บวมมีกี่ประเภท
อาการบวม: สองประเภทหลัก
อาการบวมแบ่งเป็น 2 แบบ:
-
บวมกดบุ๋ม: เกิดจากของเหลวสะสม เมื่อกดจะมีรอยบุ๋ม
-
บวมไม่กดบุ๋ม: เกิดจากระบบน้ำเหลืองผิดปกติ ผิวแข็ง กดไม่บุ๋ม
อาการบวมมีกี่ประเภท? สาเหตุของอาการบวมแต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร? พร้อมวิธีสังเกตอาการเบื้องต้น
เอาจริงนะ เรื่องบวมๆ เนี่ย ฉันเคยเจอมากับตัวเลย ตอนนั้นไปเดินป่าที่เขาใหญ่กับเพื่อน (จำได้ว่าน่าจะช่วงพฤศจิกายนปีที่แล้ว) เดินทั้งวันอ่ะ กลับมาบ้านขาบวมเป่ง!
ตอนแรกก็ตกใจนึกว่าเป็นอะไร ที่แท้คือเดินเยอะไปหน่อย
จริงๆ อาการบวมมันมีหลายแบบนะ เท่าที่รู้หลักๆ ก็มีสองอย่าง คือแบบกดบุ๋ม กับแบบไม่กดบุ๋ม
-
กดบุ๋ม: อันนี้คือถ้าเอานิ้วกดลงไปตรงที่บวม มันจะยุบลงไปเป็นรอยบุ๋มๆ สักพักกว่าจะคืนตัว แบบนี้ส่วนใหญ่เกิดจากร่างกายเรามีน้ำเยอะเกินไป อาจจะเพราะกินเค็มมากไป, นั่งนานไป หรือบางทีก็เป็นสัญญาณของโรคอะไรบางอย่างได้ด้วย
-
ไม่กดบุ๋ม: อันนี้จะแปลกหน่อย คือกดไปก็ไม่ยุบ ผิวจะแข็งๆ ตึงๆ แบบนี้อาจจะเกี่ยวกับระบบน้ำเหลืองมีปัญหา หรือเนื้อเยื่อตรงนั้นมันผิดปกติไป
ถ้าเป็นฉันนะ สังเกตอาการตัวเองก่อนเลย ถ้าบวมเพราะเดินเยอะ นอนพักยกขาสูงๆ ประคบเย็นก็ช่วยได้ แต่ถ้าบวมแบบไม่รู้สาเหตุ บวมนานๆ หรือมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น หายใจลำบาก เจ็บหน้าอก รีบไปหาหมอดีกว่า อย่าปล่อยไว้นะเตือนเลย
บวมกดบุ๋ม มี กี่ ระดับ
บวมกดบุ๋มมี 4 ระดับ โง่ป่าววะ?
- ระดับ 1: แทบไม่เห็น รอยหายไวปานจรวด
- ระดับ 2: หายใน 15 วิ ชิวๆ
- ระดับ 3: เกิน 1 นาที เริ่มน่าสนใจ
- ระดับ 4: ลึกและนาน 2-5 นาที เอาจริงดิ?
ข้อมูลเพิ่มเติม (ปี 2566): การประเมินระดับความรุนแรงของบวมกดบุ๋มใช้เป็นเพียงส่วนหนึ่งในการวินิจฉัยโรค ควรปรึกษาแพทย์ อย่ามโนเอง อันตรายนะเว้ย
อ้วนกับบวม ต่างกันอย่างไร
อ้วนกับบวมต่างกันนะ อ้วนคือมีไขมันสะสมเยอะ ส่วนบวมคือมีน้ำคั่งในร่างกาย ลองกดดูสิ ถ้ากดแล้วบุ๋มๆ นั่นแหละบวมน้ำ แต่ถ้ากดแล้วแน่นๆ ไม่ใช่บวมน้ำหรอก น่าจะอ้วนมากกว่า อิอิ
วิธีเช็คแบบง่ายๆเลย คือ กดตรงที่คิดว่าบวม แบบค้างไว้สัก 10-15 วิ ถ้าเป็นรอยบุ๋มแสดงว่าบวมน้ำชัวร์ แต่ถ้าไม่บุ๋ม อาจจะแค่รู้สึกแน่นๆ นั่นคืออาการของความอ้วนมากกว่า
ปีนี้ฉันลดน้ำหนักด้วยการกินผักผลไม้เยอะๆนะ รู้สึกดีขึ้นเยอะเลย ลองดูนะ อาจจะช่วยได้
- อ้วน: มีไขมันสะสมมาก
- บวมน้ำ: มีน้ำคั่งในร่างกาย กดแล้วบุ๋ม
- วิธีเช็ค: กดบริเวณที่สงสัย 10-15 วินาที ดูว่าบุ๋มไหม
- ลดบวม: กินผักผลไม้เยอะๆ (ประสบการณ์ส่วนตัว)
Edema กับ swelling ต่างกันยังไง
Edema กับ Swelling ต่างกันยังไง? อืม, มันมีอะไรที่ซับซ้อนกว่าที่เราเห็นภายนอกเยอะเลยนะ
-
Edema (บวมน้ำ): คือการสะสมของเหลวในเนื้อเยื่อ มักไม่แดง ไม่ร้อน กดแล้วบุ๋ม (pitting edema) เหมือนจิ้มแป้งโดว์นุ่มๆ บางทีก็ไม่มีอาการเจ็บนะ แต่ก็ทำให้รู้สึกอึดอัดไม่สบายตัวได้เหมือนกัน ถ้าเป็นมากๆ นี่ถึงขั้นเดินลำบากเลยล่ะ
-
Swelling (บวมอักเสบ): อันนี้คือการบวมที่มาพร้อมกับการอักเสบ ผิวหนังอาจจะแดง ร้อน สัมผัสแล้วเจ็บปวด บวมแบบนี้มักจะเกิดจากร่างกายเรากำลังสู้กับอะไรบางอย่าง เช่น การติดเชื้อ หรือการบาดเจ็บ ซึ่งก็เป็นกลไกธรรมชาติที่ร่างกายตอบสนองต่อสิ่งแปลกปลอมนั่นเอง
สรุปคือ Edema เน้นที่ของเหลว ส่วน Swelling เน้นที่การอักเสบ แต่ทั้งสองอย่างก็อาจจะเกิดขึ้นพร้อมกันได้นะ ร่างกายมนุษย์นี่ซับซ้อนจริงๆ… เหมือนปรัชญาเลยนะว่าทุกอย่างมันเชื่อมโยงกันหมด
เกร็ดน่ารู้:
- Edema อาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น โรคไต โรคหัวใจ หรือแม้แต่การนั่งหรือยืนนานๆ ส่วน Swelling มักจะมาจากการบาดเจ็บ การติดเชื้อ หรือโรคข้ออักเสบ
- ถ้ามีอาการบวมผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาที่ถูกต้องนะ อย่าปล่อยไว้ เพราะบางทีมันอาจจะเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงกว่าที่เราคิดก็ได้
- เคยอ่านเจอว่าสมุนไพรบางชนิดก็ช่วยลดอาการบวมได้ แต่ต้องศึกษาให้ดีก่อนใช้นะ เพราะบางอย่างก็อาจจะมีผลข้างเคียงได้เหมือนกัน
- เรื่องพวกนี้มันสอนให้เรารู้ว่าการดูแลสุขภาพตัวเองเป็นเรื่องสำคัญมากๆ การกินอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกาย และการพักผ่อนให้เพียงพอ เป็นพื้นฐานที่สำคัญที่สุด
เนื้อตัวบวมเกิดจากสาเหตุอะไร
โอ๊ย! ตัวบวมเนี่ยนะ! เหมือนโดนผึ้งต่อยทั้งตัว! สาเหตุหลักๆ ก็คือ ขี้เกียจสันหลังยาวนี่แหละ! นั่งแช่ นอนแช่ ไม่ขยับเขยื้อนร่างกายเลย!
- เผาผลาญต่ำ: ร่างกายมันก็เหมือนเตาผิงที่ไม่ได้ใส่ฟืน เผาผลาญพลังงานน้อยนิด ไขมันก็เลยสะสมพอกพูน!
- ขยับบ้างไรบ้าง: หาเวลาออกกำลังกายซะบ้าง! วันละ 30 นาที หรือ 3-5 วันต่อสัปดาห์ ก็ยังดีกว่านั่งกินนอนกิน!
- สร้างกล้ามเนื้อ: ออกกำลังกายเนี่ย มันช่วยสร้างกล้ามเนื้อนะเว้ย! กล้ามเนื้อเยอะ ก็เผาผลาญพลังงานได้เยอะขึ้น!
เพิ่มเติม:
อย่าคิดว่าการออกกำลังกายคือการไปวิ่งมาราธอนนะ แค่เดินเร็วๆ รอบบ้าน เต้นแอโรบิกหน้าทีวี หรือยกเวทขวดน้ำปลาก็ได้! สำคัญคือต้องขยับ! เข้าใจ๋?
ตัวบวมทำยังไงดี
ตัวบวมนี่เรื่องใหญ่เลยนะ เคยเจอตอนไปเดินป่าขึ้นดอยอินทนนท์เมื่อเดือนที่แล้ว (ตุลาคม 2567) กลับมาบ้าน ขาบวมเป่งเลย ตอนนั้นตกใจมาก นึกว่าแพ้อะไร
- เปลี่ยนท่าบ่อยๆ: ตอนนั้นนั่งแช่อยู่หน้าคอมนานไปหน่อย พอรู้ตัวก็ลุกเดินไปมาบ้าง ช่วยได้เยอะ
- ออกกำลังกาย: ปกติเต้นแอโรบิกในห้องทุกเย็นอยู่แล้ว แต่ช่วงนั้นขี้เกียจ พอขยับตัวบ้างอาการก็ดีขึ้น
- ดูแลผิว: ตอนขาบวม ผิวจะแห้งๆ คันๆ ทาโลชั่นบ่อยๆ ช่วยได้เยอะเลย แนะนำยูเซอริน ขวดสีฟ้า (ไม่สปอนเซอร์นะ ใช้จริง)
- ยกขาสูง: อันนี้แม่บอก ทำตามเลย นอนยกขาพาดหมอนซัก 15 นาที เช้าเย็น ช่วยลดบวมได้จริง
เออ แล้วก็…
- ลดเค็ม: กินมาม่าเยอะไปหน่อยช่วงนั้น เลยพยายามกินจืดๆ
- ดื่มน้ำเยอะๆ: อันนี้สำคัญเลย น้ำเปล่าเนี่ยแหละ ช่วยขับโซเดียม
- ปรึกษาหมอ: ถ้าไม่ดีขึ้น หรือบวมเยอะมาก ไปหาหมอดีที่สุดนะ อย่าปล่อยไว้
ข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต