ทําไมถึงรู้สึกร้อนข้างในตัว

ร้อนวูบวาบภายใน: เมื่อความร้อนไม่ใช่แค่ความร้อน

ความรู้สึก “ร้อนข้างในตัว” นั้นเป็นอาการที่ค่อนข้างกว้าง และอาจเกิดจากสาเหตุหลากหลาย ตั้งแต่สาเหตุที่พบได้บ่อยอย่างการออกกำลังกายหนักหรือการดื่มเครื่องดื่มร้อน จนถึงสาเหตุที่ซับซ้อนและต้องการการดูแลรักษาจากแพทย์ ความแตกต่างอยู่ที่ความรุนแรง ความถี่ และปัจจัยอื่นๆ ที่มาพร้อมกับอาการนี้

หลายคนอาจเคยรู้สึกถึงความร้อนวูบวาบภายในตัวโดยไม่มีสาเหตุที่ชัดเจน ความรู้สึกนี้ไม่ใช่เพียงแค่ความร้อนทั่วไป แต่เป็นความร้อนที่รู้สึกได้ลึกภายใน เหมือนมีไฟลุกไหม้เบาๆ อยู่ข้างใน ความรู้สึกนี้ อาจมาพร้อมกับอาการอื่นๆ เช่น เหงื่อออกมากผิดปกติ ใจสั่น คลื่นไส้ หรือเวียนศีรษะ

ปัจจัยที่พบบ่อยที่ทำให้รู้สึก “ร้อนข้างในตัว”

• การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน: ในผู้หญิงช่วงวัยหมดประจำเดือน อาการร้อนวูบวาบเป็นอาการที่พบได้บ่อย การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนอาจทำให้เกิดความไม่สมดุล และส่งผลต่อการควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย

• ความเครียด: ความเครียดทั้งทางกายและทางใจ สามารถกระตุ้นการตอบสนองของระบบประสาทอัตโนมัติ ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการร้อนวูบวาบได้

• การขาดน้ำ: การดื่มน้ำไม่เพียงพออาจทำให้ร่างกายควบคุมอุณหภูมิได้ไม่ดี ส่งผลให้รู้สึกร้อนภายใน

• การติดเชื้อ: การติดเชื้อบางชนิด เช่น ไข้หวัดใหญ่ หรือการติดเชื้อทางเดินหายใจ อาจทำให้เกิดอาการร้อนวูบวาบได้

• การใช้ยาบางชนิด: ยาบางชนิดอาจมีผลข้างเคียงทำให้เกิดอาการร้อนวูบวาบได้ ควรตรวจสอบรายละเอียดจากแพทย์หรือเภสัชกร

ภาวะเส้นประสาทรับความรู้สึกผิดปกติ: สาเหตุที่อาจถูกมองข้าม

นอกเหนือจากปัจจัยข้างต้นแล้ว ความรู้สึกร้อนวูบวาบภายในตัวอาจเกิดจากภาวะเส้นประสาทรับความรู้สึกผิดปกติ ซึ่งอาจทำให้เกิดความรู้สึกผิดปกติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความร้อน เหน็บชา หรือรู้สึกเสียวซ่า ภาวะนี้จำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยและรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

เมื่อไรควรไปพบแพทย์

หากคุณรู้สึก “ร้อนข้างในตัว” และอาการไม่ดีขึ้น หรือมาพร้อมกับอาการอื่นๆ เช่น ปวดศีรษะอย่างรุนแรง หายใจลำบาก หรือมีอาการผิดปกติอื่นๆ ควรไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด การวินิจฉัยตนเองอาจเป็นอันตราย แพทย์จะสามารถตรวจหาสาเหตุที่แท้จริงและให้การรักษาที่เหมาะสมได้

อย่ามองข้ามความรู้สึก “ร้อนข้างในตัว” เพราะมันอาจเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงได้ การดูแลสุขภาพที่ดี การรับประทานอาหารที่สมดุล การพักผ่อนให้เพียงพอ และการจัดการความเครียด ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดอาการนี้ และหากมีอาการผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่ถูกต้อง