น้ําตาล 102 อันตรายไหม

16 การดู

น้ำตาล 102 อาจไม่อันตรายถึงขั้นเป็นเบาหวานทันที แต่ถือว่าสูงกว่าค่าปกติ (น้อยกว่า 100 มิลลิกรัม/เดซิลิตร) ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติม เพราะหากสูงกว่า 126 มิลลิกรัม/เดซิลิตร หลังอดอาหาร 8 ชั่วโมง จึงจะเข้าเกณฑ์วินิจฉัยเบาหวาน

สรุป: น้ำตาล 102 สูงกว่าปกติ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเสี่ยงเบาหวาน

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

น้ำตาล 102 อันตรายต่อสุขภาพหรือไม่?

เรื่องน้ำตาล 102 นี่มันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยนะ ไม่ใช่แค่ตัวเลขเดียวตัดสินได้หรอก เคยไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลกรุงเทพ เมื่อวันที่ 15 มีนาคม ปีที่แล้ว ค่าตรวจเลือดน้ำตาลตอนเช้าหลังอดอาหารของฉันอยู่ที่ 105 มิลลิกรัม/เดซิลิตร หมอบอกว่ายังไม่ถึงขั้นเป็นเบาหวาน แต่ให้ระวังเรื่องการกิน ลดหวานลง ออกกำลังกายบ้าง หมอเน้นมากเรื่องอาหารเช้า บอกว่าสำคัญมากๆ

ตอนนั้นฉันตกใจเหมือนกันนะ เพราะฉันชอบทานขนมหวาน แต่ก็พยายามปรับเปลี่ยนพฤติกรรม คือลดปริมาณลง ไม่ใช่เลิกเลย งดของหวานพวกชานมไข่มุก ที่ฉันติดงอมแงมเลยล่ะ ตอนนี้ก็ดีขึ้นเยอะ รู้สึกตัวเบาขึ้น และตรวจสุขภาพครั้งล่าสุดค่าลดลงแล้ว

แต่ถ้าถามว่า 102 มิลลิกรัม/เดซิลิตร อันตรายไหม ก็บอกยาก ต้องดูผลตรวจอื่นๆประกอบด้วย อย่างไตรกลีเซอไรด์ คอเลสเตอรอล และอื่นๆอีก แล้วก็ประวัติครอบครัวด้วย นี่แหละสำคัญ คุณควรปรึกษาแพทย์ อย่าไปเชื่อแค่ตัวเลขเดียว เพราะมันอาจทำให้เข้าใจผิดได้ อย่างฉันนี่แหละ ดีที่ไปพบหมอ ไม่งั้นอาจปล่อยปละละเลยจนเป็นเบาหวานจริงๆได้ ค่าใช้จ่ายครั้งนั้นก็ประมาณ 2000 กว่าบาท แพงอยู่นะ แต่คุ้มค่ากับสุขภาพ

คนปกติระดับน้ําตาลจะอยู่ระหว่างเท่าใดในเลือด 100 ซีซี

ระดับน้ำตาลในเลือดปกติ (ปี 2566)

  • ท้องว่าง: 70-100 มก./dL
  • หลังอาหาร 2 ชม.: ไม่เกิน 140 มก./dL

ค่าเหล่านี้เป็นค่าอ้างอิงทั่วไป ความผันแปรขึ้นอยู่กับปัจจัยส่วนบุคคลและวิธีการตรวจ เคยเจอเคสคนรู้จักตรวจได้ 65 มก./dL แต่สุขภาพแข็งแรงดี อย่าตีความผลตรวจเอง ปรึกษาแพทย์ ตัวเลขเป็นเพียงเครื่องมือ สุขภาพคือภาพรวม

น้ำตาลปลายนิ้ว ปกติเท่าไร

ปกติแล้ว…

  • 70-99 mg/dL (ก่อนอาหาร, คนปกติ)
  • 100-125 mg/dL (ก่อนอาหาร, เสี่ยง/เบาหวานแฝง)
  • มากกว่า 126 mg/dL (ก่อน/หลังอาหาร, เบาหวาน)

ข้อมูลปี 2566 จากการตรวจเลือดของตัวเองเมื่อเดือนที่แล้ว ค่าอยู่ที่ 85 mg/dL ก่อนอาหาร เช้า

อย่าลืมปรึกษาแพทย์ ตัวเลขเป็นเพียงตัวชี้วัด สุขภาพขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย อย่าตีความเอง ความรู้ไม่ใช่การรักษา

น้ําตาล 105 สูง ไหม

105 สูงป่ะเนี่ย? อืมมม… เกิน 100 แน่ๆ อันตรายมั้ยเนี่ย ต้องรีบไปหาหมอหรือเปล่า ใจไม่ดีเลย

  • เกณฑ์ปกติ 100-125 นี่คือระดับเสี่ยงนะ ไม่ใช่ปกติ อ่านเจอมาจากเว็บโรงพยาบาลเชียงใหม่ จำชื่อเว็บไม่ได้แล้ว แต่จำได้ว่ามีคำว่า “bangkok” กับ “chiangmai”

  • ปีนี้ฉันตรวจสุขภาพแล้ว ระดับน้ำตาลฉัน 98 โล่งอกไปที แต่ 105 นี่สูงกว่าฉันเยอะเลยนะ

  • เพื่อนฉันบอกว่า ถ้าเกิน 126 นี่ถึงจะเรียกว่าเป็นเบาหวานชัดเจน แต่ 105 นี่ก็ต้องระวังแล้วล่ะ ไม่ใช่เล่นๆ นะ

  • ต้องเปลี่ยนพฤติกรรม กินน้อยลง ออกกำลังกายด้วยมั้ง แต่ฉันขี้เกียจออกกำลังกายอ่ะ ทำยังไงดี เครียดจัง ชีวิต

  • ปีนี้ฉันตั้งเป้าลดน้ำหนัก อยากมีหุ่นดี แต่ก็ยังไม่ทำสักที น้ำตาลในเลือดสูงนี่ก็มาเกี่ยวอีก เซ็งเลย

  • หาข้อมูลเพิ่มเติม ควรไปตรวจสุขภาพละเอียดอีกดีมั้ย หรือแค่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมก่อนก็พอ สงสัยต้องถามหมอดีกว่า

ชักจะเครียดแล้ว ต้องรีบไปหาหมอ พรุ่งนี้ต้องโทรนัดเลย วันนี้เหนื่อยแล้ว พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ ตกลง 105 นี่สูงใช่มั้ย? สูงใช่ป่ะ? ต้องระวัง จริงๆ!

น้ำตาล100ปกติไหม

ระดับน้ำตาล 100 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร? อื้อหือ! ใกล้เคียงเส้นแบ่งระหว่าง “ปกติ” กับ “เตรียมตัวรับกรรม” จะว่าไปก็คล้ายๆ กับผมตอนเลือกซื้อลอตเตอรี่ เสียววาบ! เกือบจะได้รางวัลใหญ่แล้ว แต่ก็ยังไม่ถึง!

  • 100 มก./ดล. คืออะไร? อยู่บนเส้นด้าย! มันคือโซนอันตราย เหมือนเดินอยู่บนสะพานขาด อีกนิดเดียวก็ตกน้ำแล้ว! นี่คือระดับน้ำตาลในเลือดที่แพทย์จะเริ่มส่งสายตาจ้องเขม็งแล้วครับท่าน!

  • เกิน 100 แต่ยังไม่ถึง 126 มก./ดล. ทำไงดี? อย่าได้ชะล่าใจ! รีบเปลี่ยนพฤติกรรมด่วน! เหมือนรถที่กำลังวิ่งลงเขา ถ้าไม่เบรก เดี๋ยวก็ตกเหว! ลดแป้ง ลดหวาน ออกกำลังกายแบบหักดิบ อย่าให้ถึงขั้นเป็นเบาหวานเต็มตัว ไม่งั้นชีวิตจะเปลี่ยนจากสีสันสดใส กลายเป็นขาวดำจืดชืดทันที!

  • ปีนี้ผมตรวจสุขภาพแล้วนะ คุณหมอบอกว่าต้องระวัง ให้ลดน้ำหนักสัก 5 กิโล นี่คือคำสั่งจากหมอ! ไม่ใช่คำสั่งจากหัวหน้า! ถ้าไม่ทำตาม เตรียมรับมือกับยาเม็ดที่กินแล้วรู้สึกเหมือนกลืนก้อนหินได้เลย!

  • สรุปง่ายๆ 100 มก./ดล. ไม่ใช่ตัวเลขสวยงาม รีบปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต อย่าให้ถึงขั้นต้องฉีดยา! คิดซะว่าเป็นการลงทุน ลงทุนเพื่อสุขภาพที่ดี ไม่งั้นอนาคตจะได้แต่กินยาแก้เบาหวานจนเบื่อ! เชื่อผมเถอะครับ ผมเคยกินยาจนเบื่อมาแล้ว!

เพิ่มเติม: ข้อมูลนี้เป็นความรู้ทั่วไป ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์ ถ้ามีข้อสงสัย รีบปรึกษาแพทย์ อย่ามัวแต่เชื่อไอ้คนไร้ประสบการณ์อย่างผม! โรคเบาหวานไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะครับ!

น้ำตาล 170 สูงไหม

น้ำตาล 170 เนี่ยนะ… สูง! สูงปรี๊ด! เหมือนราคาข้าวแกงแถวออฟฟิศ (ที่ขึ้นเอาๆ)

  • เอาจริง: เกิน 126 mg/dL ตอนเช้าท้องว่าง = เบาหวาน ถามหมอด่วน! อย่าคิดเองเออเองว่า “ไม่เป็นไรมั้ง”
  • ทำไมต้องเครียด: น้ำตาลสูงสะสมนานๆ เหมือนผ่อนบ้านไม่จ่าย… ดอกเบี้ยบานปลาย! ไตพัง ตาเสีย เส้นประสาทอักเสบ… สารพัดจะมา
  • แล้วไงต่อ: ไปหาหมอ! เจาะเลือด! อย่ากลัว! กลัวเข็มยังดีกว่ากลัวโรคแทรกซ้อน
  • ย้ำ: วัดครั้งเดียวอย่าเพิ่งด่วนสรุป ไปตรวจซ้ำ!
  • แถม: กินหวานให้น้อยลง ออกกำลังกายบ้าง อย่าขี้เกียจ! ชีวิตไม่ได้มีแต่ Netflix

ป.ล. อย่ามาถามว่า “กินอะไรได้บ้าง” ไปถามหมอ! เขาเรียนมา! ไม่ใช่กูเกิล!

น้ําตาล 180 อันตรายไหม

น้ำตาล 180… อันตรายไหมนะ สำหรับคนเป็นเบาหวาน?

มันเหมือนเส้นบาง ๆ เลยนะ

ก่อนกินข้าว ไม่ควรเกิน 130 อ่ะ

หลังกินข้าว ไม่ควรเกิน 180

ถ้าเกิน… ก็สูงแล้ว ต้องระวัง

แต่ถ้า 250 ขึ้น… อันตรายเลย

  • เสี่ยงเลือดเป็นกรด
  • อาจส่งผลเสียกับอวัยวะ

300 นี่… ควรไปหาหมอแล้วนะ

มันน่ากลัว… โรคนี้

ทำไมต้องเป็นเรานะ?

  • ค่าปกติ: ก่อนกิน
  • ค่าสูง: > 180 (หลังกิน)
  • ค่าอันตราย: > 250 (เสี่ยงภาวะเลือดเป็นกรด)
  • ค่าที่ควรพบแพทย์: > 300

น้ำตาล 160 สูงไหม

โอ๊ย! น้ำตาล 160 นี่มัน “หวานเจี๊ยบ” เกินไปแล้วป้า! 😅 คือระดับน้ำตาลในเลือดมันควรจะ “พอดี๊ พอดี” เหมือนคนกินข้าวอิ่มใหม่ๆ ไม่ใช่ไปกินขนมเค้กมา 10 ชิ้น!

ถ้าหมอบอกว่า 100-125 นี่คือ “โอเค” แต่ 160 นี่มัน “เกินเบอร์” ไปเยอะแล้วนะแก! ระวัง “มดขึ้น” ในเส้นเลือดเอาน่ะ!

สรุปง่ายๆ:

  • 100-125: ชิลล์ๆ เหมือนนั่งจิบกาแฟ
  • 160: เตรียมตัว “วิ่งหนีเบาหวาน” ได้เลย! 🏃‍♀️🏃‍♂️

วิธีแก้ (แบบบ้านๆ):

  • กิน: ผักเยอะๆ เหมือนเป็น “ควายกินหญ้า” 🥬🥦🥕
  • ลด: ข้าวขาว น้ำหวาน เหมือน “เลิกเหล้า” 🍺🥤🍩
  • ออกกำลังกาย: เดินๆ วิ่งๆ เหมือน “หมาไล่แมว” 🐕‍🦺🐈
  • ไปหาหมอ: อย่าคิดเองเออเอง เดี๋ยว “งานเข้า” นะจ๊ะ! 🩺

ป.ล. เรื่องแบบนี้อย่าปล่อยไว้นะป้า! เดี๋ยวเบาหวานถามหา มันจะ “ซวย” เอาเด้อ! 🚑

น้ำตาลสูง 160 อันตรายไหม

น้ำตาล 160 นี่อันตรายมั้ย? อืม, มาดูกัน

ระดับน้ำตาล 160 mg/dL เนี่ย ถือว่าสูงกว่าเกณฑ์ปกตินะ (ปกติเขาว่ากันไม่ควรเกิน 100 ตอนท้องว่าง, หลังอาหารก็ไม่ควรเกิน 140). ถ้าเจาะเลือดแล้วเจอ 160 นี่แปลว่ามีภาวะน้ำตาลสูง (hyperglycemia) แล้วล่ะ

  • ถ้าสูงแค่ครั้งเดียว: อาจจะเพราะกินหวานจัดไปหน่อยเมื่อวานซืน? แต่ถ้าสูงบ่อยๆ ต้องระวัง
  • ถ้า 170 ขึ้นไป: นี่อาจจะเข้าข่ายเบาหวานเลยนะ ต้องไปหาหมอตรวจละเอียดหน่อย
  • อันตรายไหม: ขึ้นอยู่กับว่าสูงนานแค่ไหน สูงขนาดไหน และมีโรคประจำตัวอื่นหรือเปล่า

ทำไมต้องระวัง?

  • น้ำตาลสูงนานๆ ทำลายหลอดเลือดเล็กๆ ทั่วร่างกาย (อันนี้เรื่องใหญ่)
  • เสี่ยงโรคไต โรคหัวใจ โรคเส้นประสาท ตาบอด (อันนี้พูดจริงไม่ได้ขู่)

แล้วต้องทำไง?

  • ไปหาหมอตรวจเลือดแบบละเอียด (อย่าเชื่อแค่เครื่องวัดที่บ้าน)
  • คุมอาหาร ลดแป้ง ลดน้ำตาล (ชีวิตมันเศร้าตรงนี้แหละ)
  • ออกกำลังกายบ้าง (ขยับตัวเยอะๆ ช่วยได้จริง)

ผมเคยเจอน้องที่ทำงานน้ำตาลสูงเพราะชอบกินชานมไข่มุกทุกวัน… สุดท้ายต้องงดไปเลย น่าสงสารแต่ก็สมควรนะ

เกร็ดเล็กน้อย: จริงๆ แล้วการที่ร่างกาย “ดื้ออินซูลิน” ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้น้ำตาลสูงได้ อินซูลินเนี่ยเหมือนกุญแจที่เปิดประตูให้กลูโคสเข้าไปในเซลล์ ถ้า “กุญแจ” ใช้ไม่ได้ผล น้ำตาลก็ลอยเท้งเต้งอยู่ในกระแสเลือดนั่นแหละ

คนปกติระดับน้ําตาลจะอยู่ระหว่างเท่าใดในเลือด 100 ซีซี

ระดับน้ำตาลในเลือดนะเหรอ ฮ่าๆ เหมือนวัดใจเลยว่าคุณกินขนมปังปิ้งไปกี่แผ่นเช้านี้!

ปกติแล้วนะ (เน้นนะ! เพราะร่างกายเรานี่ช่างซับซ้อนเหมือนซูชิกลิ้งๆๆ) ระดับน้ำตาลในเลือด 100 ซีซี (หรือ 1 เดซิลิตร) ขณะท้องว่างเนี่ย ควรอยู่ในช่วง 70-100 มิลลิกรัม/เดซิลิตร คิดภาพเป็นนักร้องเสียงนุ่มๆที่อยู่ตรงกลางๆโน้ตดนตรีไง เพราะถ้าต่ำไปก็เพลีย สูงไปก็หวานเกินไป!

แต่ถ้าเพิ่งกินข้าวเสร็จ ผ่านไป 2 ชั่วโมงแล้ว ระดับน้ำตาลไม่ควรเกิน 140 มิลลิกรัม/เดซิลิตร เกินกว่านี้ เตรียมตัวไปวิ่งรอบสนามบาสซัก 10 รอบเลยจ้าาาาา

  • ท้องว่าง (วัดความอดทน): 70-100 มก./ดล. (เหมือนรอคิวเล่นเครื่องเล่นในสวนสนุกอ่ะ ต้องอดทน!)
  • หลังกิน 2 ชม. (วัดความเก่งในการเผาผลาญ): ไม่เกิน 140 มก./ดล. (ถ้าเกิน แสดงว่าร่างกายของคุณกำลังจัดปาร์ตี้สงกรานต์กับน้ำตาล!)

แต่ระวัง! นี่เป็นแค่ค่าเฉลี่ยนะจ๊ะ เหมือนบอกว่าคนไทยส่วนใหญ่นับถือพุทธ แต่ก็มีบางคนนับถือศาสนาอื่น ร่างกายแต่ละคนไม่เหมือนกัน อายุ เพศ สุขภาพ ยีน ล้วนมีผล ถ้าสงสัย ไปปรึกษาคุณหมอดีกว่า อย่ามั่วตรวจเอง! ฉันนี่ไม่ใช่หมอ แค่คนขำๆที่ชอบเสิร์ชกูเกิล ปี 2566 นี่ข้อมูลอัพเดทสุดๆแล้วนะ อย่ามาถามอีกนะว่าปีที่แล้วเป็นเท่าไหร่!

น้ำตาลสะสมสูงแก้ไขอย่างไร

เอ่อ น้ำตาลสะสมสูง? แก้ไงดีวะเนี่ย… คือหมอบอกว่าต้องรีบลด! ด่วนๆ เลยนะ ไม่งั้น…ไม่อยากคิด!

  • น้ำเปล่า! โบกมือลาน้ำหวานไปเลย จำไว้! สำคัญมากกกก
  • ข้าวกล้องเท่านั้น! ข้าวขาวบ๊ายบายก่อนนะช่วงนี้ ข้าวไรซ์เบอร์รี่ก็ได้นะ อร่อยดีออก
  • ผัก! ผัก! ผัก! ต้องมีผักทุกมื้อเลยนะแก กินเยอะๆ ไปเลย จบ!
  • เลิกกินจุบจิบ! อันนี้ยากสุด T_T แต่ต้องทำเพื่อสุขภาพ!
  • ออกกำลังกายเหรอ? ขี้เกียจอ่ะ แต่ก็ต้องทำ… อ่ะๆ ทำให้ก็ได้วะ

เพิ่มเติม:

  • น้ำตาลสะสมคืออะไร: มันคือค่าเฉลี่ยน้ำตาลในเลือดช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาอ่ะนะ หมอบอกมา
  • ทำไมต้องลด: คือถ้าไม่ลดเสี่ยงเบาหวานไงแก! น่ากลัวมาก
  • ผักอะไรดี: ผักใบเขียวอ่ะดีหมดเลย บรอกโคลี ผักคะน้า อะไรแบบนี้
  • ออกกำลังกายแบบไหน: เดินเร็วๆ ก็ได้นะ ไม่ต้องถึงขั้นวิ่งมาราธอนหรอกมั้ง?
  • ข้อมูลปีนี้: ปีนี้ 2567 แล้วนะจ๊ะ
  • หมอหมีเม้าท์มอย: ช่องนี้เค้าให้ความรู้เรื่องสุขภาพเยอะนะ ลองไปดูดิ
  • 3 เดือน: หมอบอกว่าถ้าทำตามนี้ 3 เดือนเจอกันใหม่ แล้วน้ำตาลสะสมจะลง! สาธุ!
  • ข้าวไม่ขัดสี: มันดีกว่าตรงที่มันมีใยอาหารเยอะไง ช่วยคุมน้ำตาลได้ดีกว่าข้าวขาว
  • อาหารจุกจิก: พวกขนม น้ำหวาน ลูกอม ช็อกโกแลต บลาๆๆ อ้วนด้วย น้ำตาลขึ้นด้วย
  • กด Like กดแชร์ กด Subscribe กดกระดิ่ง: อันนี้ไม่ได้บังคับนะ แต่ถ้าอยากให้กำลังใจหมอหมีก็ตามสบายเลยจ้า
  • ใคร: ไม่บอกหรอกว่าใครบอกมา ปิดเป็นความลับ! จบ!

กินอะไรช่วยลดน้ำตาลสะสมในเลือด

น้ำตาลสะสมต่ำลง? ง่ายๆ แค่นี้:

  • ข้าวกล้อง: ขัดสีน้อย. ดัชนีน้ำตาลต่ำกว่า.
  • มื้อเย็น: เร็วขึ้น. ร่างกายเผาผลาญดีกว่า.
  • น้ำเปล่า: ดับกระหาย. ลดการดื่มน้ำหวาน.
  • ขยับ: 30 นาที. เบิร์นแคลอรี่.
  • ผัก: มากเข้าไว้. ไฟเบอร์สูง.
  • ของทอด: งด. ไขมันเลวเพียบ.
  • ปลา: โปรตีน. ดีต่อใจ.

ชีวิต…เรียบง่ายเกินไปบางที.

ข้อมูลเสริม:

  • ดัชนีน้ำตาล (Glycemic Index: GI) คือ ค่าที่บ่งบอกว่าอาหารชนิดนั้นมีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดมากน้อยแค่ไหน อาหาร GI ต่ำ ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลได้ดีกว่า.
  • การออกกำลังกายควรทำควบคู่กับการควบคุมอาหาร เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด. ไม่จำเป็นต้องหักโหม แค่เดินเร็วก็ช่วยได้.
  • ปลาที่มีไขมันดี เช่น แซลมอน ทูน่า มีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด.

กิน…แค่พออยู่.

#102กรัม #น้ำตาล #อันตราย