ทําไมถึงมีตกขาวเยอะทุกวัน

ตกขาวมากผิดปกติทุกวัน: สัญญาณเตือนที่คุณไม่ควรละเลย

ตกขาวเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติของร่างกายสตรี เป็นของเหลวที่หลั่งออกมาจากช่องคลอด มีหน้าที่ทำความสะอาดและปกป้องช่องคลอดจากการติดเชื้อ โดยปกติแล้ว ปริมาณและลักษณะของตกขาวจะเปลี่ยนแปลงไปตามช่วงวัยและรอบเดือน แต่หากพบว่ามีตกขาวมากผิดปกติทุกวัน ควรตระหนักและหาสาเหตุอย่างเร่งด่วน เพราะนี่อาจเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาสุขภาพที่สำคัญ

ปัจจัยที่ทำให้ตกขาวมากผิดปกติทุกวัน:

การมีตกขาวมากผิดปกติทุกวันนั้นไม่ได้หมายความว่าเป็นโรคเสมอไป แต่เป็นสัญญาณที่บอกว่าระบบภายในช่องคลอดอาจกำลังเผชิญกับความผิดปกติ สาเหตุหลักๆ สามารถแบ่งได้ดังนี้:

• การติดเชื้อ: นี่คือสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด การติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น การติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด (Bacterial Vaginosis – BV) มักทำให้ตกขาวมีกลิ่นเหม็น คล้ายปลาเน่า หรือมีสีเหลืองเขียว ส่วนการติดเชื้อรา เช่น แคนดิดา (Candida) จะทำให้ตกขาวเป็นก้อนขาวข้นคล้ายโยเกิร์ต และอาจมีอาการคันร่วมด้วย นอกจากนี้ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually Transmitted Infections – STIs) เช่น โรคหนองใน หรือคลามัยเดีย ก็อาจทำให้มีตกขาวผิดปกติได้เช่นกัน ตกขาวจาก STIs อาจมีสีเหลืองหรือเขียว มีกลิ่นเหม็น และอาจมีอาการเจ็บปวดหรือแสบขณะปัสสาวะหรือมีเพศสัมพันธ์

• ความผิดปกติของฮอร์โมน: การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น ในช่วงก่อนมีประจำเดือน ระยะตั้งครรภ์ หรือช่วงวัยหมดประจำเดือน สามารถส่งผลต่อปริมาณและลักษณะของตกขาวได้ อย่างไรก็ตาม หากปริมาณมากผิดปกติและมาพร้อมกับอาการอื่นๆ ควรปรึกษาแพทย์

• ปฏิกิริยาจากสารเคมี: การใช้สบู่ เจลอาบน้ำ หรือผลิตภัณฑ์อนามัยส่วนตัวที่มีสารเคมีรุนแรง อาจทำให้เกิดการระคายเคืองและส่งผลให้มีตกขาวมากผิดปกติได้

• สิ่งแปลกปลอมในช่องคลอด: สิ่งแปลกปลอม เช่น ผ้าอนามัยที่เหลืออยู่ในช่องคลอด หรืออุปกรณ์คุมกำเนิดที่ใช้ไม่ถูกต้อง อาจทำให้เกิดการอักเสบและมีตกขาวมากขึ้นได้

• เนื้องอกหรือมะเร็งในอุ้งเชิงกราน: แม้จะเป็นสาเหตุที่พบได้น้อย แต่เนื้องอกหรือมะเร็งในอุ้งเชิงกราน เช่น มะเร็งปากมดลูก ก็สามารถทำให้มีตกขาวผิดปกติได้ อาการนี้อาจมาพร้อมกับอาการอื่นๆ เช่น เลือดออกผิดปกติ หรืออาการปวดในอุ้งเชิงกราน

เมื่อใดควรพบแพทย์:

หากคุณมีตกขาวมากผิดปกติทุกวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมาพร้อมกับอาการอื่นๆ เช่น:

• กลิ่นเหม็นผิดปกติ
• สีผิดปกติ เช่น สีเหลือง สีเขียว หรือสีเทา
• มีอาการคัน แสบ หรือเจ็บปวดในช่องคลอด
• มีเลือดออกผิดปกติ
• มีไข้ หรือรู้สึกไม่สบายตัว

คุณควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสมโดยเร็วที่สุด อย่าละเลยอาการเหล่านี้ เพราะการรักษาที่ทันท่วงทีจะช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้เบื้องต้นเท่านั้น ไม่สามารถใช้แทนคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ หากคุณมีข้อสงสัยหรือกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของคุณ โปรดปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพสตรีเสมอ