ต่อมทอนซิลอักเสบมีอาการแบบไหน

19 การดู

ต่อมทอนซิลอักเสบเกิดจากเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัส ทำให้ต่อมทอนซิลบวม แดง และเจ็บคอ อาจมีไข้ กลืนลำบาก มีจุดขาวหรือหนองบนต่อมทอนซิล หากอาการรุนแรงหรือเรื้อรัง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาที่เหมาะสม

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

อาการของต่อมทอนซิลอักเสบ

ต่อมทอนซิลอักเสบเป็นภาวะที่ต่อมทอนซิล ซึ่งเป็นก้อนเนื้ออ่อนกลมสองข้างที่ด้านหลังลำคอ บวมและอักเสบ อาการโดยทั่วไปของต่อมทอนซิลอักเสบ ได้แก่:

  • เจ็บคอ: อาการที่พบบ่อยที่สุดคือเจ็บคออย่างรุนแรง ซึ่งอาจรุนแรงขึ้นเมื่อกลืนน้ำลายหรืออาหาร
  • ต่อมทอนซิลบวมแดง: ต่อมทอนซิลจะบวมใหญ่และแดง โดยอาจมีจุดขาวหรือหนองปรากฏบนพื้นผิว
  • ไข้: ผู้ป่วยอาจมีไข้สูงถึง 103 องศาฟาเรนไฮต์
  • กลืนลำบาก: การบวมของต่อมทอนซิลอาจทำให้กลืนอาหารและน้ำได้ยาก
  • เสียงแหบ: การอักเสบอาจส่งผลให้เสียงแหบหรือหายใจลำบาก
  • ต่อมน้ำเหลืองที่คอบวม: ต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ใต้ขากรรไกรและลำคออาจบวมและเจ็บ

สาเหตุของต่อมทอนซิลอักเสบ

ต่อมทอนซิลอักเสบเกิดขึ้นได้จากทั้งการติดเชื้อแบคทีเรียและไวรัส เชื้อที่พบบ่อยที่สุดที่ก่อให้เกิดต่อมทอนซิลอักเสบบางชนิด ได้แก่:

  • เชื้อแบคทีเรียกลุ่ม A Streptococcus (strep): เชื้อนี้เป็นสาเหตุของโรคคออักเสบซึ่งนำไปสู่ต่อมทอนซิลอักเสบได้
  • เชื้อไวรัส: ไวรัสชนิดต่างๆ รวมถึงไวรัสหวัด ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ และอีปสไตน์-บาร์ (EBV) อาจทำให้เกิดต่อมทอนซิลอักเสบได้

การรักษาต่อมทอนซิลอักเสบ

การรักษาต่อมทอนซิลอักเสบจะขึ้นอยู่กับสาเหตุที่แท้จริงของการติดเชื้อ หากมีสาเหตุจากแบคทีเรีย ยาปฏิชีวนะจะใช้เพื่อฆ่าเชื้อและบรรเทาอาการ สำหรับต่อมทอนซิลอักเสบจากไวรัส อาการจะทุเลาลงตามเวลา และการรักษาจะเป็นแบบประคับประคองเพื่อลดความรู้สึกไม่สบาย

ในกรณีต่อมทอนซิลอักเสบเรื้อรังหรือรุนแรง แพทย์อาจแนะนำให้ผ่าตัดเอาต่อมทอนซิลออกเพื่อป้องกันการติดเชื้อในอนาคต

การวินิจฉัย

หากสงสัยว่าเป็นต่อมทอนซิลอักเสบ การตรวจร่างกายโดยแพทย์เป็นสิ่งสำคัญ แพทย์จะตรวจดูลำคอและต่อมทอนซิลเพื่อหาสัญญาณของการอักเสบหรือการติดเชื้อ ในบางกรณี แพทย์อาจสั่งให้ทำสวอปคอเพื่อยืนยันการติดเชื้อจากแบคทีเรีย

การป้องกัน

การป้องกันการติดต่อมทอนซิลอักเสบทำได้ยากเนื่องจากมักเกิดจากการสัมผัสกับเชื้อที่แพร่กระจายได้ง่าย อย่างไรก็ตาม มาตรการสุขอนามัยที่ดีสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อได้ ได้แก่:

  • ล้างมือบ่อยๆ
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ป่วย
  • ปิดปากและจมูกเมื่อไอหรือจาม
  • ทำความสะอาดพื้นผิวที่สัมผัสบ่อยๆ