โรคเกล็ดเลือดสูงอันตรายไหม

50 การดู

ภาวะเกล็ดเลือดสูงเล็กน้อย (450,000-600,000/µL) มักไม่แสดงอาการและยังไม่น่ากังวล แต่หากเกิน 600,000/µL อาจเพิ่มความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อน เช่น ลิ่มเลือดอุดตัน หรือเลือดออกผิดปกติ กรณีสูงเกิน 750,000/µL จำเป็นต้องพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

เกล็ดเลือดสูง อันตรายแค่ไหน? อย่ามองข้ามสัญญาณเตือนจากร่างกาย

เกล็ดเลือดเป็นส่วนประกอบสำคัญในกระบวนการแข็งตัวของเลือด ช่วยหยุดเลือดไหลเมื่อเกิดบาดแผล ปกติแล้วระดับเกล็ดเลือดในร่างกายจะคงที่ แต่เมื่อระดับเกล็ดเลือดสูงขึ้นผิดปกติ หรือเรียกว่า ภาวะเกล็ดเลือดสูง (Thrombocytosis) ก็อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพได้ ความอันตรายนั้นขึ้นอยู่กับระดับความสูงของเกล็ดเลือดและสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะนี้

หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าเกล็ดเลือดสูง ย่อมหมายถึงการแข็งตัวของเลือดดี แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เช่นนั้นเสมอไป เพราะเกล็ดเลือดที่สูงเกินไปอาจส่งผลให้เกิดลิ่มเลือดได้ง่ายขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคต่างๆมากมาย ตั้งแต่ภาวะหลอดเลือดดำอุดตัน เส้นเลือดในสมองแตก ไปจนถึงภาวะหัวใจวาย ในขณะเดียวกัน บางครั้ง ภาวะเกล็ดเลือดสูงก็อาจทำให้เลือดออกผิดปกติได้เช่นกัน เนื่องจากการทำงานของเกล็ดเลือดที่ผิดปกติ

ระดับเกล็ดเลือดที่ควรระวัง:

  • ระดับเกล็ดเลือดปกติ: โดยทั่วไปอยู่ที่ 150,000-450,000 ต่อไมโครลิตร (µL)
  • ภาวะเกล็ดเลือดสูงเล็กน้อย (Mild Thrombocytosis): ระดับเกล็ดเลือด 450,000-600,000/µL ในระดับนี้มักไม่แสดงอาการ และอาจไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษา แต่ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เพื่อติดตามระดับเกล็ดเลือดอย่างใกล้ชิด
  • ภาวะเกล็ดเลือดสูงปานกลางถึงรุนแรง (Moderate to Severe Thrombocytosis): ระดับเกล็ดเลือดเกิน 600,000/µL เริ่มมีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน เช่น ลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดต่างๆ เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง หัวใจวาย หรือภาวะอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการอุดตันของหลอดเลือด ยิ่งระดับเกล็ดเลือดสูงเกิน 750,000/µL ความเสี่ยงจะยิ่งเพิ่มขึ้นอย่างมาก จำเป็นต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียดและรับการรักษาโดยทันที

สาเหตุของภาวะเกล็ดเลือดสูงมีความหลากหลาย เช่น:

  • โรคในไขกระดูก
  • การติดเชื้อ เช่น การติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส
  • การอักเสบในร่างกาย
  • การขาดธาตุเหล็ก
  • โรคมะเร็งบางชนิด
  • การใช้ยาบางชนิด

หากคุณมีอาการต่อไปนี้ ควรปรึกษาแพทย์ทันที:

  • ปวดศีรษะอย่างรุนแรง
  • อ่อนแรงที่แขนหรือขา
  • ปวดหน้าอก
  • หายใจลำบาก
  • อาการชาหรือรู้สึกเสียวซ่าที่แขนหรือขา
  • เลือดออกผิดปกติ เช่น เลือดกำเดาไหลบ่อย เลือดออกตามไรฟัน

สรุป:

ภาวะเกล็ดเลือดสูงอาจไม่แสดงอาการในระยะเริ่มต้น แต่มีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงได้ การตรวจสุขภาพเป็นประจำ รวมถึงการตรวจเลือดเพื่อวัดระดับเกล็ดเลือด มีความสำคัญอย่างยิ่ง หากพบว่ามีระดับเกล็ดเลือดสูง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม อย่ามองข้ามสัญญาณเตือนจากร่างกาย การดูแลสุขภาพที่ดี คือการลงทุนที่ดีที่สุดสำหรับอนาคตของคุณ

หมายเหตุ: บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้เบื้องต้นเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์ หากมีข้อสงสัยหรือกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของคุณ โปรดปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเสมอ

#สุขภาพ #อันตรายไหม #โรคเกล็ดเลือด