งดน้ำตาล1เดือนจะเกิดอะไรขึ้น

33 การดู

งดน้ำตาล 1 เดือน: ผลลัพธ์สุดคุ้ม!

  • พลังงานเสถียร: ลดอาการเหนื่อยล้าจากน้ำตาลตก ร่างกายใช้ไขมันเป็นพลังงานทดแทน ได้พลังงานต่อเนื่องตลอดวัน

  • สมองปลอดโปร่ง: ความจำดีขึ้น มีสมาธิมากขึ้น สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • สุขภาพดีขึ้น: (อาจมีผลดีต่อน้ำหนัก ผิวพรรณ และสุขภาพโดยรวม แต่ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆด้วย)

เริ่มต้นง่ายๆ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

งดน้ำตาล 1 เดือนดีไหม? ผิวใสขึ้นจริงหรือ? มีผลต่อสุขภาพและน้ำหนักอย่างไรบ้าง?

งดน้ำตาลเดือนนึงดีมั้ย? เอาจริงๆนะ ตอนนั้นเพื่อนสนิทฉัน อายุประมาณยี่สิบต้นๆ ลองงดเดือนนึงเต็มๆ บอกว่าผิวใสขึ้นจริง! แต่ของมันก็ขึ้นอยู่กับคนด้วยนะ เพื่อนฉันมันกินน้ำตาลเยอะมาก่อน แบบโค-ตะ-ระเยอะอะ ขนมหวาน น้ำอัดลม ทุกวันๆ เลยเห็นผลชัดเจน แต่ฉันลองงดแค่สองอาทิตย์เอง ก็รู้สึกว่า มันก็ดีขึ้นนะ แต่ไม่เท่าเพื่อน งงเหมือนกัน อิอิ

เรื่องน้ำหนัก เพื่อนฉันผอมลงไปสามโล แต่ฉัน เท่าเดิมเลย อาจเพราะฉันก็ออกกำลังกายอยู่แล้ว เรื่องนี้มันไม่ชัวร์หรอก ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง อย่างเช่น ฉันกินอย่างอื่นเยอะขึ้นแทนก็เป็นได้ คือ งดน้ำตาลอย่างเดียว มันอาจจะไม่เห็นผลอะไรมาก ถ้าไม่ควบคุมอาหารอย่างอื่นด้วย ช่ายไหม?

ส่วนเรื่องพลังงาน ฉันว่ามันก็จริงนะที่ว่ามีพลังงานมากขึ้น แต่เพื่อนฉัน บอกว่าช่วงแรกๆ มันเหนื่อยมาก แบบโคตรเหนื่อยเลยอะ ต้องปรับตัวนาน เป็นเดือนกว่าจะรู้สึกดี มันบอกว่า เป็นเพราะร่างกายปรับเปลี่ยน จากพลังงานจากน้ำตาลมาเป็นไขมัน มันก็เลยเหนื่อย แต่หลังจากนั้น มันก็โอเค รู้สึกมีสมาธิขึ้นด้วย สมองปลอดโปร่ง สรุป แล้วแต่คน แต่ส่วนตัวฉัน รู้สึกว่า งดบ้างก็ดีนะ แต่ไม่จำเป็นต้องงดทั้งหมด อย่างน้อยก็ลดลงได้ เนอะ

ลดน้ำตาล เริ่มยังไง

เอาจริง ๆ นะ เรื่องลดน้ำตาลนี่ เมื่อก่อนไม่เคยคิดจะทำเลยอ่ะ ชีวิตมันต้องมีหวานบ้างดิ! แต่พอไปตรวจสุขภาพมาเมื่อต้นปี หมอบอกว่า “น้ำตาลสูงไปนิดนะครับคุณ…” ไอ้คำว่า “นิด” นี่แหละที่ทำให้ใจแป้ว เลยต้องฮึดสู้!

  • ฝึกสั่งหวานน้อย: นี่คือ the best! เมื่อก่อนสั่งชาเย็นคือหวานเจี๊ยบ ตอนนี้สั่ง “หวานน้อยค่ะ/ครับ” ติดปากละ

  • เลือกดื่มน้ำเปล่าคู่มื้ออาหาร: เมื่อก่อนกินข้าวต้องมีน้ำอัดลม ตอนนี้คือน้ำเปล่าวนไปค่ะ จริง ๆ มันก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิดนะ

  • งดเติมน้ำตาลเพิ่มในอาหาร ลดน้ำจิ้ม: อันนี้ยากสุด! ชอบกินก๋วยเตี๋ยวปรุง แต่ตอนนี้คือพยายามกินแบบไม่ปรุงเลย หรือไม่ก็ใส่น้ำตาลนิดเดียวจริง ๆ ส่วนน้ำจิ้มนี่คือต้องเตือนตัวเองตลอดว่า “อย่าเยอะ!”

  • เลือกผลไม้สดหวานน้อย: เมื่อก่อนบ่าย ๆ ต้องเค้ก ต้องขนม ตอนนี้คือฝรั่ง ชมพู่ แก้วมังกรวนไป ผลไม้ไทย ๆ นี่แหละดีสุด

  • เน้นผลิตภัณฑ์ ทางเลือกสุขภาพ: เดี๋ยวนี้นม น้ำเต้าหู้ ขนมปัง มีแบบ “น้ำตาลน้อย” “ไม่เติมน้ำตาล” เยอะมาก ลองหาดูค่ะ

คือมันก็ไม่ได้ง่ายนะ บางทีก็มีหลุดบ้าง แต่พยายามทำไปเรื่อย ๆ อ่ะ สุขภาพดีขึ้นก็คุ้มแล้วป่ะ!

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย (จากประสบการณ์ตรง):

  • อย่าหักดิบ: ค่อย ๆ ลดดีกว่า ทรมานน้อยกว่าเยอะ

  • หาเพื่อน: ชวนเพื่อนลดน้ำตาลไปด้วยกัน มันจะมีกำลังใจขึ้นเยอะเลย

  • อย่าท้อ: บางวันอาจจะกินเยอะไปบ้าง ไม่เป็นไร เริ่มใหม่วันพรุ่งนี้!

  • อ่านฉลาก: สำคัญมาก! ดูปริมาณน้ำตาลก่อนซื้อทุกครั้ง

  • ทำอาหารกินเอง: ควบคุมปริมาณน้ำตาลได้ง่ายกว่าเยอะเลย

หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะ! สู้ ๆ ค่ะทุกคน!

น้ำตาลในร่างกายขับออกทางไหน

น้ำตาลในร่างกาย? เอ่อ… ขับออกทางไหนเหรอ? ตอนเด็ก ๆ แม่ชอบบ่นว่ากินหวานแล้วฉี่มดขึ้น คือ ตอนนั้นไม่เข้าใจหรอก คิดว่าแม่ขู่เฉย ๆ แต่โตมาถึงรู้ว่าจริง!

หลัก ๆ เลยคือ ปัสสาวะ นั่นแหละ ตอนน้ำตาลในเลือดมันเยอะเกิน (แบบกินเค้ก 3 ก้อนรวดเดียวงี้ 😅) ไตมันก็จะทำงานหนักมาก พยายามดูดน้ำตาลกลับไปใช้ แต่ถ้ามันเยอะเกินไป มันก็ดูดไม่ไหวไง ก็เลยต้องปล่อยทิ้งไปกับฉี่

เคยตรวจสุขภาพประจำปี (ที่ รพ. รามาฯ เมื่อเดือนที่แล้ว) หมอบอกว่าถ้าฉี่มีน้ำตาลเยอะ แสดงว่าระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินไป ต้องคุมอาหารนะ! (โดนดุเลย 🥺)

ส่วนเหงื่อกับอึ? เอ่อ… ก็น่าจะมีบ้างแหละ แต่คงน้อยมาก ๆ ไม่น่าจะใช่ทางหลักที่ร่างกายใช้ขับน้ำตาลออกหรอกมั้ง

สรุป:

  • ปัสสาวะ: ทางหลักในการขับน้ำตาลส่วนเกิน
  • ไต: อวัยวะสำคัญในการกรองน้ำตาล
  • เหงื่อ/อุจจาระ: อาจมีน้ำตาลปนออกมาบ้าง แต่ปริมาณน้อย
  • ตรวจสุขภาพ: ตรวจปัสสาวะช่วยเช็คระดับน้ำตาลได้
  • อาหาร: คุมอาหารสำคัญมาก ๆ ถ้าไม่อยากฉี่หวาน! (แอบกลัวโดนตัดขา 😱)

ลดน้ำตาล ใช้เวลากี่วัน

ระยะเวลาในการลดน้ำตาลขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย และไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวที่เหมาะกับทุกคน การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาและความสม่ำเสมอ การลดน้ำตาลอย่างค่อยเป็นค่อยไปจะช่วยให้ร่างกายปรับตัวได้ดีกว่าการหักดิบ ซึ่งอาจนำไปสู่ผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้

  • ปัจจัยที่มีผลต่อระยะเวลา: ปริมาณน้ำตาลที่บริโภคเป็นประจำ, สุขภาพโดยรวม, รูปแบบการใช้ชีวิต, และความมุ่งมั่นในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
  • หลักการพื้นฐาน: เริ่มต้นด้วยการลดปริมาณเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง เช่น น้ำอัดลมและน้ำผลไม้สำเร็จรูป จากนั้นให้ความสำคัญกับการอ่านฉลากโภชนาการเพื่อหลีกเลี่ยงน้ำตาลที่ซ่อนอยู่ในอาหารแปรรูป
  • เป้าหมายระยะสั้น: ตั้งเป้าหมายที่สามารถทำได้จริง เช่น ลดปริมาณน้ำตาลที่เติมในกาแฟหรือชาลงครึ่งหนึ่ง
  • เป้าหมายระยะยาว: มุ่งเน้นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินในระยะยาว เพื่อรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่และลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง

ทำไมต้องค่อยเป็นค่อยไป? การลดน้ำตาลอย่างรวดเร็วอาจทำให้เกิดอาการถอนน้ำตาล เช่น ปวดหัว อ่อนเพลีย และหงุดหงิด การลดอย่างค่อยเป็นค่อยไปช่วยให้ร่างกายปรับตัวได้ดีขึ้น และเพิ่มโอกาสในการรักษานิสัยใหม่ในระยะยาวได้

การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการกินเป็นเหมือนการเดินทาง ไม่ใช่แค่การไปถึงจุดหมายปลายทาง แต่คือการเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตอย่างมีสติและใส่ใจสุขภาพมากขึ้นในทุกๆ วัน

ลดน้ำตาลจะผอมไหม

จริงดิ! เรื่องลดน้ำตาลนี่นะ ฉันลองมาแล้ว ปีนี้เลย ตั้งแต่เดือนมีนาคม ตัดขาดน้ำตาลในเครื่องดื่มหมดเลย น้ำอัดลม ชาไข่มุก พวกนั้นลาขาด! แรกๆ ทรมานมาก แบบโคตรอยากกินชาไข่มุก ร้านโปรดแถวๆ ม.กรุงเทพ รังสิต นึกถึงทุกวัน แต่ก็อดทน เพราะเป้าหมายคือลดพุง พุงฉันตอนนั้น ใหญ่กว่าปกติเยอะ เห็นแล้วเครียด

ผลลัพธ์นะเหรอ? ก็ลดลงบ้าง แต่ไม่ใช่แบบเวอร์วังอลังการ ประมาณ 2 กิโล อาจเพราะฉันไม่ได้ควบคุมอาหารอย่างอื่นด้วย ยังกินพวกของทอด ของมันอยู่บ้าง กินข้าวเยอะด้วย สรุปคือ แค่ลดน้ำตาลอย่างเดียวไม่พอ ต้องควบคุมทุกอย่าง

  • ลดน้ำตาล มีนาคม 2566
  • น้ำหนักลด 2 กิโลกรัม
  • ยังกินของทอด ของมัน ข้าวเยอะ

อ้อ อีกอย่าง ช่วงแรกๆ เวียนหัว อ่อนเพลีย นอนไม่ค่อยหลับ แต่ก็หายไปเอง สักอาทิตย์นึง ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นเยอะ แต่ยังต้องระวังอยู่ เพราะของหวานมันล่อใจจริงๆ

เห็นไหม ไม่ได้ผอมปุ๊บปั๊บอย่างที่คิด ต้องทำหลายๆอย่างควบคู่กันไป แค่ลดน้ำตาลอย่างเดียวไม่พอ อยากผอมจริง ต้องควบคุมทุกอย่าง ทั้งอาหาร การออกกำลังกาย นอนให้เพียงพอ

#งดน้ำตาล #ผลกระทบสุขภาพ