เบาหวานขึ้นสูงสุดเท่าไร

8 การดู

ระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกิน 250 mg/dL ถือเป็นภาวะอันตราย เสี่ยงภาวะเลือดเป็นกรดและส่งผลเสียต่ออวัยวะสำคัญ หากระดับน้ำตาลสูงเกิน 200 mg/dL ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเสี่ยงและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม ควบคุมอาหารและออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อรักษาระดับน้ำตาลให้ปกติ

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

เบาหวานขึ้นสูงสุดแค่ไหนถึงอันตราย: ไขข้อสงสัยและแนวทางการดูแล

เบาหวาน โรคเรื้อรังที่เกิดจากความผิดปกติของระดับน้ำตาลในเลือด เป็นภัยเงียบที่คุกคามสุขภาพของคนไทยจำนวนมาก การทำความเข้าใจระดับน้ำตาลในเลือดที่เหมาะสม รวมถึงระดับที่ถือว่าอันตราย จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้น

ระดับน้ำตาลในเลือดเท่าไหร่ที่เรียกว่า “สูง” และเมื่อไหร่ที่ต้องกังวล?

โดยทั่วไป ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงกว่าปกติ อาจบ่งบอกถึงภาวะเบาหวานหรือภาวะก่อนเบาหวาน หากคุณไม่ได้เป็นเบาหวานและตรวจพบว่าระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเสี่ยงและหาสาเหตุ

สำหรับผู้ที่เป็นเบาหวานอยู่แล้ว การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงเกินไปเป็นเวลานาน จะส่งผลเสียต่ออวัยวะต่างๆ ในร่างกาย

ตัวเลขที่ต้องระวัง: เกิน 200 mg/dL และ 250 mg/dL คือสัญญาณอันตราย

อย่างที่กล่าวไปข้างต้น หากระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกิน 200 mg/dL ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเสี่ยงและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม แม้ว่าอาจจะยังไม่ถึงขั้นวิกฤต แต่ถือเป็นสัญญาณเตือนที่ต้องใส่ใจและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อควบคุมระดับน้ำตาล

ระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกิน 250 mg/dL ถือเป็นภาวะอันตราย และควรได้รับการดูแลจากแพทย์โดยด่วน เนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเลือดเป็นกรด (Diabetic Ketoacidosis หรือ DKA) ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงที่อาจถึงแก่ชีวิตได้ ภาวะเลือดเป็นกรดเกิดจากการที่ร่างกายขาดอินซูลิน ทำให้ร่างกายไม่สามารถนำกลูโคสไปใช้เป็นพลังงานได้ และหันไปเผาผลาญไขมันแทน ซึ่งกระบวนการนี้จะสร้างสารคีโตน (ketones) ที่เป็นกรดออกมา ทำให้เลือดมีความเป็นกรดมากเกินไป

อาการที่บ่งบอกว่าระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินไป:

  • ปัสสาวะบ่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลากลางคืน
  • กระหายน้ำมากผิดปกติ
  • น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
  • สายตาพร่ามัว
  • เหนื่อยล้า อ่อนเพลีย
  • แผลหายช้า
  • ติดเชื้อง่าย

แนวทางการดูแลและป้องกัน:

  • พบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพเป็นประจำ: โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีปัจจัยเสี่ยง เช่น มีประวัติคนในครอบครัวเป็นเบาหวาน น้ำหนักเกิน หรือไม่ออกกำลังกาย
  • ควบคุมอาหาร: เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูง แป้งขัดสี และไขมันอิ่มตัว
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: การออกกำลังกายช่วยให้ร่างกายใช้อินซูลินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
  • ใช้ยาตามที่แพทย์สั่ง: หากเป็นเบาหวานแล้ว การรับประทานยาหรือฉีดอินซูลินตามที่แพทย์สั่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการควบคุมระดับน้ำตาล
  • ตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดด้วยตัวเอง: ช่วยให้ทราบถึงระดับน้ำตาลในเลือดและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เหมาะสม
  • เรียนรู้เกี่ยวกับเบาหวาน: การมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคเบาหวาน จะช่วยให้สามารถจัดการกับโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

สรุป

การทำความเข้าใจระดับน้ำตาลในเลือดที่เหมาะสม และการตระหนักถึงสัญญาณอันตราย เป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงจากเบาหวาน หากพบว่าระดับน้ำตาลในเลือดสูงผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเสี่ยงและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม การควบคุมอาหาร ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ จะช่วยให้สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม และมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้