น้ําตาล 400 อันตรายไหม

15 การดู

ระดับน้ำตาลในเลือด 400 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ถือเป็นระดับสูงมากและอันตราย อาจทำให้เกิดภาวะคีโตอะซิโดซิส ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงในผู้ป่วยเบาหวาน อาการอาจแสดงเป็นคลื่นไส้ อาเจียน หายใจหอบ และสับสน จำเป็นต้องได้รับการรักษาโดยแพทย์โดยด่วน อย่าละเลยหากมีอาการเหล่านี้

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกิน 400 มิลลิกรัม/เดซิลิตร: อันตรายและต้องรีบแก้ไข

ระดับน้ำตาลในเลือด 400 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ถือเป็นระดับที่สูงมากอย่างอันตราย และเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความผิดปกติอย่างร้ายแรงของการควบคุมระดับน้ำตาลในร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยโรคเบาหวาน ระดับน้ำตาลสูงมากเช่นนี้สามารถนำไปสู่ภาวะคีโตอะซิโดซิสได้

ภาวะคีโตอะซิโดซิส (Diabetic Ketoacidosis หรือ DKA) เป็นภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงและอันตรายอย่างยิ่งในผู้ป่วยเบาหวาน เกิดจากร่างกายขาดอินซูลิน จึงไม่สามารถนำน้ำตาลจากกระแสเลือดเข้าสู่เซลล์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ร่างกายจึงเริ่มเผาผลาญไขมันแทน ซึ่งทำให้เกิดสารเคมีที่เรียกว่าคีโตนสะสมในกระแสเลือด

ระดับคีโตนที่สูงเกินไปจะส่งผลกระทบต่อการทำงานของร่างกายหลายระบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมองและระบบประสาท ภาวะคีโตอะซิโดซิสจึงแสดงออกได้หลายอาการ ได้แก่

  • คลื่นไส้และอาเจียน: เป็นอาการแรกๆ ที่มักพบได้บ่อย
  • หายใจหอบและมีกลิ่นอับ: ร่างกายพยายามขับกรดคีโตนออกทางปอด ทำให้หายใจเร็วและลึกขึ้น และมีกลิ่นคล้ายผลไม้เน่า
  • ปวดศีรษะ: อาการปวดศีรษะอาจเกิดขึ้นได้ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางเคมีในร่างกาย
  • สับสนและมึนงง: การทำงานของระบบประสาทได้รับผลกระทบ ผู้ป่วยอาจแสดงอาการสับสน งงงวย และมีสติสัมปชัญญะลดลง
  • ความดันโลหิตต่ำ: อาจเกิดจากการขาดน้ำ
  • อ่อนเพลียและอ่อนล้า: อาการอ่อนเพลียเกิดขึ้นจากภาวะขาดน้ำและความผิดปกติของการเผาผลาญพลังงาน

หากพบว่ามีอาการเหล่านี้หรือสงสัยว่าระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกิน 400 มิลลิกรัม/เดซิลิตร จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรีบไปพบแพทย์ทันที การรักษาภาวะคีโตอะซิโดซิสต้องได้รับการดูแลโดยแพทย์เฉพาะทางอย่างเคร่งครัด การรักษาจะเน้นที่การแก้ไขภาวะขาดน้ำ การทดแทนอินซูลิน และการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้กลับสู่ภาวะปกติอย่างรวดเร็ว

การป้องกันภาวะคีโตอะซิโดซิสที่ดีที่สุดคือ การดูแลรักษาโรคเบาหวานอย่างสม่ำเสมอ การปฏิบัติตามแผนการรักษาที่แพทย์กำหนด การตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดเป็นประจำ การรับประทานอาหารอย่างถูกสุขลักษณะ และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยป้องกันไม่ให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง

อย่าลังเลที่จะขอคำแนะนำจากแพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์ หากมีข้อสงสัยหรือความกังวลเกี่ยวกับระดับน้ำตาลในเลือดของคุณ การดูแลตนเองอย่างถูกต้องและการรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้คุณมีสุขภาพที่ดีและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้