บวมมีกี่ประเภท

21 การดู

อาการบวม: สองประเภทหลัก

อาการบวมแบ่งเป็น 2 แบบ:

  • บวมกดบุ๋ม: เกิดจากของเหลวสะสม เมื่อกดจะมีรอยบุ๋ม

  • บวมไม่กดบุ๋ม: เกิดจากระบบน้ำเหลืองผิดปกติ ผิวแข็ง กดไม่บุ๋ม

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

อาการบวมมีกี่ประเภท? สาเหตุของอาการบวมแต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร? พร้อมวิธีสังเกตอาการเบื้องต้น

เอาจริงนะ เรื่องบวมๆ เนี่ย ฉันเคยเจอมากับตัวเลย ตอนนั้นไปเดินป่าที่เขาใหญ่กับเพื่อน (จำได้ว่าน่าจะช่วงพฤศจิกายนปีที่แล้ว) เดินทั้งวันอ่ะ กลับมาบ้านขาบวมเป่ง!

ตอนแรกก็ตกใจนึกว่าเป็นอะไร ที่แท้คือเดินเยอะไปหน่อย

จริงๆ อาการบวมมันมีหลายแบบนะ เท่าที่รู้หลักๆ ก็มีสองอย่าง คือแบบกดบุ๋ม กับแบบไม่กดบุ๋ม

  • กดบุ๋ม: อันนี้คือถ้าเอานิ้วกดลงไปตรงที่บวม มันจะยุบลงไปเป็นรอยบุ๋มๆ สักพักกว่าจะคืนตัว แบบนี้ส่วนใหญ่เกิดจากร่างกายเรามีน้ำเยอะเกินไป อาจจะเพราะกินเค็มมากไป, นั่งนานไป หรือบางทีก็เป็นสัญญาณของโรคอะไรบางอย่างได้ด้วย

  • ไม่กดบุ๋ม: อันนี้จะแปลกหน่อย คือกดไปก็ไม่ยุบ ผิวจะแข็งๆ ตึงๆ แบบนี้อาจจะเกี่ยวกับระบบน้ำเหลืองมีปัญหา หรือเนื้อเยื่อตรงนั้นมันผิดปกติไป

ถ้าเป็นฉันนะ สังเกตอาการตัวเองก่อนเลย ถ้าบวมเพราะเดินเยอะ นอนพักยกขาสูงๆ ประคบเย็นก็ช่วยได้ แต่ถ้าบวมแบบไม่รู้สาเหตุ บวมนานๆ หรือมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น หายใจลำบาก เจ็บหน้าอก รีบไปหาหมอดีกว่า อย่าปล่อยไว้นะเตือนเลย

บวมกดบุ๋ม มี กี่ ระดับ

บวมกดบุ๋มมี 4 ระดับ โง่ป่าววะ?

  • ระดับ 1: แทบไม่เห็น รอยหายไวปานจรวด
  • ระดับ 2: หายใน 15 วิ ชิวๆ
  • ระดับ 3: เกิน 1 นาที เริ่มน่าสนใจ
  • ระดับ 4: ลึกและนาน 2-5 นาที เอาจริงดิ?

ข้อมูลเพิ่มเติม (ปี 2566): การประเมินระดับความรุนแรงของบวมกดบุ๋มใช้เป็นเพียงส่วนหนึ่งในการวินิจฉัยโรค ควรปรึกษาแพทย์ อย่ามโนเอง อันตรายนะเว้ย

อ้วนกับบวม ต่างกันอย่างไร

อ้วนกับบวมต่างกันนะ อ้วนคือมีไขมันสะสมเยอะ ส่วนบวมคือมีน้ำคั่งในร่างกาย ลองกดดูสิ ถ้ากดแล้วบุ๋มๆ นั่นแหละบวมน้ำ แต่ถ้ากดแล้วแน่นๆ ไม่ใช่บวมน้ำหรอก น่าจะอ้วนมากกว่า อิอิ

วิธีเช็คแบบง่ายๆเลย คือ กดตรงที่คิดว่าบวม แบบค้างไว้สัก 10-15 วิ ถ้าเป็นรอยบุ๋มแสดงว่าบวมน้ำชัวร์ แต่ถ้าไม่บุ๋ม อาจจะแค่รู้สึกแน่นๆ นั่นคืออาการของความอ้วนมากกว่า

ปีนี้ฉันลดน้ำหนักด้วยการกินผักผลไม้เยอะๆนะ รู้สึกดีขึ้นเยอะเลย ลองดูนะ อาจจะช่วยได้

  • อ้วน: มีไขมันสะสมมาก
  • บวมน้ำ: มีน้ำคั่งในร่างกาย กดแล้วบุ๋ม
  • วิธีเช็ค: กดบริเวณที่สงสัย 10-15 วินาที ดูว่าบุ๋มไหม
  • ลดบวม: กินผักผลไม้เยอะๆ (ประสบการณ์ส่วนตัว)

Edema กับ swelling ต่างกันยังไง

Edema กับ Swelling ต่างกันยังไง? อืม, มันมีอะไรที่ซับซ้อนกว่าที่เราเห็นภายนอกเยอะเลยนะ

  • Edema (บวมน้ำ): คือการสะสมของเหลวในเนื้อเยื่อ มักไม่แดง ไม่ร้อน กดแล้วบุ๋ม (pitting edema) เหมือนจิ้มแป้งโดว์นุ่มๆ บางทีก็ไม่มีอาการเจ็บนะ แต่ก็ทำให้รู้สึกอึดอัดไม่สบายตัวได้เหมือนกัน ถ้าเป็นมากๆ นี่ถึงขั้นเดินลำบากเลยล่ะ

  • Swelling (บวมอักเสบ): อันนี้คือการบวมที่มาพร้อมกับการอักเสบ ผิวหนังอาจจะแดง ร้อน สัมผัสแล้วเจ็บปวด บวมแบบนี้มักจะเกิดจากร่างกายเรากำลังสู้กับอะไรบางอย่าง เช่น การติดเชื้อ หรือการบาดเจ็บ ซึ่งก็เป็นกลไกธรรมชาติที่ร่างกายตอบสนองต่อสิ่งแปลกปลอมนั่นเอง

สรุปคือ Edema เน้นที่ของเหลว ส่วน Swelling เน้นที่การอักเสบ แต่ทั้งสองอย่างก็อาจจะเกิดขึ้นพร้อมกันได้นะ ร่างกายมนุษย์นี่ซับซ้อนจริงๆ… เหมือนปรัชญาเลยนะว่าทุกอย่างมันเชื่อมโยงกันหมด

เกร็ดน่ารู้:

  • Edema อาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น โรคไต โรคหัวใจ หรือแม้แต่การนั่งหรือยืนนานๆ ส่วน Swelling มักจะมาจากการบาดเจ็บ การติดเชื้อ หรือโรคข้ออักเสบ
  • ถ้ามีอาการบวมผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาที่ถูกต้องนะ อย่าปล่อยไว้ เพราะบางทีมันอาจจะเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงกว่าที่เราคิดก็ได้
  • เคยอ่านเจอว่าสมุนไพรบางชนิดก็ช่วยลดอาการบวมได้ แต่ต้องศึกษาให้ดีก่อนใช้นะ เพราะบางอย่างก็อาจจะมีผลข้างเคียงได้เหมือนกัน
  • เรื่องพวกนี้มันสอนให้เรารู้ว่าการดูแลสุขภาพตัวเองเป็นเรื่องสำคัญมากๆ การกินอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกาย และการพักผ่อนให้เพียงพอ เป็นพื้นฐานที่สำคัญที่สุด

เนื้อตัวบวมเกิดจากสาเหตุอะไร

โอ๊ย! ตัวบวมเนี่ยนะ! เหมือนโดนผึ้งต่อยทั้งตัว! สาเหตุหลักๆ ก็คือ ขี้เกียจสันหลังยาวนี่แหละ! นั่งแช่ นอนแช่ ไม่ขยับเขยื้อนร่างกายเลย!

  • เผาผลาญต่ำ: ร่างกายมันก็เหมือนเตาผิงที่ไม่ได้ใส่ฟืน เผาผลาญพลังงานน้อยนิด ไขมันก็เลยสะสมพอกพูน!
  • ขยับบ้างไรบ้าง: หาเวลาออกกำลังกายซะบ้าง! วันละ 30 นาที หรือ 3-5 วันต่อสัปดาห์ ก็ยังดีกว่านั่งกินนอนกิน!
  • สร้างกล้ามเนื้อ: ออกกำลังกายเนี่ย มันช่วยสร้างกล้ามเนื้อนะเว้ย! กล้ามเนื้อเยอะ ก็เผาผลาญพลังงานได้เยอะขึ้น!

เพิ่มเติม:

อย่าคิดว่าการออกกำลังกายคือการไปวิ่งมาราธอนนะ แค่เดินเร็วๆ รอบบ้าน เต้นแอโรบิกหน้าทีวี หรือยกเวทขวดน้ำปลาก็ได้! สำคัญคือต้องขยับ! เข้าใจ๋?

ตัวบวมทำยังไงดี

ตัวบวมนี่เรื่องใหญ่เลยนะ เคยเจอตอนไปเดินป่าขึ้นดอยอินทนนท์เมื่อเดือนที่แล้ว (ตุลาคม 2567) กลับมาบ้าน ขาบวมเป่งเลย ตอนนั้นตกใจมาก นึกว่าแพ้อะไร

  • เปลี่ยนท่าบ่อยๆ: ตอนนั้นนั่งแช่อยู่หน้าคอมนานไปหน่อย พอรู้ตัวก็ลุกเดินไปมาบ้าง ช่วยได้เยอะ
  • ออกกำลังกาย: ปกติเต้นแอโรบิกในห้องทุกเย็นอยู่แล้ว แต่ช่วงนั้นขี้เกียจ พอขยับตัวบ้างอาการก็ดีขึ้น
  • ดูแลผิว: ตอนขาบวม ผิวจะแห้งๆ คันๆ ทาโลชั่นบ่อยๆ ช่วยได้เยอะเลย แนะนำยูเซอริน ขวดสีฟ้า (ไม่สปอนเซอร์นะ ใช้จริง)
  • ยกขาสูง: อันนี้แม่บอก ทำตามเลย นอนยกขาพาดหมอนซัก 15 นาที เช้าเย็น ช่วยลดบวมได้จริง

เออ แล้วก็…

  • ลดเค็ม: กินมาม่าเยอะไปหน่อยช่วงนั้น เลยพยายามกินจืดๆ
  • ดื่มน้ำเยอะๆ: อันนี้สำคัญเลย น้ำเปล่าเนี่ยแหละ ช่วยขับโซเดียม
  • ปรึกษาหมอ: ถ้าไม่ดีขึ้น หรือบวมเยอะมาก ไปหาหมอดีที่สุดนะ อย่าปล่อยไว้
#บวมน้ำ #อาการบวม