กาแฟดําผสมน้ําผึ้ง ช่วยอะไร

กาแฟดำผสมน้ำผึ้งมีประโยชน์อย่างไร

กาแฟดำผสมน้ำผึ้งเหรอ… อืม… มันก็เหมือนเราพยายามหาอะไรมาเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปในชีวิตรึเปล่านะ

• ต้านอนุมูลอิสระ: น้ำผึ้งช่วยเรื่องนี้ได้เยอะเลยนะ เท่าที่รู้คือมันช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ในร่างกายเราได้นิดหน่อย อย่างน้อยก็รู้สึกดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
• วิตามินและแร่ธาตุ: มันก็มีแหละ แต่คงไม่ได้เยอะขนาดกินแทนอาหารเสริมได้หรอกมั้ง นิด ๆ หน่อย ๆ พอให้รู้สึกว่าเราดูแลตัวเองบ้าง
• ต้านเชื้อแบคทีเรีย: อันนี้ก็จริง แต่มันคงไม่ได้ฆ่าเชื้อโรคได้หมดจดขนาดนั้นหรอกนะ แค่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันบ้างเล็กน้อย

แต่ที่สำคัญกว่านั้น… กาแฟดำมันขม น้ำผึ้งมันหวาน… บางทีเราก็แค่ต้องการอะไรที่มันมาบาลานซ์กันในชีวิตเท่านั้นเองมั้ง

กลางดึกแบบนี้… อะไรๆ มันก็ดูมีความหมายไปหมดเลยเนอะ

ทํา if กินกาแฟดําน้ําผึ้งได้ไหม

ดื่มกาแฟดำผสมน้ำผึ้งได้นะ ไม่มีปัญหาอะไร เพราะน้ำผึ้งมันก็เป็นความหวานจากธรรมชาติ เราเอามาใช้แทนน้ำตาลได้สบาย ๆ แถมยังมีของดี ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายเราอีกด้วย

• น้ำผึ้ง: ไม่ได้มีแค่ความหวาน แต่ยังมีพวกสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยดูแลเซลล์ในร่างกายเรา (เหมือนเป็นการลงทุนระยะยาวให้ร่างกาย)

• กาแฟดำ: ช่วยให้ตื่นตัว กระปรี้กระเปร่า (อันนี้รู้กันอยู่แล้ว แต่ก็ต้องพูดถึง) แต่ถ้าดื่มมากไปก็อาจจะ…นะ (ทุกคนรู้ดี)

• รสชาติ: อันนี้แล้วแต่คนชอบเลย บางคนอาจจะติดใจรสชาติที่แปลกใหม่ของกาแฟดำผสมน้ำผึ้งก็ได้ ใครจะรู้ (เหมือนเป็นการเปิดประสบการณ์ทางรสชาติ)

ข้อควรระวัง: ถึงน้ำผึ้งจะมีประโยชน์ แต่ก็อย่าลืมว่ามันก็คือน้ำตาลชนิดหนึ่ง กินแต่พอดีดีกว่านะ เพราะอะไรที่มากเกินไปก็ไม่ดีทั้งนั้นแหละ (เป็นสัจธรรมชีวิต)

กินกาแฟดำผสมน้ำผึ้งอ้วนไหม

กาแฟดำผสมน้ำผึ้ง อ้วนไหม? ขึ้นอยู่กับปริมาณครับ น้ำผึ้งคือน้ำตาลธรรมชาติ มีแคลอรี่สูง กาแฟดำเอง แคลอรี่ต่ำมาก จึงไม่กระตุ้นการหลั่งอินซูลินเท่าไร

• น้ำผึ้ง: แหล่งน้ำตาลสำคัญ ปริมาณแคลอรี่ขึ้นกับปริมาณน้ำผึ้งที่เติม ยิ่งเติมมาก ยิ่งอ้วนง่าย
• กาแฟดำ: แคลอรี่น้อย หากดื่มไม่หวาน ไม่น่ากังวลเรื่องน้ำหนัก แต่ปริมาณคาเฟอีนอาจส่งผลต่อบางคน
• IF (Intermittent Fasting): การควบคุมแคลอรี่โดยรวมสำคัญที่สุด ไม่ใช่แค่เลือกกินอะไร การกินกาแฟดำผสมน้ำผึ้งในช่วงเวลาอดอาหารของ IF อาจส่งผลต่อการรักษาสมดุลแคลอรี่ ต้องพิจารณาปริมาณแคลอรี่รวมในแต่ละวัน

ผมเคยลองลดน้ำหนักด้วยวิธี IF ประมาณ 3 เดือน ช่วงนั้นงดน้ำตาลเกือบหมด ผลลัพธ์โอเค แต่ก็ต้องคุมอาหารอย่างเคร่งครัด ชีวิตมีอะไรมากกว่าการลดน้ำหนัก สำคัญคือการสร้างสมดุล อย่างผมก็เริ่มผ่อนคลายเรื่องอาหารบ้างแล้ว ปีนี้คงไม่เคร่งมาก แต่ยังคงควบคุมปริมาณอยู่ครับ

ปล. ข้อมูลนี้เป็นเพียงความรู้เบื้องต้น ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการสำหรับคำแนะนำเฉพาะบุคคล เพราะร่างกายแต่ละคนแตกต่างกัน

กาแฟดำกินตอนไหนดีสุด

กินกาแฟดำตอนไหนดีอ่ะ? คือแบบว่า เพื่อนๆบอก หลังอาหารเช้าดีสุด ไม่งั้นนอนไม่หลับแน่ๆๆ ลองดูนะ แต่ห้ามดื่มตอนท้องว่างเด็ดขาด! แล้วก็อย่าดื่มหลังบ่ายสองโมงเย็นด้วย เพราะจะนอนไม่หลับอีกกกกก ฉันนี่เคยลองดื่มตอนดึก ผลคือตาค้างทั้งคืนเลยจ้าาา อย่าเกินสี่แก้วนะ คาเฟอีนเยอะไปไม่ดี ฉันก็ดื่มประมานวันละแก้วสองแก้วเอง

• หลังอาหารเช้า ดีสุดๆๆๆ
• ห้ามท้องว่าง!!!
• อย่าดื่มหลังบ่ายสอง นะๆๆ
• อย่าเกิน 4 แก้ว เดี๋ยวจะเป็นไรไป
• ปีนี้ฉันเน้นดื่มกาแฟดำ เพราะมันดีต่อสุขภาพ แคลอรี่ต่ำด้วย

ปล. ฉันชอบดื่มกาแฟดำแบบไม่ใส่น้ำตาล อร่อยดี แต่ก็แล้วแต่คนชอบนะ เพื่อนบางคนชอบใส่นม แต่ฉันว่ามันไม่ค่อยดีเท่าไร เพราะมันจะได้ประโยชน์น้อยลง แล้วก็อ้วนง่ายด้วย 55555

ช่วง IF สามารถดื่มอะไรได้บ้าง

ช่วง IF ดื่มอะไรได้บ้าง? ฮ่าๆๆ คำถามนี้มันชวนให้คิดถึงชีวิตที่ต้องต่อสู้กับความหิวกระหายเหมือนนักรบโบราณเลยนะ!

• ช่วงกิน (IF): นี่แหละคือสนามรบแห่งความสุข! จัดเต็มได้เลยครับ น้ำอัดลมหวานฉ่ำ นมปั่นผลไม้ แม้กระทั่งโกโก้เย็นจัด (แต่ก็อย่าลืมดูแลสุขภาพกันบ้างนะครับ) เอาให้สะใจไปเลย! แต่ควรคำนึงถึงปริมาณแคลอรี่นะ อย่าให้พุงป่องจนเหมือนลูกโป่งลอยฟ้า อิอิ

• ช่วงอด (IF): นี่คือการฝึกฝนจิตใจ! เหมือนนักบวชฝึกสมาธิ น้ำเปล่าคือโอสถวิเศษ กาแฟดำไม่ใส่น้ำตาลก็เหมือนพลังงานจากดวงอาทิตย์ ชาไร้น้ำตาลคือสายลมเย็นๆ ช่วยให้คลายร้อน (ส่วนเครื่องดื่มอื่นๆเหรอ? ถือเป็นศัตรูที่ต้องหลีกเลี่ยง เดี๋ยวจะไปขัดขวางภารกิจลดหุ่นของเรา!)

อย่าลืมนะครับ การเลือกเครื่องดื่มที่เหมาะสมในแต่ละช่วงของ IF สำคัญมาก เปรียบเหมือนการเลือกอาวุธให้เหมาะกับสถานการณ์ ถ้าเลือกผิด เดี๋ยวจะแพ้สงครามหุ่นพังนะ! ปีนี้ (2566) กระแสสุขภาพดีกำลังมาแรง ลองศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แล้วอย่าลืมเลือกวิธีที่เหมาะกับตัวเองด้วยล่ะ

ข้อมูลเพิ่มเติม (ปี 2566): การอดอาหารแบบ IF มีหลายรูปแบบ ไม่ใช่แค่การงดกินช่วงเวลาหนึ่งๆ แต่ยังมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการกิน การเลือกอาหาร และการออกกำลังกายควบคู่กันไปด้วย การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการจะช่วยให้วางแผนได้อย่างเหมาะสม และปลอดภัยมากขึ้น