ไมเกรนมีกี่ระดับ
ไมเกรนแบ่งเป็น 4 ระยะหลัก:
- อาการบอกเหตุ: อาจมีอาการก่อนปวดหัว เช่น อ่อนเพลีย หงุดหงิด
- อาการเตือน: บางคนเห็นแสงวูบวาบหรือมีปัญหาการมองเห็น
- ปวดศีรษะ: ปวดตุบๆ ข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง
- หลังปวดศีรษะ: อ่อนเพลีย สมาธิสั้น
ไมเกรนมักเริ่มในวัยเด็ก วัยรุ่น หรือผู้ใหญ่ตอนต้น ผู้ป่วยแต่ละคนอาจมีอาการแตกต่างกันไป ไม่จำเป็นต้องมีครบทุกระยะ
ไมเกรนมีระดับความรุนแรงกี่ระดับ?
เรื่องระดับความรุนแรงของไมเกรนเนี่ย จริงๆ มันไม่ใช่แบ่งเป็นระดับชัดเจนแบบ 1, 2, 3 หรอกนะ เท่าที่เคยอ่านเจอและจากประสบการณ์ตัวเอง มันมากกว่าเป็นเรื่องของความถี่, ความรุนแรงของอาการปวด และระยะเวลาที่ปวด บางทีปวดตุ๊บๆ แค่ครึ่งวันก็หาย บางทีก็ปวดแสบหัวแทบคลั่งอยู่หลายวัน ไม่เหมือนกันเลย
จำได้ตอนมหา’ลัยปี 2 (ประมาณ พ.ศ. 2558) ช่วงสอบไฟนอล ฉันเป็นหนักมาก ปวดหัวจนแทบจะลุกไปไหนไม่ได้ ต้องนอนมืดๆ ในห้องพักหอ (หอพักจุฬาฯ อาคาร 8) แสงแดดกระทบตาปุ๊บปวดหัวเพิ่มขึ้นทันที ตอนนั้นกินยาพาราเซตามอลไปเป็นแผงก็ไม่หาย สุดท้ายต้องไปหาหมอที่คลินิกแถวประตูน้ำ ค่าใช้จ่ายประมาณ 500 บาท ได้ยาแก้ปวดแรงขึ้นมา ถึงจะดีขึ้นบ้าง
ส่วนเรื่องวัยที่เป็น ฉันเริ่มเป็นไมเกรนตอนมัธยมปลาย (ประมาณ 16-17 ปี) เพื่อนๆ บางคนก็เป็นตั้งแต่เด็กๆ บางคนก็เป็นตอนเข้ามหาวิทยาลัย มันไม่ตายตัวหรอก ส่วนเรื่อง 4 ขั้นตอนนั้น ก็จริงอย่างที่บอกแหละ แต่บางทีก็ไม่ครบทุกขั้น บางทีก็มีแค่ปวดหัวอย่างเดียว บางทีก็มีอาการบอกเหตุมาก่อน แบบเวียนหัว คลื่นไส้ แต่ก็ไม่ใช่ทุกครั้ง มันขึ้นอยู่กับแต่ละคน แล้วก็แต่ละครั้งด้วยแหละ
โรคไมเกรนมีกี่ระยะ
ไมเกรนมี 4 ระยะหลัก:
-
ระยะนำ (Prodrome): 24 ชม. ก่อนปวด หัวใจเต้นเร็ว, อยากอาหารแปลก, หงุดหงิด, บวม.
-
ระยะออร่า (Aura): 20-40 นาที. เห็นแสง, จุดดำ, กล้ามเนื้ออ่อนแรง. อาจชา.
-
ระยะปวด (Headache): ปวดตุบๆ ข้างเดียว. คลื่นไส้. แพ้แสง.
-
ระยะหลังปวด (Postdrome): อ่อนเพลีย. สมาธิสั้น. เหมือนเมาค้าง.
ข้อมูลเพิ่มเติม:
-
ระยะออร่าไม่เกิดในทุกคน. บางคนข้ามไปปวดเลย.
-
ยาแก้ปวดควรกินทันทีที่รู้ตัว. ปล่อยไว้นานยิ่งแก้ยาก.
-
ทริกเกอร์แต่ละคนไม่เหมือนกัน. ของเราคือ “ชีส” กับ “นอนน้อย”.
ปวดหัวไมเกรนอันตรายถึงชีวิตไหม
ตายแน่! ไมเกรนจะฆ่าเราให้ตายคาที่เลยเหรอ? ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับท่าน! แต่ถ้ามันมาบ่อยๆ จนเราต้องลาออกจากงานไปนอนซมอยู่บ้าน ชีวิตก็พังได้เหมือนกันนะ คิดดู! เงินเดือนหาย ความสุขหาย เหลือแต่หัวที่ปวดตุ๊บๆ เหมือนโดนทุบด้วยค้อนเหล็ก!
- ไมเกรนไม่ใช่โรคที่ฆ่าคนได้โดยตรง คิดซะว่าเป็นแค่ศัตรูตัวฉกาจ ที่คอยมาแกล้งเราให้ปวดหัว จนอยากจะเอาหัวโขกกำแพง (แต่ห้ามทำนะ เดี๋ยวจะปวดหนักกว่าเดิม!)
- แต่! ถ้าปล่อยไว้นานๆ อาจมีผลข้างเคียงระยะยาว เช่น ความดันขึ้น นอนไม่หลับ อารมณ์เสีย อยากจะกรี๊ดลั่นบ้าน จนเพื่อนบ้านมาเคาะประตูถามว่าเป็นอะไร (เรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับเพื่อนผมเอง ตอนนี้มันกลายเป็นคนซึมเศร้าแล้ว!)
- ป้องกันดีกว่าแก้! หาหมอ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม กินยา นอนให้พอ อย่าเครียดมาก (แต่ถ้าเครียดจริงๆ ก็ไปหาอะไรกินอร่อยๆ แก้เครียด อย่างผมนี่ชอบกินไอศกรีมชาเขียว อร่อยมาก!)
เอาเป็นว่า ไมเกรนมันไม่ฆ่าเราหรอก แต่ก็ทำให้ชีวิตเราพังได้นะ เหมือนกับโดนยุงกัด แค่ตัวเดียวไม่เป็นไร แต่ถ้าโดนรุมกัดเป็นร้อยเป็นพันตัว ก็คงคันจนนอนไม่หลับเหมือนกัน! ปีนี้ผมเองก็เพิ่งไปตรวจสุขภาพมา หมอบอกว่าควรพักผ่อนให้เพียงพอ และลดการใช้โทรศัพท์ก่อนนอน (จริงจังนะ ผมใช้โทรศัพท์จนตาแห้งเลย!)
อะไรเป็นตัวกระตุ้นไมเกรน?
โอ้โห ไมเกรน! ศัตรูตัวฉกาจของมนุษยชาติที่ทำให้หัวแทบระเบิด สาเหตุที่ทำให้มันระเบิดตูมตามนั้น ก็มีหลายอย่าง เหมือนกับว่าสมองไปมีปาร์ตี้แล้วลืมเก็บของนี่แหละ
-
ฮอร์โมนบ้าคลั่ง: ฮอร์โมนนี่แหละตัวดี! ขึ้นๆ ลงๆ เหมือนรถไฟเหาะ ช่วงมีประจำเดือน ตั้งครรภ์ หมดประจำเดือน หรือแม้แต่กินยาคุม สมองก็จะงอแง เหมือนเด็กเอาแต่ใจที่อยากได้ของเล่นใหม่ ปีนี้ 2024 ยังคงเป็นปัญหาใหญ่ของสาวๆ หลายคนเลยแหละ
-
อาหารมหัศจรรย์ (ที่ทำร้ายสมอง): ชีส ช็อกโกแลต ไวน์แดง… ฟังดูหรูหราใช่ไหมล่ะ? แต่สำหรับบางคน มันคือสัญญาณของไมเกรน เหมือนเป็นการส่งสัญญาณ “เตรียมตัวเจ็บหัวเถอะ!” ผมเองก็เคยเจอมาแล้วกับกาแฟแก้วใหญ่ๆ ตอนนั้นนี่แทบจะคลานไปหาที่นอนเลย
-
ประสาทสัมผัสล้นเหลือ: แสงจ้า เสียงดัง กลิ่นฉุน… คือสิ่งที่ทำให้สมองปวดหัว เหมือนโดนรุมทึ้งด้วยความรู้สึกที่มากเกินไป ลองนึกภาพไปเที่ยวงานวัด แล้วโดนเสียงพลุ แสงไฟ และกลิ่นอาหารปะทะพร้อมกัน รับรองว่าปวดหัวแน่นอน จริงไหม?
อ้อ ลืมบอกไป พวกน้ำตาลเทียม ผงชูรส ชาก็เป็นตัวการได้เหมือนกันนะ นี่ไม่ใช่แค่เรื่องล้อเล่น มันเป็นเรื่องจริงจัง ต้องระวังตัวให้ดี เพราะไมเกรนมันไม่ได้ตลกเลย ถ้ามันมาก็จะรู้เองว่าเจ็บแค่ไหน
จะรู้ได้ยังไงว่าเป็นไมเกรน?
อื้อหือออ ไมเกรนเนี่ยนะ ยากจัง! หมอต้องดูหลายอย่างเลยใช่มั้ย?
-
ปวดหัวนี่สำคัญสุด ปวดตรงไหน? ข้างเดียวหรือทั้งหัว? ปวดแบบไหน? ตุ๊บๆๆ หรือปวดแบบฉึกๆ แรงแค่ไหน? บ่อยแค่ไหน? นานแค่ไหน? นี่ฉันต้องจำให้ได้หมดเลยเหรอเนี่ย! เหนื่อยจัง
-
อาการอื่นๆด้วย มีไข้ไหม? เป็นลมไหม? ตัวชาหรืออ่อนแรงมั้ย? ข้างไหน? เอ๊ะ หรือว่าจะเป็นอัมพาต? นั่นมันอันตรายนะ ต้องรีบไปหาหมอเลย!
-
ประวัติการกินยา กินยาอะไรอยู่บ้าง? เคยกินยาแก้ปวดหัวบ่อยมั้ย? นี่ฉันต้องไปค้นประวัติยาเก่าๆด้วยเหรอ เยอะไปมั้ยเนี่ย หาไม่เจออีกต่างหาก!
โอ๊ยยยย เยอะไปหมด งงไปหมดแล้ว สรุปคือ ต้องไปหาหมอ ให้หมอเค้าตรวจ แล้วเค้าจะบอกเองว่าเป็นไมเกรนหรือเปล่า ใช่ป่ะ? ถามตัวเองอยู่ได้ ฉันเนี่ยนะ
ปีนี้ฉันไปหาหมอเรื่องอื่น เลยไม่ได้ถามเรื่องวิธีการวินิจฉัยไมเกรนละเอียด แต่จำได้ว่าหมอเน้นเรื่องประวัติการปวดหัวมากๆๆๆ จริงๆนะ จำได้แม่นเลย สำคัญจริงๆแหละ
- ข้อสำคัญ: การวินิจฉัยต้องอาศัยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ อย่ามโนเองเด็ดขาด!
ทํายังไงให้ไมเกรนหาย?
โอ๊ย ไมเกรนเนี่ยนะ ศัตรูตัวร้ายที่ชอบโผล่มาตอนกำลังจะปัง! แต่ไม่ต้องกลัว มีวิธีจัดการแบบบ้านๆ ที่ทำเองได้ (ถ้าไม่หนักหนาเกินไปนะ)
- ยาแก้ปวด: พาราฯ ช่วยได้ถ้าปวดแบบไก่กา แต่ถ้าไม่อยู่ อาจต้องพึ่ง NSAIDs (พวก ibuprofen) แต่กินเยอะระวังกระเพาะถามหาละกัน!
- ประคบร้อน/เย็น: ร้อนก็คลายเส้น เย็นก็ชาๆ หน่อย เลือกเอาที่ชอบ เหมือนเลือกแฟน เลือกผิดชีวิตเปลี่ยน!
- ปรับพฤติกรรม: นอนให้พอ อย่าหักโหมเกินไป ชีวิตไม่ใช่ละคร ถ้าฝืนมาก เดี๋ยวจะพังเอา
- ออกกำลังกายเบาๆ: ขยับเขยื้อนร่างกายบ้าง อย่าเอาแต่นั่งๆ นอนๆ เดี๋ยวเส้นยึด (แล้วจะโทษใครไม่ได้นะ)
- จัดการความเครียด: อันนี้ยากสุด! หาวิธีผ่อนคลายที่เหมาะกับตัวเอง บางคนชอบดูซีรีส์ บางคนชอบกิน บางคนชอบช้อปปิ้ง (ระวังเงินหมดตัวนะ!)
เคล็ดลับ:
- บันทึกอาการ: จดไว้เลยว่าอะไรเป็นตัวกระตุ้นไมเกรนของเรา แสงจ้า? กลิ่นแรง? หรือแค่เห็นหน้าเจ้านาย?
- น้ำสำคัญ: ดื่มน้ำเยอะๆ อย่าปล่อยให้ร่างกายขาดน้ำ เพราะสมองก็ต้องการน้ำเหมือนกันนะ
- กาแฟ: บางคนกินแล้วหาย บางคนกินแล้วเป็นหนักกว่าเดิม ต้องลองดูเอง
- ปรึกษาหมอ: ถ้าลองทุกวิธีแล้วยังไม่ดีขึ้น ไปหาหมอเถอะ อย่าคิดว่าตัวเองเก่งกว่าหมอ! (ยกเว้นคุณเป็นหมอเองนะ)
ข้อมูลเพิ่มเติม (แบบขำๆ):
- เคยอ่านเจอว่าการกินแมกนีเซียมช่วยลดไมเกรนได้ แต่กินเยอะไปอาจท้องเสียได้นะเออ!
- บางคนบอกว่าการนวดกดจุดช่วยได้ แต่ถ้าเจอคนนวดไม่เป็น อาจจะเจ็บกว่าเดิม!
- สำคัญที่สุดคืออย่าเครียด! เพราะความเครียดคือเชื้อเพลิงชั้นดีของไมเกรน! (พูดง่ายแต่ทำยากเนอะ)
ป.ล. ทั้งหมดนี้เป็นแค่คำแนะนำเบื้องต้นนะ ถ้าอาการไม่ดีขึ้น ไปหาหมอเถอะ อย่าดื้อ!
ข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต