ทำไงให้ตื่นมาไม่เพลีย
วิธีตื่นเช้าสดชื่น ลดอาการเพลีย:
- ขยับร่างกาย: ลุกเดินทันทีหลังตื่นนอน กระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัว
- งีบสั้นๆ: หากง่วงมาก ลองงีบ 15-20 นาที ช่วยให้สดชื่นขึ้น
- พักสายตา: หลีกเลี่ยงการจ้องจอนานๆ มองสิ่งอื่น 2-3 นาที ลดอาการเมื่อยล้า ลดง่วง
- ดื่มน้ำ: ดื่มน้ำหลังตื่นนอน ช่วยให้ร่างกายสดชื่นขึ้น
- รับแสงแดด: ออกไปรับแสงแดดยามเช้า ช่วยปรับนาฬิกาชีวภาพ
ทำตามเคล็ดลับเหล่านี้ ช่วยให้ตื่นเช้าอย่างสดใส ไม่ง่วงซึม
วิธีตื่นเช้าแบบไม่เพลีย ง่วงซึม?
โอ๊ย เรื่องตื่นเช้าเนี่ย เป็นอะไรที่ทรมานสุดๆ เลยนะ สำหรับเราอะ คือแบบ…เข้าใจเลยว่าทำไมถึงอยากตื่นแบบไม่เพลีย
จำได้เลย สมัยเรียนมหาลัย ต้องตื่นตีห้าครึ่งไปเรียนเช้าสุดๆ แล้วคือแบบ ทรมานมากกก! ตอนนั้นก็พยายามหาวิธีสารพัดเลยนะ
เดินไปรอบๆ ห้องนี่ก็ช่วยได้นิดหน่อย แต่แบบ แป๊บเดียวก็กลับมาง่วงใหม่แล้วอะ ส่วนเรื่องงีบนี่…เคยลองนะ แต่กลายเป็นว่า งีบแล้วยาวเลยจ้าาา ตื่นมาคือเพลียกว่าเดิมอีก!
เรื่องจ้องจอนี่จริง! ตาแห้งด้วย ง่วงด้วย คือแบบ…ทรมานคูณสองไปเลย ตอนนั้นก็พยายามพักสายตาบ่อยๆ นะ มองไปนอกหน้าต่างบ้าง มองต้นไม้ใบหญ้าบ้าง ก็ช่วยได้นิดหน่อย
แต่เอาจริงๆ นะ สิ่งที่ช่วยเราได้มากที่สุดคือ การนอนให้พอ! คือถ้าวันไหนนอนน้อยนะ ต่อให้ทำอะไรก็ง่วงอยู่ดีอะ แล้วก็…กาแฟ! 555+ อันนี้ขาดไม่ได้เลยจริงๆ
ตื่นมาแล้วอ่อนเพลียเกิดจากอะไร
แสงแดดอ่อนๆ ลอดม่าน… วันใหม่เริ่มต้น แต่ร่างกายหนักอึ้ง เหมือนมีภูเขาหินก้อนโตทับอยู่ เหนื่อยล้า… หมดแรง…
-
นอนน้อยเกินไป: เมื่อคืนฉันนอนแค่ 4 ชั่วโมงเอง งานรายงานส่งอาจารย์พรุ่งนี้ กดดันเหลือเกิน
-
ภาวะโลหิตจาง: ไปตรวจสุขภาพเมื่อเดือนที่แล้ว หมอบอกค่าฮีโมโกลบินต่ำ ต้องทานยาบำรุงเลือด
-
โรคซึมเศร้า: ช่วงนี้รู้สึกแย่จริงๆ ทุกอย่างดูมืดมนไปหมด ไปพบจิตแพทย์แล้ว กำลังรักษาอยู่
อากาศร้อนอบอ้าว… เหงื่อซึม ความเหนื่อยล้ายังคงอยู่ หัวใจหนักอึ้งเหมือนหินก้อนใหญ่… อยากนอนต่อ แต่ต้องลุกขึ้นมาเผชิญวันใหม่… เหนื่อยล้า… หมดแรง… เหมือนไม่มีพลัง… แดดจ้า…
-
ความเครียดสะสม: เรื่องงาน เรื่องเรียน เรื่องครอบครัว มันมากมายเหลือเกิน ฉันแบกไว้คนเดียว
-
พักผ่อนไม่เพียงพอ: นอนดึก ตื่นเช้าทุกวัน ร่างกายคงต้องการเวลาพักผ่อนมากกว่านี้
อยากหลับ… อยากนอน… อยากพักผ่อน… แต่ความรับผิดชอบยังรออยู่… เหนื่อย… อยากหายป่วย… อยากมีพลัง… อยากสดใส… แต่ตอนนี้… แค่หายใจก็เหนื่อย… เหนื่อยล้า…
นอนกี่ชั่วโมง ตื่นมาไม่เพลีย
5 ชม. พอแล้ว ไม่ง่วง ไม่เพลีย
- คุณภาพสำคัญกว่าปริมาณ
- ห้องนอนมืดสนิท อุณหภูมิ 25 องศา ปีนี้ใช้เครื่องปรับอากาศใหม่ของ Daikin นอนหลับสบายขึ้นเยอะ
- คนเราไม่เหมือนกัน อย่าไปยึดติดกับเลข 7-9 ชั่วโมง โง่
- วัดที่ความรู้สึก ตื่นมาแล้วเฟรช แค่นั้นพอ
ทำยังไงให้ตื่นแล้วไม่งัวเงีย
- ตื่นแล้วไม่งัวเงีย…เดินเลย! เดินวนๆ ในห้อง สักพักค่อยดีขึ้นมั้ง? หรือจริงๆ ต้องกระโดดเชือก? (ไม่มีเชือก…)
- งีบได้เหรอ? แต่ถ้า งีบแล้วยาว ล่ะ? ตายเลย ตื่นมาคือเพลียกว่าเดิมอีก!
- อย่าจ้องจอ …อันนี้จริง! จ้องทีไรคือหลับคาโต๊ะทุกที มองหน้าแมวดีกว่า (แต่แมวก็ง่วง…)
- ต้องกินกาแฟป่ะ? แต่กินแล้วใจสั่นอ่ะ ไม่ไหว
- จริงๆ คือ นอนให้พอนี่แหละ จบ! แต่ใครมันจะทำได้วะ?
- เปิดเพลงมันๆ ตอนตื่นนอน ช่วยได้จริงเหรอ? เคยลองแล้วก็ง่วงเหมือนเดิมนะ…หรือเพลงไม่มันพอ?
- ลอง ล้างหน้าด้วยน้ำเย็นจัด ดูดิ! สะดุ้งตื่นแน่ (แต่ก็ทรมานไปนะ…)
- เดิน: เดินไปชงกาแฟ (ถ้ากินได้) หรือเดินไปเปิดหน้าต่างรับลม (ถ้ามีลม)
- งีบ: ถ้างีบ ต้องตั้งนาฬิกาปลุก! ไม่เกิน 20 นาทีพอ
- อย่าจ้องจอ: มองต้นไม้ มองท้องฟ้า มองอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่หน้าจอ
- เพลง: ลองหา playlist ที่จังหวะเร็วๆ กระตุ้นๆ ดู
- ล้างหน้า: น้ำเย็นจัดๆ เลย! แต่เบาๆ มือหน่อย เดี๋ยวหน้าเหี่ยว
- ยาดม: สมัยนี้มียาดมแบบแท่งๆ พกง่าย ลองดูๆ
เออ…นึกออกละ! เมื่อก่อนตอนเรียน มหาลัย อาจารย์ชอบให้ ดมยาดม โคตรตื่นเลย! แต่ตอนนี้ไม่มีใครพกแล้วป่ะ? ต้องไปหาซื้อละ
ข้อมูลเพิ่มเติม
ถ้าตื่นตี5ต้องนอนกี่โมง?
ตีห้าเหรอ? โห… นั่นมันเช้ากว่าที่ผมตื่นได้อีกนะ! ปกติผมนี่ตื่นสายเป็นกิจวัตรประจำวันเลย แต่ถ้าจะตื่นตีห้า เอาแบบสดใสแจ่มวัย ไม่ใช่แบบซอมบี้ ผมว่านะ… คุณต้องนอนซัก 22.00 – 23.00 น. จะได้นอนประมาณ 7-9 ชั่วโมง พอดีเป๊ะ!
คิดง่ายๆ เหมือนการทำขนมไง ถ้าอยากได้เค้กที่ฟูฟ่อง ก็ต้องผสมส่วนผสมอย่างพอเหมาะ นอนน้อยไป ก็เหมือนเค้กแบน นอนมากไป ก็เหมือนเค้กไหม้ พอดีๆ ถึงจะอร่อย ใช่ป่ะล่ะ?
- เป้าหมาย: ตื่นตีห้า สดชื่นกระปรี้กระเปร่า
- สูตรลับ: นอน 22.00-23.00 น. (7-9 ชม.)
- ข้อควรระวัง: อย่าลืมดื่มน้ำก่อนนอนนะ ไม่งั้นตื่นมาหน้าโทรม เหมือนผมตอนดึกๆที่มัวแต่เล่นเกมส์ ฮ่าๆๆ
ปล. ผมลองแล้ว ผลลัพธ์คือ… ไม่ได้ดีขึ้นเท่าไร เพราะผมยังคงนอนดึกอยู่ดี นี่แหละคือความจริงของชีวิต ฮือๆๆ (แต่เรื่องนอน 7-9 ชม. จริงนะ เชื่อผม!)
อาการมึนงง อ่อนเพลีย เกิดจากอะไรได้บ้าง?
อาการมึนงง อ่อนเพลีย อาจมีสาเหตุหลายประการนะครับ
- ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ: ภาวะนี้ทำให้สมองขาดพลังงานไปชั่วขณะ
- ความดันโลหิตต่ำ: อาจเกิดจากการเปลี่ยนท่าเร็วเกินไป ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่ทัน
- หัวใจเต้นผิดจังหวะ: ส่งผลให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่สม่ำเสมอ
- ภาวะโลหิตจาง (Anemia): จำนวนเม็ดเลือดแดงน้อย ทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ
- น้ำในหูไม่เท่ากัน: มักมีอาการบ้านหมุนร่วมด้วย (เวียนหัวแบบรู้สึกว่าสิ่งรอบตัวหมุน)
เพิ่มเติม:
อาการเหล่านี้บางครั้งก็เกิดขึ้นได้จากความเครียดสะสม นอนไม่พอ หรือแม้แต่การขาดวิตามินบางชนิดนะครับ ส่วนตัวผมเคยเป็นตอนช่วงสอบหนักๆ พอปรับพฤติกรรมก็ดีขึ้น
ข้อควรระวัง:
อาการเหล่านี้หากเป็นบ่อยๆ หรือรุนแรง ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงนะครับ การวินิจฉัยด้วยตนเองอาจไม่ถูกต้องเสมอไป
ทำยังไงให้มีแรงทั้งวัน?
เรื่องมีอยู่ว่า เดือนที่แล้วนี่แหละ ก่อนไปสัมนาที่เชียงใหม่ ฉันเหนื่อยมากกกกก แบบนอนไม่หลับมาหลายวัน ตื่นเช้ามาคือมึนหัว ทำงานแทบไม่ไหว ถึงกับถามตัวเองว่าจะทำยังไงให้มีแรงทั้งวันวะเนี่ย?!
-
เรื่องกินนี่สำคัญมาก ตอนนั้นฉันกินแต่กาแฟกับขนมปัง เลยลองเปลี่ยน ไปกินข้าวต้มกุ้งที่ร้านแถวบ้าน อิ่มจริงจัง รู้สึกได้เลยว่ามีแรงขึ้น หลังจากนั้นพยายามกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นผักผลไม้ ลดของหวานลง
-
น้ำนี่คือชีวิต ฉันดื่มน้ำน้อยมาก แบบน้อยจนน่าตกใจ ไปเชียงใหม่นี่แหละ ถึงรู้ตัว เพราะอากาศร้อนมาก ฉันเลยซื้อขวดน้ำแบบใหญ่ พกติดตัวตลอด บังคับตัวเองดื่มให้ได้วันละ 8 แก้ว ผลคือ รู้สึกสดชื่นขึ้น ไม่มึนหัวเหมือนก่อน
-
นอนให้พอ ก่อนหน้านี้ฉันนอนดึกมาก ตี 3 ตี 4 เป็นประจำ ไปเชียงใหม่ ฉันพยายามเข้านอนให้เร็วขึ้น ประมาณ 4 ทุ่ม ตื่นเช้ามา รู้สึกดีขึ้นเยอะ มีแรงขึ้น ไม่ง่วงซึม แต่บางคืนก็ยังนอนไม่หลับอยู่ดี
-
กาแฟลดได้ลด ฉันติดกาแฟมากกก คือวันไหนไม่ได้ดื่มจะรู้สึกเพลีย แต่ตอนไปเชียงใหม่ ฉันพยายามลดปริมาณกาแฟลง ลองดื่มชาอุ่นๆ แทนบ้าง ผลคือ รู้สึกไม่ตื่นเต้นมาก แต่ก็มีแรงขึ้น เหมือนร่างกายมันปรับตัวได้
-
ออกกำลังกาย ข้อนี้สำคัญ! จริงๆ ฉันไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย เลยลองวิ่งเบาๆ ตอนเช้า วันละ 30 นาที แค่นี้ก็รู้สึกดีขึ้นแล้ว รู้สึกกระฉับกระเฉง สดชื่นขึ้น อย่างน้อยก็ได้เหงื่อ
-
เรื่องความเครียด อันนี้แก้ยากสุด ก่อนไปเชียงใหม่ ฉันเครียดเรื่องงานมาก ไปถึงที่นั่น ฉันพยายามผ่อนคลาย หาเวลาทำสมาธิ นั่งดูวิวสวยๆ ช่วยได้บ้าง แต่ก็ยังเครียดเรื่องงานอยู่ดี
-
ดูแลตัวเอง จริงๆ แล้ว ทุกอย่างที่กล่าวมา มันคือการดูแลตัวเอง ฉันเริ่มใส่ใจตัวเองมากขึ้น เริ่มจากเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่น นอนให้พอ กินอาหารที่ดี ออกกำลังกาย ดื่มน้ำเยอะๆ มันทำให้ฉันมีแรงขึ้น และรู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้น
- สรุปง่ายๆ: กินดี นอนหลับ ออกกำลังกาย ดื่มน้ำเยอะๆ ลดคาเฟอีน และจัดการความเครียด นี่แหละคือสูตรของฉัน
- ข้อควรระวัง: ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
- เพิ่มเติม: การไปสัมนาที่เชียงใหม่ เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่ทำให้ฉันเริ่มใส่ใจสุขภาพมากขึ้น
ข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต