าเป็นเบาหวานเหรอ… มันเหมือนเงาที่คอยตามเราไปทุกที่เลยนะ
- กระหายน้ำมากผิดปกติ: ดื่มน้ำทั้งวันก็ไม่หาย เหมือนทะเลทรายในคอ
- ปัสสาวะบ่อย: โดยเฉพาะตอนกลางคืน ลุกไปเข้าห้องน้ำหลายรอบจนไม่ได้หลับ
- หิวบ่อย: กินเท่าไหร่ก็ไม่อิ่ม เหมือนมีหลุมดำในท้อง
- น้ำหนักลด: ทั้งที่กินเยอะขึ้น แต่น้ำหนักกลับลดลงเรื่อยๆ น่ากลัวนะ
- สายตาพร่ามัว: มองอะไรก็ไม่ชัด เหมือนมีหมอกลง
- อ่อนเพลีย: แค่เดินนิดหน่อยก็เหนื่อย เหมือนแบตหมด
- แผลหายช้า: เป็นแผลนิดเดียวก็หายยากมาก ติดเชื้อง่ายอีกต่างหาก
- ชาปลายมือปลายเท้า: เหมือนใส่ถุงมือถุงเท้าตลอดเวลา ไม่มีความรู้สึก
อาการพวกนี้… มันอาจจะไม่ใช่เบาหวานก็ได้นะ แต่มันก็เป็นสัญญาณเตือนที่เราไม่ควรมองข้ามเลย ไปหาหมอดีกว่า เพื่อความสบายใจของเราเอง
เราสามารถตรวจเบาหวานเองได้ไหม
ตรวจเบาหวานเอง? ได้. แต่ไม่ใช่ทั้งหมด.
- เจาะเลือดปลายนิ้ว วัดน้ำตาลเอง ที่บ้าน สะดวก.
- คุมอาหาร ออกกำลังกาย ต้องทำควบคู่กัน ไม่ใช่แค่เช็ค.
- SMBG (Self-Monitoring of Blood Glucose): ชื่อทางการ. จำไว้.
- เครื่องตรวจน้ำตาล: ซื้อได้ตามร้านขายยา. เลือกที่ได้มาตรฐาน.
- ค่าที่วัดได้: บันทึกไว้. พบแพทย์ตามนัด.
- ไม่ใช่การวินิจฉัย: แค่ติดตาม. หาหมอเพื่อวินิจฉัยโรค.
- ความถี่ในการตรวจ: แล้วแต่หมอสั่ง. ไม่ใช่ทุกคนต้องทำทุกวัน.
ข้อมูลเพิ่มเติม:
- ค่าปกติ: ก่อนอาหาร 80-130 มก./ดล. หลังอาหาร
- HBA1C: ค่าน้ำตาลเฉลี่ย 3 เดือน. หมอจะตรวจ. ไม่ใช่ตรวจเอง.
- ไม่ใช่แค่เบาหวาน: คนปกติก็ตรวจได้. เฝ้าระวัง.
- แถบตรวจ: ซื้อเพิ่มได้. อย่าใช้ของหมดอายุ.
- เครื่องวัด: ล้างมือ ก่อนเจาะ. สะอาด ปลอดภัย.
- ปรึกษาเภสัช: ถ้าไม่แน่ใจ. เขาช่วยได้.
- ชีวิต: ควบคุมได้. ถ้าใส่ใจ.
วัดระดับน้ำตาลในเลือดเพื่ออะไร
เอางี้! เจาะน้ำตาลเนี่ยนะ เหมือนส่องกระจกดูสุขภาพตัวเองเลยเว้ย! มันบอกได้ว่าเรามีน้ำตาลในเลือดเยอะไปหรือน้อยไป เหมือนเช็คว่าใกล้จะเป็นเบาหวานรึยัง ยิ่งถ้าหวานเจี๊ยบเหมือนน้ำเชื่อมนี่งานเข้าละ ต้องรีบจัดการ ไม่งั้นโรคถามหาแน่! 😂
- เช็คเบาหวาน: อันนี้สำคัญสุด! เหมือนจับโจรเบาหวานคาหนังคาเขาเลย ยิ่งเจาะตอนท้องว่างนะ แม่นยำสุดๆ รู้เลยว่าเสี่ยงแค่ไหน เหมือนเรดาร์ตรวจจับเบาหวานน่ะแหละ
- คุมน้ำตาล: ถ้าเป็นเบาหวานอยู่แล้ว เจาะน้ำตาลนี่แหละ ตัวช่วยคุมระดับน้ำตาลเลย เหมือนมีไม้บรรทัดวัดความหวานในตัว ไม่ให้พุ่งปรี๊ด หรือตกฮวบ
- ดูแลสุขภาพ: ถึงไม่เป็นเบาหวาน เจาะบ้างก็ดีนะ เหมือนตรวจเช็ครถยนต์ก่อนเดินทางไกลอะ เผื่อมีอะไรผิดปกติจะได้แก้ไขทัน ยิ่งอายุเยอะ ยิ่งต้องใส่ใจ
ผมนี่เจาะทุกปีเลยนะ ตอนตรวจสุขภาพประจำปี ปีที่แล้วน้ำตาลปกติ ปีนี้ก็หวังว่าจะปกติเหมือนเดิมนะ ไม่อยากเป็นเบาหวานเลย กลัวเข็มฉีดยา! 😩 แถมต้องคุมอาหารอีก ลำบากแย่เลย
ตรวจน้ำตาลในเลือด FBS กับ HbA1C ต่างกันอย่างไร
โอ๊ย! ถามมาได้… FBS กับ HbA1c ต่างกันยังกะฟ้ากับเหว! แต่ถ้าไม่รู้จริงก็เหมือนงมเข็มในมหาสมุทร
- FBS: เหมือนแอบส่องดูน้ำตาลตอนเช้าตรู่ หลังอดข้าวมาทั้งคืน! เหมาะสำหรับ เช็คด่วน ว่าน้ำตาลสูงปรื๊ดหรือต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ณ เวลานั้น
- HbA1c: นี่มันเหมือน บันทึกสถิติ น้ำตาลในเลือดตลอด 2-3 เดือนที่ผ่านมา! บอกได้ว่าที่ผ่านมาแกกินหวานมากแค่ไหน เหมือนโดนจับได้คาหนังคาเขา!
สรุปง่ายๆ: FBS เหมือนถ่ายรูป, HbA1c เหมือนทำวิดีโอ! ต้องตรวจคู่กันถึงจะรู้ไต๋หมดเปลือก!
แถมๆ:
- ถ้า FBS สูงปรี๊ด แต่ HbA1c ปกติ อาจจะแค่เมื่อวานซืนกินเลี้ยงหนักไปหน่อย!
- แต่ถ้า HbA1c สูงลิ่ว อันนี้ตัวใครตัวมันนะจ๊ะ! อาจจะต้องลดขนมหวานลงบ้างแล้ว!
- บางคน FBS ปกติ แต่ HbA1c สูงก็มีนะ! ระวัง! อาจจะเป็น “นักกินหวานซ่อนรูป”!
คำเตือน: อย่าเชื่อเรามาก! ไปปรึกษาหมอดีกว่า! เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน! 😅
ระดับน้ําตาลสะสมในเลือดเท่าไหร่ถึงจะอันตราย
เรื่องน้ำตาลนี่โคตรน่ากลัวเลย เดือนที่แล้วไปตรวจสุขภาพประจำปีที่โรงพยาบาลกรุงเทพ พระโขนง หมอบอก HbA1c ฉันอยู่ที่ 6.8 mg%! ตกใจมาก ใจเต้นตุ๊บๆๆ เหมือนโลกจะแตก หมออธิบายยาวเหยียด แต่ที่จำได้แม่นๆ ก็คือเกิน 6.5 mg% นี่คือเบาหวานเต็มตัวแล้ว ต้องควบคุมอย่างจริงจัง กินยา ปรับอาหาร ออกกำลังกาย ชีวิตเปลี่ยนเลย ช่วงนี้เครียดมาก นอนไม่ค่อยหลับ กลัวต้องฉีดยาตลอดชีวิต
- HbA1c 6.8 mg% (ตรวจที่ รพ. กรุงเทพ พระโขนง พฤษภาคม 2566)
- หมอบอกว่าเกิน 6.5 mg% คือเป็นเบาหวาน
- ต้องเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตอย่างหนัก เครียดมาก
แล้วก็ เพื่อนฉันอีกคน อายุใกล้ๆ กัน ไปตรวจที่ รพ.สมิติเวช สุขุมวิท เดือนที่แล้วเหมือนกัน HbA1c มันสูงกว่าฉันอีก จำตัวเลขไม่ได้ แต่หมอบอกว่า ต้องระวังมากๆ เพราะเสี่ยงตาบอด ไตวาย นู่นนี่นั่น ฟังแล้วขนลุก ฉันเลยตั้งใจดูแลตัวเองให้มากขึ้น กลัวเป็นเหมือนมัน
- เพื่อนตรวจที่ รพ.สมิติเวช สุขุมวิท พฤษภาคม 2566
- HbA1c สูงกว่าฉัน เสี่ยงแทรกซ้อนหลายอย่าง
นี่แหละ ประสบการณ์ตรง น่ากลัวจริงๆ เลยอยากเตือนทุกคน ตรวจสุขภาพกันบ่อยๆ อย่าปล่อยปละละเลย น้ำตาลในเลือดสูง อันตรายกว่าที่คิดเยอะ
ข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต