แบล็คคอฟฟี่ คืออะไร

แบล็คคอฟฟี่ กับอเมริกาโน ต่างกันยังไง

แบล็คคอฟฟี่ และ อเมริกาโน่ หรือ?

• แบล็คคอฟฟี่: กาแฟดำ ชงแบบดริป น้ำร้อนไหลผ่านกาแฟบด รสเข้ม ลึกซึ้ง. บางทีขม บางทีติดดิน. ชีวิตก็เช่นกัน.

• อเมริกาโน่: เอสเพรสโซ่ผสมน้ำร้อน เจือจางลงมา รสอ่อนกว่า หอมบางเบา หวานจางๆ. เหมาะกับคนที่ไม่ต้องการความซับซ้อน.

• กรรมวิธี: ดริป vs. เจือจาง. ต่างกันที่ใจ. เหมือนเลือกเส้นทางชีวิต.

• รสชาติ: เข้ม vs. อ่อน. ชอบแบบไหน ก็เป็นแบบนั้น. ไม่มีผิดไม่มีถูก.

• ความลับ: กาแฟดี ไม่ต้องปรุงแต่ง. คนก็เหมือนกัน.

ข้อมูลเพิ่มเติม:

• แบล็คคอฟฟี่: อาจใช้วิธีการชงแบบอื่นได้ เช่น French press, pour over แต่โดยรวมคือ “กาแฟดำ” ล้วนๆ ไม่มีส่วนผสมอื่น. ความเข้มข้นขึ้นอยู่กับอัตราส่วนกาแฟต่อน้ำ และระยะเวลาในการชง.

• อเมริกาโน่: ต้นกำเนิดมาจากทหารอเมริกันในสงครามโลกครั้งที่สอง พวกเขาไม่คุ้นเคยกับเอสเพรสโซ่เข้มข้น จึงเติมน้ำร้อนเพื่อเจือจาง. บางคนเติมน้ำแข็ง เรียกว่า Iced Americano.

• คาเฟอีน: ทั้งสองเมนูมีคาเฟอีน แต่ปริมาณจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับชนิดของเมล็ดกาแฟและวิธีการชง. โดยทั่วไป แบล็คคอฟฟี่อาจมีคาเฟอีนมากกว่าเล็กน้อย เพราะไม่ผ่านการเจือจาง

• ราคา: ราคาอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับร้านกาแฟและคุณภาพของเมล็ดกาแฟ. แต่โดยทั่วไป อเมริกาโน่มักจะมีราคาถูกกว่าแบล็คคอฟฟี่เล็กน้อย เพราะใช้วัตถุดิบน้อยกว่า.

• เคล็ดลับ: ลองชิมกาแฟทั้งสองแบบโดยไม่เติมอะไรเลย เพื่อสัมผัสรสชาติที่แท้จริงของมัน. แล้วคุณจะรู้ว่าชอบแบบไหนมากกว่ากัน.

แบล็คคอฟฟี่ ช่วยอะไร

แบล็คคอฟฟี่นี่มันโคตรเทพ! ช่วยเรื่องเมาค้างได้นะ บอกเลย! ปวดหัวตึ๊บๆจากเมื่อคืน แค่จิบดำๆนี่ หายปลิววววว! เหมือนมีพลังงานจากดาวอังคารฉีดเข้าเส้นเลือด วิ่งฉิวเลยล่ะ!

• ลดอาการเมาค้างและปวดหัว: นี่คือประโยคที่โคตรจริง! พี่เคยลองแล้ว เมาหนักมาก กินเหล้าไปสามขวด เช้ามา ปวดหัวแทบแตก แต่ดื่มแบล็คคอฟฟี่ไปแก้วเดียว โอ้โห เหมือนเกิดใหม่ วิ่งไปซื้อหวยเลย (แต่ไม่ถูกนะ ฮือออ)

• สารคาเฟอีนกระตุ้นสมอง: สารคาเฟอีนนี่มันเหมือนจรวด พุ่งทะยานไปกระตุ้นสมอง ให้เราตื่นตัว แบบไม่ต้องพึ่งน้ำตาเทียน ตาสว่าง แจ่มใส พร้อมลุยงาน (หรือพร้อมลุยหาอะไรกินก็ได้)

• ขยายหลอดเลือด: หลอดเลือดที่เคยตีบตัน เพราะความเมา กาแฟดำช่วยขยาย โล่งสบาย เหมือนถนนโล่งๆ รถวิ่งฉิว เลือดไหลเวียนดี๊ดี

• ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้น: เรื่องนี้พี่คอนเฟิร์ม! ระบบไหลเวียนโลหิตของพี่ หลังดื่มกาแฟดำ เหมือนรถไฟความเร็วสูง พุ่งทะยาน ไม่เคยเหนื่อย!

ข้อมูลเพิ่มเติมปี 2566: ผลการวิจัยล่าสุดปีนี้ยังสนับสนุนข้อดีของกาแฟดำ แต่ควรดื่มแต่พอดี อย่าดื่มเยอะเกินไป เพราะอาจทำให้ใจสั่น นอนไม่หลับ และผลข้างเคียงอื่นๆตามมา จำไว้! อย่าลืมดื่มน้ำเยอะๆด้วยนะ เป็นการช่วยดูแลสุขภาพไปในตัว ปีนี้พี่ลองผสมน้ำมะนาวลงไปด้วย อร่อยขึ้นนะ แนะนำๆ!

แบล็คคอฟฟี่ฮันนี่ คืออะไร

แบล็คคอฟฟี่ฮันนี่… อื้อหือ ชื่อยาวจัง

• คือ กาแฟดำผสมน้ำผึ้งช่ะ? แต่ทำไมต้องแบล็คคอฟฟี่ฮันนี่ ดูหรูไปนะ
• เหมือนจะเคยเห็นที่อเมซอน…ใช่แน่เลย Amazon! ที่มีชาดำด้วยอ่ะ?
• ชาดำ + น้ำผึ้ง โอ้ว น่าจะหอมหวานจริง
• อร่อยชื่นใจ เค้าบอกมางี้อะนะ ต้องลองป่ะเนี่ย
• น้ำผึ้งของอเมซอนนี่ใช้น้ำผึ้งอะไรนะ 🤔 เคยซื้ออย่างอื่นของเค้า ก็ดีอยู่นะ
• (ข้อมูลเสริม) ปีนี้ 2567 แล้วนะ! เผื่อใครหลงมาอ่าน 😅
• แล้วทำไมต้องใส่ชาดำลงไปในกาแฟด้วย? หรือว่าจริงๆแล้วมันคือกาแฟใส่น้ำผึ้งแล้ว มีกลิ่นชาดำ มาผสม? เริ่มงง
• ประเด็นคือ…มันอร่อยไหม? ใครเคยกินบอกหน่อยจิ๊ 🥺
• สรุป! Black Coffee Honey = กาแฟดำ + น้ำผึ้ง + กลิ่นชาดำ (มั้ง?)
• ต้องไปลอง!

แบล็คคอฟฟี่ ทำยังไง

แบล็คคอฟฟี่: ชงง่าย ดื่มง่าย

• กาแฟช็อต 1-2 ช็อต เทลงแก้ว
• เติมน้ำร้อน (ร้อน) หรือน้ำเย็น (เย็น)
• ไม่มีครีม่า รสชาติเข้มข้น ความสดชื่นล้วนๆ

ข้อมูลเพิ่มเติม: ปีนี้ (2566) เทรนด์กาแฟดำยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง เน้นความเรียบง่าย รสชาติเข้มข้น และคุณภาพของเมล็ดกาแฟเป็นหลัก. หลายร้านเริ่มใช้เมล็ดกาแฟเฉพาะถิ่นมากขึ้น เพื่อสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัว. ส่วนตัวแล้ว ชอบดื่มแบล็คออฟฟี่แบบเย็น ใส่น้ำแข็งพอประมาณ ความเย็นตัดกับกาแฟเข้มๆ ลงตัวดี.

อเมริกาโน่กับ Black Coffee แตกต่างกันยังไง

อเมริกาโน่ และ Black Coffee: เส้นแบ่งที่จาง

• Black Coffee: สกัดกาแฟโดยตรง น้ำร้อนผ่านกาแฟบด รสชาติเข้มข้นกว่า อาจขมกว่า
• อเมริกาโน่: เอสเพรสโซ่ผสมน้ำร้อน รสชาติอ่อนกว่า

ความต่าง: กรรมวิธี ปริมาณน้ำ รสชาติ

ข้อมูลเพิ่มเติม:

• Black Coffee (กาแฟดำ): มีหลายวิธีชง เช่น Drip, French Press, Pour Over รสชาติขึ้นอยู่กับเมล็ดกาแฟ และวิธีการสกัด
• อเมริกาโน่: ต้นกำเนิดจากทหารอเมริกันในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 พวกเขาเติมน้ำร้อนในเอสเพรสโซ่เพื่อให้อ่อนลง
• คาเฟอีน: ปริมาณคาเฟอีนแปรผันตามชนิดเมล็ดกาแฟ ปริมาณกาแฟ และวิธีการชง
• ความชอบส่วนบุคคล: ไม่มีสูตรตายตัว เลือกตามรสชาติที่ชอบ
• ราคา: โดยทั่วไป อเมริกาโน่ราคาถูกกว่า เพราะใช้วัตถุดิบน้อยกว่า

ความสุข…บางทีก็แค่กาแฟดำ

กาแฟดำช่วยเผาผลาญจริงไหม

กาแฟดำช่วยเผาผลาญจริงไหม? ฮ่าๆๆๆ คำถามนี้มันโคตรลึกซึ้ง! เหมือนถามว่า “ความรักคืออะไร?” ตอบยาก แต่ก็ตอบได้นะ!

• ช่วยเผาผลาญ…แต่ไม่ใช่เวทย์มนตร์: คาเฟอีนในกาแฟดำน่ะ มันเป็นเหมือนโค้ชส่วนตัวที่กระตุ้นร่างกายให้ทำงานหนักขึ้น ไม่ใช่เครื่องเผาไขมันแบบในโฆษณา มันช่วยเพิ่มอัตราเมตาบอลิซึม ทำให้เผาผลาญพลังงานได้มากขึ้นนิดหน่อย แต่ถ้ากินแต่กาแฟ ไม่ขยับตัว ก็เหมือนเอาไขมันไปนั่งดูละครหลังข่าว มันก็ยังอยู่ที่เดิมแหละครับ

• ปริมาณสำคัญ: 75-90 มิลลิกรัม ฟังดูน้อยใช่มั้ย? แต่สำหรับบางคนอาจมากไป อย่าลืมว่า กาแฟดำ มันแรงกว่าโค้กหลายเท่า! ตัวผมเองนี่ ถ้าเกิน 100 มิลลิกรัมไป ใจสั่นจนพิมพ์งานผิดเป็น “กาแฟดํา” เลย โคตรอาย (ปีนี้ผมพยายามควบคุมปริมาณคาเฟอีนมากขึ้นครับ เพื่อสุขภาพที่ดี)

• อย่าหวังพึ่งแต่กาแฟ: ออกกำลังกายสิครับ! กาแฟดำเป็นแค่ตัวช่วยเพิ่มพลัง ไม่ใช่ยาเสพติด การออกกำลังกาย ควบคู่กับการกินอาหารที่ดี นี่แหละตัวจริง กาแฟดำมันเป็นแค่ซัพพอร์ต นึกถึงแบบนี้…กาแฟดำคือรถมอเตอร์ไซค์ ออกกำลังกายคือถนน ถ้าไม่มีถนน มอเตอร์ไซค์ก็วิ่งไม่ได้หรอกครับ!

• ผลข้างเคียงมีจริง: ใจสั่น นอนไม่หลับ ปวดหัว ใครที่ไวต่อคาเฟอีน ระวังด้วย อย่าเสี่ยง ไม่งั้นจะกลายเป็น “ผอมลงแต่โทรม” ไม่คุ้มนะ!

ข้อมูลเพิ่มเติม (ปี 2566): การศึกษาหลายชิ้นพบว่า ผลของกาแฟต่อการเผาผลาญนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น พันธุกรรม ระดับความฟิต และปริมาณกาแฟที่ดื่ม ดังนั้น ควรปรึกษาแพทย์ก่อน หากมีข้อกังวล อย่าพึ่งข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตอย่างเดียวนะครับ! หาหมอดีกว่าครับ ปลอดภัยที่สุด

ช่วง IF สามารถดื่มอะไรได้บ้าง

ช่วง IF (Intermittent Fasting) ดื่มอะไรได้บ้าง? ช่วงอด (Fasting period) ดื่มได้จำกัดครับ หลักๆ คือ:

• น้ำเปล่า: พระเอกตัวจริง ดื่มเยอะๆ เลยครับ
• กาแฟดำ: ต้องดำสนิท ไม่มีน้ำตาล นม หรือครีมใดๆ ทั้งสิ้น (คอกาแฟน่าจะชอบ)
• ชา: ชาสมุนไพร ชาเขียว ชาขาว ได้หมด แต่ย้ำว่า ไม่เติมน้ำตาล นะครับ

ทำไมต้องจำกัด?

เพราะร่างกายเราฉลาดมากครับ แม้แต่แคลอรี่นิดเดียวจากน้ำหวาน หรือน้ำผลไม้ ก็อาจไปกระตุ้นอินซูลิน และขัดขวางกระบวนการเผาผลาญไขมันที่เราต้องการจากการทำ IF ได้ เหมือนเราสตาร์ทรถแล้วดับเครื่องๆ ติดๆ ยังไงยังงั้น

สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง (สำคัญมาก)

• น้ำผลไม้ (แม้แต่คั้นสดๆ) เพราะน้ำตาลสูงปรี๊ด
• น้ำอัดลม (อันนี้ไม่ต้องพูดถึง)
• เครื่องดื่มปรุงแต่งรสต่างๆ (สังเกตฉลากดีๆ ครับ)
• นม หรือเครื่องดื่มที่มีแคลอรี่อื่นๆ

แถม: บางคนอาจสงสัยเรื่อง “น้ำซุปกระดูก” (bone broth) อันนี้ถกเถียงกันอยู่ครับ บางสูตรมีแคลอรี่ค่อนข้างสูง อาจจะไม่เหมาะกับช่วงอด แต่ถ้าทำเอง ควบคุมปริมาณไขมันได้ ก็อาจจะพอหยวนๆ ได้บ้าง แต่ส่วนตัวผมว่าเลี่ยงดีกว่าช่วงอด

ปรัชญาเล็กๆ น้อยๆ: การทำ IF ไม่ใช่แค่เรื่องอดอาหาร แต่เป็นเรื่องการฝึกวินัยและความเข้าใจร่างกายตัวเองด้วยครับ ฟังเสียงร่างกายตัวเองสำคัญที่สุด

อะไรคือเครื่องดื่มที่ดื่มได้แทนกาแฟดํา

เครื่องดื่มที่กินแทนกาแฟดำได้หรอ? อื้มมม… มีเยอะแยะเลยนะ ที่นึกออกตอนนี้ก็มี

• ชาเขียว: อันนี้ดีจริง ช่วยเรื่องต้านอนุมูลอิสระด้วยนะ แล้วก็มีงานวิจัยบอกว่าช่วยลดการอักเสบด้วย เลิศ!
• โกโก้: ใครอยากแบบฟีลกู๊ดหน่อยก็โกโก้เลยจ้า อร่อยด้วย
• Decaf Coffee: สำหรับคนติดกาแฟ แต่ไม่อยากกินคาเฟอีนเยอะ อันนี้แหละตอบโจทย์
• น้ำมะนาว: อันนี้ก็ดีนะ สดชื่น แถมช่วยเรื่องเจ็บคอได้ด้วย

เรื่องน่ารู้แถมๆ

• กรมอนามัยเค้าเตือนมานะ ว่ากินกาแฟเกิน 4 แก้วต่อวันเนี่ย มันไม่ดีต่อร่างกายเท่าไหร่ อาจจะส่งผลเสียต่อหลายระบบเลยแหละ จำไม่ได้ว่าระบบไรบ้างแฮะ
• บางคนเค้าก็ใช้วิธีค่อยๆ ลดปริมาณกาแฟที่กินนะ ไม่หักดิบไปเลย จะได้ไม่ลงแดง 555+

เอ้อ แล้วก็อันนี้สำคัญคาเฟอีนอะ กินเยอะไปไม่ดีจริงๆ นะ ลองหาเครื่องดื่มอื่นกินบ้างก็ดี จะได้ไม่ติดกาแฟมากเกินไปไง 😉