ทำไมช่วงเป็นประจำเดือนถึงอยากกินของหวาน

ละลายใจไปกับความหวาน…แต่ทำไมช่วงมีประจำเดือนถึงอยากกินของหวานนัก?

หลายคนคงเคยสัมผัสประสบการณ์ “อยากกินของหวานอย่างเหลือล้น” โดยเฉพาะในช่วงมีประจำเดือน ไม่ใช่แค่ความอยากธรรมดา แต่เป็นความต้องการที่รุนแรงจนอดใจไม่ไหว ความจริงแล้ว ปรากฏการณ์นี้ไม่ได้เกิดจากความอยากตามใจตัวเองเพียงอย่างเดียว แต่ซ่อนความลับทางชีววิทยาเอาไว้เบื้องหลัง

สาเหตุหลักมาจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกาย ในช่วงก่อนมีประจำเดือนและระหว่างมีประจำเดือน ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลกระทบต่อสารเคมีในสมอง โดยเฉพาะ “เซโรโทนิน” (Serotonin) สารสื่อประสาทที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ ความสุข และความรู้สึกพึงพอใจ

เมื่อระดับเซโรโทนินลดลง ร่างกายจะส่งสัญญาณความต้องการเติมเต็มสารชนิดนี้ และแหล่งอาหารที่ร่างกายเข้าถึงได้ง่ายและรวดเร็วที่สุดในการเพิ่มระดับเซโรโทนินก็คือ “น้ำตาล” และ “แป้ง” นั่นจึงเป็นที่มาของความอยากกินขนมหวาน ไอศกรีม ช็อกโกแลต หรือของหวานต่างๆ ในช่วงมีประจำเดือน ร่างกายพยายามหาทางบรรเทาอาการทางอารมณ์ต่างๆ เช่น หงุดหงิด อารมณ์แปรปรวน และความรู้สึกหดหู่ ซึ่งล้วนเป็นอาการของ PMS (Premenstrual Syndrome) โดยการเพิ่มระดับเซโรโทนินผ่านการบริโภคของหวาน

อย่างไรก็ตาม การตอบสนองต่อความอยากด้วยการกินของหวานอย่างไม่จำกัดนั้น อาจนำไปสู่ผลเสียในระยะยาว การบริโภคของหวานมากเกินไป นอกจากจะส่งผลต่อน้ำหนักตัวและสุขภาพโดยรวมแล้ว ยังอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดขึ้นๆ ลงๆ ส่งผลให้อาการ PMS แย่ลง ความรู้สึกอ่อนล้า ปวดหัว และอาการอื่นๆ อาจรุนแรงขึ้นได้

ดังนั้น แม้ว่าความอยากของหวานช่วงมีประจำเดือนจะเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่การบริโภคอย่างมีสติและเลือกชนิดของหวานก็เป็นสิ่งสำคัญ การเลือกขนมหวานที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น ผลไม้ โยเกิร์ต หรือขนมปังโฮลวีท ในปริมาณที่พอเหมาะ จะช่วยบรรเทาความอยากได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ ควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย การพักผ่อนให้เพียงพอ และการจัดการความเครียด จะช่วยให้คุณผ่านช่วงมีประจำเดือนไปได้อย่างราบรื่นและสุขภาพดี

การเข้าใจกลไกทางชีววิทยาเบื้องหลังความอยากของหวาน จะช่วยให้เราจัดการกับความต้องการของร่างกายได้อย่างชาญฉลาด และมีสุขภาพที่ดีในทุกช่วงของรอบเดือน