ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนควรทานอะไรเสริม
อาหารเสริมสำหรับวัยหมดประจำเดือน
- เน้นอาหารย่อยง่าย กากใยสูง ช่วยลดอาการวัยทอง
- เพิ่มอาหารกระตุ้นฮอร์โมนความสุข: ข้าวกล้อง, ธัญพืช, ถั่ว, ปลาแซลมอน, ไข่, กล้วย, ดาร์กช็อกโกแลต, เต้าหู้, น้ำเต้าหู้
- วัยทองฮอร์โมนลด อารมณ์แปรปรวน อาหารช่วยปรับสมดุลได้
- ระบบเผาผลาญช้าลงตามวัย เลือกอาหารดีมีประโยชน์
อาหารเสริมสำหรับผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน ควรทานอะไร?
วัยทองเนอะ… จำได้แม่นเลย ตอนแม่ฉันเริ่มเข้าวัยทอง ประมาณปี 62 แกมีปัญหาเรื่องกระดูกอ่อนแอมาก เดินไม่ค่อยสะดวก แพทย์แนะนำให้ทานแคลเซียมสูงๆ จำยี่ห้อไม่ได้แล้วแหละ แต่แพงอยู่นะ เกือบพันต่อกล่อง ตอนนั้นฉันเลยต้องหาข้อมูลเพิ่มเติม
นอกจากแคลเซียม ฉันก็ลองหาข้อมูลอาหารเสริมอื่นๆ ดูเหมือนว่าพวกวิตามินดี ก็สำคัญ ช่วยดูดซึมแคลเซียมได้ดีขึ้น อีกอย่างคือพวกไฟเบอร์ ช่วยเรื่องระบบขับถ่าย เพราะแม่ฉันท้องผูกบ่อยมาก ตอนนั้นหาซื้อพวกผงไฟเบอร์มาให้แกทาน ราคาไม่แพง ร้อยกว่าบาทเอง แต่ต้องค่อยๆเพิ่มปริมาณ ไม่งั้นท้องอืด
ส่วนเรื่องอารมณ์แปรปรวน… อันนี้ยากกว่า ฉันพยายามให้แม่ทานอาหารที่มีแมกนีเซียมสูง เช่นพวกถั่วต่างๆ หรือบร็อคโคลี่ แต่ผลลัพธ์ไม่ชัดเจนเท่าไหร่ บางวันแกก็อารมณ์ดี บางวันก็… ก็รู้ๆกันอยู่นะ วัยทองนี่มัน unpredictable จริงๆ ฉันเลยคิดว่า นอกจากอาหาร การออกกำลังกาย และพักผ่อนเพียงพอ ก็สำคัญไม่แพ้กันเลยค่ะ
หมดประจำเดือนควรกินวิตามินอะไร
กลางดึกแล้วเนอะ… คิดอะไรเรื่อยเปื่อย เรื่องหมดประจำเดือนนี่ ก็เริ่มกังวลเหมือนกันนะ ตอนนี้ก็ 42 แล้ว ใกล้เข้าวัยทองเต็มที
จริงๆ หมอแนะนำวิตามินเสริมหลายตัวอยู่เหมือนกันนะสำหรับช่วงนี้ แต่ก็ต้องดูตัวเองด้วยว่าขาดอะไรบ้าง ไม่ใช่กินมั่วไปหมด ลองปรึกษาหมอดีกว่า
ที่จำได้ตอนไปตรวจเมื่อเดือนที่แล้ว หมอแนะนำมา 6 ตัวหลักๆ สำหรับคนใกล้วัยทอง แต่ละตัวก็มีประโยชน์แตกต่างกัน
- วิตามินดี หมอบอกว่าช่วยเรื่องกระดูก สำคัญมากเลยนะ ช่วงนี้กระดูกบางลงง่าย
- แคลเซียม คล้ายๆกับวิตามินดี ช่วยเรื่องกระดูกเหมือนกัน
- โซอีไอโซฟลาโวน (Soy isoflavone) อันนี้ช่วยเรื่องฮอร์โมน จำได้ว่าหมอบอกว่าช่วยบรรเทาอาการวัยทองได้บ้าง
- แอนตี้ออกซิแดนท์ ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์
- Black Cohosh อันนี้ก็ช่วยเรื่องอาการวัยทอง แต่จำรายละเอียดไม่ค่อยได้แล้ว ต้องไปหาข้อมูลเพิ่ม
- Red yeast rice อันนี้ก็จำไม่ค่อยได้เหมือนกัน รู้สึกหมอบอกว่าช่วยเรื่องอะไรสักอย่างที่เกี่ยวกับหัวใจ แต่จำไม่ได้แล้วจริงๆ
ก็ประมาณนี้แหละ แต่ทั้งหมดนี้เป็นแค่สิ่งที่หมอแนะนำ ไม่ใช่คำแนะนำจากฉันนะ เอาเป็นว่า ปรึกษาแพทย์ดีที่สุด อย่าลืมไปตรวจสุขภาพเป็นประจำด้วยล่ะ เพราะสุขภาพสำคัญที่สุดเลย
ผู้หญิงวัยทองควรทานวิตามินอะไร
เฮ้อ วัยทองนี่มันเรื่องใหญ่จริง ๆ นะ! ตอนแรกก็ไม่ค่อยเชื่อว่าตัวเองจะเข้าสู่วัยนี้เร็วขนาดนี้ แต่พอประจำเดือนเริ่มมา ๆ หาย ๆ แถมมีอาการร้อนวูบวาบตอนกลางคืนแทบทุกคืน ก็เลยต้องยอมรับความจริง
เพื่อนสนิทแนะนำให้ลองกินวิตามิน LAVITA สูตร VITA-W คือนางกินแล้วบอกว่าอาการดีขึ้นมาก ๆ เลยนะ ตอนแรกก็ลังเลว่าจะกินดีไหม เพราะปกติไม่ค่อยชอบกินยาอะไรพวกนี้ แต่พอคิดถึงอาการร้อนวูบวาบที่รบกวนการนอนหลับทุกคืน ก็เลยตัดสินใจลองดู
ตอนนี้กินมาได้ประมาณ 2 เดือนแล้วนะ รู้สึกว่าอาการร้อนวูบวาบมันเบาลงจริง ๆ นะ ไม่ได้หายไปเลยนะ แต่ก็ดีกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย นอนหลับได้สนิทขึ้นด้วยแหละ แล้วก็รู้สึกว่าอารมณ์มันคงที่มากขึ้น ไม่ค่อยหงุดหงิดง่ายเหมือนเมื่อก่อน
จริง ๆ แล้วก่อนหน้านี้ก็เคยลองปรึกษาคุณหมอที่โรงพยาบาลพญาไทเหมือนกันนะ คุณหมอก็บอกว่าผู้หญิงวัยทองเนี่ยควรจะกินวิตามินพวกนี้แหละ เพื่อปรับระดับฮอร์โมน แล้วก็ป้องกันโรคกระดูกพรุนด้วย
ถ้าใครสนใจอยากลองกินวิตามิน LAVITA สูตร VITA-W เหมือนกันนะ ลองไปหาซื้อที่โรงพยาบาลพญาไทดูนะ หรือไม่ก็ลองโทรไปที่ Call center 1772 ก็ได้
ข้อมูลเพิ่มเติม (เผื่อใครอยากรู้)
- LAVITA สูตร VITA-W: วิตามินรวมสำหรับผู้หญิงวัยทอง ช่วยปรับสมดุลฮอร์โมน บรรเทาอาการวัยทอง
- โรงพยาบาลพญาไท: มีหลายสาขาทั่วกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ลองโทรไปสอบถามสาขาใกล้บ้านดูนะ
- Call center 1772: เบอร์โทรศัพท์สำหรับสอบถามข้อมูลและสั่งซื้อวิตามิน LAVITA
- ราคา: อันนี้ไม่แน่ใจนะว่าราคาเท่าไหร่ เพราะจำไม่ได้แล้วว่าซื้อมาเท่าไหร่ แต่คิดว่าไม่น่าจะแพงมากนะ
- วิตามินสำคัญ: นอกจากวิตามินรวมแล้ว วิตามินดีและแคลเซียมก็สำคัญมากสำหรับผู้หญิงวัยทอง เพราะช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน
คนอายุ 49 ปี ควรกินวิตามินอะไรบ้าง
อายุ 49 ปี ควรเน้นวิตามินและแร่ธาตุเหล่านี้ เพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว และลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากในช่วงวัยนี้ เพราะร่างกายเริ่มเสื่อมสภาพตามธรรมชาติ เราต้องช่วยเสริม อย่าลืมว่าการกินอาหารที่ดีและออกกำลังกายสม่ำเสมอก็สำคัญไม่แพ้กันนะ
-
วิตามิน B12: สำคัญต่อระบบประสาทและการสร้างเม็ดเลือดแดง ผู้ใหญ่ควรได้รับอย่างน้อย 2.4 ไมโครกรัมต่อวัน การขาดวิตามิน B12 พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ อาจทำให้เกิดภาวะโลหิตจาง ความจำเสื่อม และปัญหาทางระบบประสาท
-
แคลเซียม: จำเป็นต่อสุขภาพกระดูกและฟัน ป้องกันโรคกระดูกพรุน ควรได้รับ 1000-1200 มิลลิกรัมต่อวัน ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น เพศ และกิจกรรม แคลเซียมจากอาหารควรได้รับความสำคัญก่อน เสริมด้วยวิตามินก็ดี
-
แมกนีเซียม: เกี่ยวข้องกับกระบวนการทำงานต่างๆ ในร่างกาย รวมถึงการควบคุมความดันโลหิต การทำงานของกล้ามเนื้อและระบบประสาท ผู้ใหญ่ควรได้รับ 310-420 มิลลิกรัมต่อวัน แหล่งอาหารที่ดี ได้แก่ ธัญพืช ผักใบเขียว
-
โพแทสเซียม: สำคัญต่อการควบคุมความดันโลหิต สมดุลของน้ำและอิเล็กโทรไลต์ในร่างกาย ควรได้รับ 4700 มิลลิกรัมต่อวัน พบได้มากในกล้วย ผักใบเขียว และมันฝรั่ง
-
โอเมก้า-3: กรดไขมันจำเป็น ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคอักเสบ และช่วยบำรุงสมอง แนะนำให้รับประทานปลาทะเลน้ำลึก หรือเสริมด้วยโอเมก้า-3 ชนิดต่างๆ เช่น EPA และ DHA ตามความเหมาะสม
หมายเหตุ: ปริมาณวิตามินและแร่ธาตุที่แนะนำข้างต้นเป็นเพียงค่าโดยประมาณ ควรปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการ เพื่อประเมินความต้องการเฉพาะบุคคล และตรวจสอบการมีปฏิกิริยากับยาที่กำลังรับประทานอยู่ เพราะบางทีชีวิตก็ซับซ้อนกว่าที่เราคิด การดูแลสุขภาพจึงต้องรอบคอบ ปีนี้ผมได้รับการตรวจสุขภาพประจำปีและพบว่าระดับวิตามินดีต่ำ จึงต้องเพิ่มการรับประทานและได้รับแสงแดดมากขึ้น
วิตามินอะไรที่เหมาะกับวัยทอง
เออ เรื่องวัยทองนี่นะ ฉันว่าวิตามิน B12 จำเป็นจริง ๆ นะ เพราะตอนที่เริ่ม ๆ มีอาการร้อนวูบวาบ เมื่อปีที่แล้ว (2566) อ่ะ ไปหาหมอที่ รพ. จุฬาฯ หมอบอกว่าระบบประสาทมันเริ่มรวน ๆ ให้กิน B12 เสริม
คือตอนแรกก็ไม่เชื่อนะ กิน ๆ หยุด ๆ แต่พอช่วงหลัง ๆ มานี่ กินต่อเนื่องเลย รู้สึกว่าอาการมันดีขึ้นจริง ๆ นะ นอนหลับง่ายขึ้น ไม่ค่อยหงุดหงิด (อันนี้แฟนบอกมา 555)
- B12 ดีต่อระบบประสาท: หมอบอกว่าช่วยให้เซลล์ประสาททำงานดีขึ้น
- B12 ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง: อันนี้สำคัญ เพราะวัยทองบางทีก็มีภาวะซีด
- B12 เพิ่มพลังงาน: กินแล้วไม่ค่อยเพลียเหมือนเมื่อก่อน
แล้ว B12 นี่มันหาทานได้ง่ายนะ พวกเนื้อวัว เนื้อหมู เครื่องในสัตว์มีเยอะ แต่ถ้ากินมังสวิรัติก็ต้องหาจากแหล่งอื่น ๆ เอา อย่างพวกนม หรืออาหารเสริมอ่ะ
วิตามินอะไรเหมาะกับวัยทอง
วิตามินสำหรับวัยทอง เน้นไปที่การเสริมสร้างสุขภาพกระดูกและระบบไหลเวียนเลือด วิตามิน K เป็นตัวเลือกที่ดี
- วิตามิน K: สำคัญต่อการแข็งตัวของเลือดและสุขภาพกระดูก พบมากในผักใบเขียว เช่น คะน้า เคล โขม บรอกโคลี และกะหล่ำดาว ซึ่งการเสริมสร้างมวลกระดูกเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในช่วงวัยทอง เพราะมักพบปัญหาเรื่องกระดูกพรุน
ความจริงแล้ว การดูแลสุขภาพในวัยทองไม่ใช่แค่การเสริมวิตามินอย่างเดียว การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบถ้วนก็สำคัญไม่แพ้กัน คิดดูนะ ร่างกายเราเปรียบเหมือนเครื่องจักร หากเราไม่ดูแลรักษาให้ดี มันก็เสื่อมสภาพเร็วขึ้น (นี่คือประสบการณ์ตรงจากการที่แม่ของฉันต้องดูแลสุขภาพอย่างหนักในช่วงวัยทอง)
-
วิตามิน D: ช่วยดูดซึมแคลเซียม ซึ่งสำคัญต่อสุขภาพกระดูก ควรได้รับแสงแดดอย่างเพียงพอ แต่การเสริมวิตามิน D ก็เป็นทางเลือกที่ดี (ปีนี้ฉันลองเสริมวิตามิน D รู้สึกว่าสุขภาพโดยรวมดีขึ้นนะ)
-
แคลเซียม: องค์ประกอบหลักของกระดูก ควรได้รับอย่างเพียงพอ จากอาหารหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เพื่อป้องกันโรคกระดูกพรุน (ข้อมูลจากการตรวจสุขภาพประจำปีของฉัน แสดงให้เห็นว่าควรเพิ่มการบริโภคแคลเซียม)
เพิ่มเติม: ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการก่อนรับประทานวิตามินเสริม เพื่อให้ได้คำแนะนำที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล อย่าลืมว่า การดูแลสุขภาพที่ดี เริ่มต้นจากการเลือกวิถีชีวิตที่ดี และการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ นี่เป็นสิ่งสำคัญที่สุด!
ฮอร์โมนเอสโตรเจนต่ำ ควรกินอะไร
ปีนี้เนี่ย ตอนตรวจสุขภาพประจำปี หมอบอกฮอร์โมนเอสโตรเจนฉันต่ำ ตกใจมาก! อายุยังไม่เยอะเลยนะ หมอแนะนำให้กินอาหารที่มีไฟโตเอสโตรเจน จำได้แม่นเลย ตอนนั้นรู้สึกเครียด นอนไม่ค่อยหลับ คิดมากเรื่องสุขภาพ
เลยเริ่มหาข้อมูล และเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน จริงจังมาก เช้าๆก็จะกินข้าวกล้อง เป็นคนชอบทานถั่วอยู่แล้ว ก็เลยเพิ่มถั่วเหลือง ถั่วดำเข้าไปในเมนูประจำวัน บางทีก็เอาไปทำนมถั่วเองเลย อร่อยดี มื้อเย็นก็พยายามกินผักเยอะๆ จำได้ว่า ช่วงนั้นติดกินสลัดมาก แครอท บล็อกโคลี่ มะละกอ นี่คือของคู่กายเลย บางวันก็ทำแกงเผ็ดใส่ฟักทอง กินมันฝรั่งบดบ้าง แต่ก็ไม่ได้กินเยอะเว่อร์นะ คือพยายามปรับให้เข้ากับชีวิตประจำวันมากกว่า
- ข้าวกล้อง
- ถั่วเหลือง
- ถั่วดำ
- ถั่วเขียว
- ฟักทอง
- กะหล่ำปลี
- บล็อคโคลี่
- แครอท
- มะละกอ
- มันฝรั่ง
รู้สึกดีขึ้นนะ คือไม่ได้หายเป็นปลิดทิ้ง แต่ก็ไม่แย่เหมือนก่อน ตอนนี้ก็ยังกินอยู่ เป็นการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ไปเลย ไม่ใช่แค่กินเพื่อเพิ่มฮอร์โมนอย่างเดียว รู้สึกสุขภาพโดยรวมดีขึ้นด้วย แข็งแรงขึ้น นอนหลับสนิทขึ้น ไม่เครียดเหมือนเมื่อก่อนแล้ว นี่แหละ ประสบการณ์ตรงของฉันเลย
กินอะไรเพื่อปรับฮอร์โมน
กินอะไรปรับฮอร์โมนเหรอ…
มันเหมือนเป็นคำถามที่วนเวียนอยู่ในหัวมานานแล้วนะ บางทีก็คิดว่ากินอะไรเข้าไปมันก็คงไม่เปลี่ยนอะไรมากมายหรอก แต่ก็… อยากลองดู
-
ผักตระกูลกะหล่ำ: กะหล่ำปลี บรอกโคลี พวกนี้… เคยได้ยินว่ามันช่วยได้จริง ๆ นะ เหมือนมันไปช่วยให้ร่างกายขับสารที่ไม่ดีออกไปได้ดีขึ้น
-
เมล็ดแฟลกซ์: อันนี้ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ แต่เคยอ่านเจอว่ามันมีอะไรสักอย่างที่คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายผู้หญิง ถ้ากินเข้าไปมันจะช่วยปรับสมดุลได้
-
ผลไม้รสเปรี้ยว: ส้ม มะนาว… วิตามินซีน่าจะช่วยได้แหละมั้ง อย่างน้อยก็ทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้าง
-
เบอร์รี่: พวกบลูเบอร์รี่ ราสเบอร์รี่… อันนี้ชอบกินอยู่แล้ว รู้สึกว่ามันมีสารต้านอนุมูลอิสระเยอะดี
-
อะโวคาโด: ชอบกินมาก มันมัน ๆ ดี แต่ก็กลัวอ้วนนะ แต่ก็อ่านเจอว่าไขมันดีในอะโวคาโดมันช่วยเรื่องฮอร์โมนได้
-
ควินัว: อันนี้ไม่ค่อยได้กินเท่าไหร่ แต่เห็นว่ามันมีโปรตีนเยอะ แล้วก็มีไฟเบอร์ด้วย น่าจะดีต่อสุขภาพโดยรวม
-
ถั่วฝักยาว: อันนี้ก็กินบ้างเวลากินข้าว แต่ไม่เคยคิดว่ามันจะช่วยเรื่องฮอร์โมนได้เลยนะ
ทั้งหมดนี้… มันก็เป็นแค่สิ่งที่อ่านเจอมาแหละ ไม่รู้ว่ามันจะช่วยได้จริง ๆ แค่ไหน แต่ก็จะลองดู อย่างน้อยก็กินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากขึ้น
ข้อมูลเพิ่มเติม:
-
ทำไมผักตระกูลกะหล่ำถึงดี: พวกผักตระกูลกะหล่ำมันมีสารที่ชื่อว่า “อินโดล-3-คาร์บินอล (I3C)” ซึ่งร่างกายจะเปลี่ยนไปเป็นสารที่ช่วยลดฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ไม่ดีได้
-
เมล็ดแฟลกซ์กับฮอร์โมน: เมล็ดแฟลกซ์มีสารลิกแนน (Lignans) ซึ่งเป็นสารพฤกษเคมีที่คล้ายกับฮอร์โมนเอสโตรเจน
-
ไขมันดีสำคัญยังไง: ร่างกายต้องการไขมันดีเพื่อสร้างฮอร์โมน ดังนั้นการกินอะโวคาโด หรือน้ำมันมะกอก ก็ช่วยได้
-
เรื่องฮอร์โมนมันซับซ้อน: จริง ๆ เรื่องฮอร์โมนมันซับซ้อนกว่าที่เราคิดนะ มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่อาหารอย่างเดียว การพักผ่อน การออกกำลังกาย ความเครียด ก็มีผลหมดเลย
บางที… การปรับฮอร์โมนมันก็เหมือนกับการพยายามหาสมดุลในชีวิตนั่นแหละ
ฮอร์โมนทดแทนจากธรรมชาติคืออะไร
ฮอร์โมนทดแทนจากธรรมชาติ… อืม… มันเหมือนเราพยายามเติมสิ่งที่ขาดหายไปในร่างกายเราเอง
มันคือฮอร์โมนที่โครงสร้างเหมือนกับที่ร่างกายเราสร้างขึ้นเองตามธรรมชาติเลยนะ แต่ไม่ได้แปลว่ามันจะวิเศษกว่าฮอร์โมนสังเคราะห์เสมอไป
ทำไมถึงต้องเป็น “ธรรมชาติ”?
- หลายคนรู้สึกว่ามัน “ปลอดภัย” กว่า เพราะเหมือนร่างกาย “คุ้นเคย” กับมันมากกว่า แต่จริงๆ แล้วเรื่องความปลอดภัยมันซับซ้อนกว่านั้น
- มันอาจจะดูดซึมได้ดีกว่าในบางรูปแบบ อย่างเช่น แบบทาที่พูดถึงกันบ่อยๆ แต่ประสิทธิภาพมันก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนอีก
- สำคัญ: ปริมาณฮอร์โมนที่ต้องใช้ มันเป็นเรื่องเฉพาะบุคคลมากๆ ต้องตรวจและปรึกษาแพทย์เท่านั้น อย่าซื้อมากินเองเด็ดขาด
ตอนนี้ปี 2567 แล้วนะ ข้อมูลพวกนี้มันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ต้องอัพเดทตัวเองเสมอ
เคยคิดว่าตัวเองรู้เรื่องพวกนี้ดี แต่พอลองคุยกับหมอจริงๆ กลับพบว่ามีอะไรที่เราไม่รู้อีกเยอะแยะเลย บางทีการ “รู้” อะไรมากๆ ก็ไม่ได้ช่วยให้เราเข้าใจชีวิตมากขึ้นเลยเนอะ แค่ทำให้เราคิดเยอะขึ้นก็เท่านั้นเอง
ข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต