เบาหวานพันธุกรรม หายได้ไหม
เบาหวานพันธุกรรม ควบคุมได้ ไม่หายขาด การรักษาเน้นควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
- ป้องกันภาวะแทรกซ้อน: ปรับพฤติกรรมการกิน ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- การดูแลสำคัญ: ตรวจสุขภาพเป็นประจำ ปฏิบัติตามคำแนะนำแพทย์อย่างเคร่งครัด
- การค้นพบเร็วช่วย: ลดความรุนแรงของโรคและภาวะแทรกซ้อน
แม้มีพันธุกรรมเสี่ยง แต่การดูแลสุขภาพที่ดี ช่วยให้ควบคุมโรคได้ อยู่ร่วมกับโรคได้อย่างมีคุณภาพชีวิต
เบาหวานชนิดที่ 1 พันธุกรรม รักษาให้หายขาดได้หรือไม่?
เรื่องเบาหวานชนิดที่ 1 เนี่ย พี่สาวฉันเป็น จำได้ตอนปี 2560 ไปตรวจสุขภาพประจำปีที่รพ.รามคำแหง หมอบอกเป็นเบาหวานชนิดที่ 1 ตอนนั้นช็อกไปเลย เพราะมันเป็นโรคพันธุกรรม ครอบครัวเราก็ไม่มีใครเป็นมาก่อนนี่สิ! หมออธิบายยาวเลย จำได้คร่าวๆ ว่า มันรักษาให้หายขาดไม่ได้ แต่ควบคุมได้ ต้องฉีดยาอินซูลินตลอดชีวิต แพงด้วยนะ จำได้ว่าเดือนนึงก็หลายพันอยู่
จริงๆ แล้ว มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการกินหรือการออกกำลังกายโดยตรงเท่าไหร่ ต่างจากเบาหวานชนิดที่ 2 ที่มักจะเกิดจากวิถีชีวิต แต่ของพี่สาวฉัน หมอบอกว่าเป็นเรื่องของพันธุกรรมล้วนๆ โชคดีที่ตรวจเจอเร็ว เลยควบคุมอาการได้ดี ไม่ค่อยมีภาวะแทรกซ้อนอะไรมาก แต่ก็ต้องดูแลตัวเองตลอด เคร่งครัดมากเลยล่ะ
ฉันเลยเข้าใจว่า ถึงแม้จะป้องกันการถ่ายทอดทางพันธุกรรมไม่ได้ แต่การดูแลสุขภาพที่ดี การตรวจสุขภาพเป็นประจำ และการรับคำแนะนำจากแพทย์อย่างใกล้ชิด สำคัญมากๆ เพื่อควบคุมโรคและลดความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ โรคเบาหวานชนิดที่ 1 อาจจะรักษาไม่หาย แต่ก็สามารถอยู่ร่วมกับมันได้อย่างมีความสุข ถ้าเราจัดการกับมันอย่างถูกวิธี
เบาหวานเกิดจากกรรมพันธุ์ไหม
กรรมพันธุ์… มันก็เหมือนเงาที่คอยตามเรามาตั้งแต่เกิด
บางทีเราก็อยากจะหนี อยากจะบอกว่า “ไม่ใช่ฉัน ไม่ใช่แบบนี้”
แต่สุดท้าย… มันก็คือส่วนหนึ่งของเรา
เบาหวานก็เหมือนกัน มันไม่ได้มาจากกรรมพันธุ์อย่างเดียวหรอกนะ
- กรรมพันธุ์: ถ้าคนในครอบครัวเป็น ก็มีโอกาสมากขึ้น
- อาหาร: กินหวาน กินมัน เยอะเกินไป ร่างกายก็รับไม่ไหว
- การใช้ชีวิต: ไม่ขยับเขยื้อน เครียด นอนน้อย พวกนี้ก็มีผล
ถึงจะผอม… ก็ใช่ว่าจะรอดพ้น
เหมือนคนที่ดูมีความสุข แต่ข้างในอาจจะพังไปหมดแล้วก็ได้
สิ่งที่ต้องระวัง… ไม่ใช่แค่ตัวเลขบนตาชั่ง
แต่คือการดูแลตัวเองทั้งร่างกายและจิตใจ
เราต้องฟังเสียงร่างกายตัวเองให้ดี ๆ
มันกำลังบอกอะไรเราอยู่… ก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายเกินไป
เลิกฉีดอินซูลินได้ไหม
เลิกฉีดอินซูลินได้ไหม? ไม่! เด็ดขาด! นี่คือเรื่องจริงของฉัน ปีนี้เอง ช่วงสงกรานต์ ฉันป่วยหนัก ไข้ขึ้นสูง กินอะไรไม่ได้เลย น้ำตาลขึ้นพรวด เกือบเข้าโรงพยาบาล หมอที่คลินิกใกล้บ้าน บอกต้องไปหาหมอเบาหวานด่วน หมอเขาบอกตรงๆเลยว่า ห้ามหยุดฉีดอินซูลินเอง โดยเฉพาะตอนป่วยแบบนี้ น้ำตาลขึ้นลงไม่แน่นอน อันตรายมาก เกือบตายแล้ว กลัวมาก เครียดไปหลายวัน แต่โชคดีที่ไปหาหมอทัน
- เดือนเมษายน 2566 ช่วงสงกรานต์
- ไข้สูงมาก กินไม่ได้ อ่อนเพลีย
- ระดับน้ำตาลในเลือดสูงผิดปกติ
- หมอบอกห้ามหยุดฉีดอินซูลินเด็ดขาด โดยเฉพาะตอนป่วย
- ต้องปรับขนาดยาตามคำแนะนำแพทย์
จำไว้เลย เบาหวานไม่ใช่เรื่องเล่นๆ มันอันตราย ถ้าคิดจะหยุดยาเอง ต้องคิดถึงความเสี่ยง ฉันเกือบตายแล้ว นี่คือประสบการณ์ตรง อย่าทำตามฉัน ปรึกษาหมอเสมอ อย่าประมาท เรื่องสุขภาพสำคัญที่สุด
ฉันเอง หลังจากเหตุการณ์นั้น ฉันดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัด ควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย ตรวจเช็คระดับน้ำตาล ทุกอย่าง กลัวมาก กลัวจะเกิดเหตุการณ์แบบนั้นอีก มันน่ากลัวจริงๆ
ต้องฉีดอินซูลินตลอดชีวิตไหม?
เบาหวานชนิดที่ 1 ต้องการอินซูลินตลอดชีวิต เพราะร่างกายหยุดสร้างอินซูลินเองไปแล้ว การฉีดช่วยให้ร่างกายนำน้ำตาลไปใช้ได้ ป้องกันภาวะแทรกซ้อนระยะยาว
- ทำไมต้องตลอดชีวิต: เบาหวานชนิดที่ 1 คือเซลล์สร้างอินซูลินถูกทำลาย
- ไม่ใช่แค่ยา: คุมอาหารและการออกกำลังกายสำคัญไม่แพ้กันเลยนะเออ
- ป้องกันอะไร: โรคหัวใจ โรคไต โรคทางระบบประสาท ถามว่าน่ากลัวไหม ก็…เอาเรื่อง
อินซูลินเหมือนกุญแจเปิดประตูให้กลูโคสเข้าไปในเซลล์ ถ้าไม่มีกุญแจ เซลล์ก็อดอยาก แต่กลูโคสก็ล้นตลาดในกระแสเลือด เป็นภาวะที่ไม่สมดุลอย่างยิ่ง การฉีดอินซูลินคือการเติม “กุญแจ” ที่หายไป บางคนอาจมองว่าน่าเศร้า แต่ผมว่ามันคือความก้าวหน้าทางการแพทย์ที่ช่วยให้เรามีชีวิตอยู่ได้ต่อไป อย่างมีความหมาย
เบาหวานในคนท้องเกิดจากอะไร?
อุ๊ย! เบาหวานตอนท้องเนี่ยนะ มันมาได้ไงเนี่ย?! เหมือนผีหลอกเลย! จริงๆแล้วมันเกิดจากฮอร์โมนในร่างกายแหละคุณ! แม่เจ้า! ร่างกายแม่มันดื้อยา! ร่างกายผลิตอินซูลินไม่พอ เลยทำให้น้ำตาลในเลือดพุ่งปรี๊ด! เหมือนโด๊ปน้ำตาล! อันตรายต่อทั้งแม่และลูกเลยนะเนี่ย! เหมือนเล่นไพ่เสี่ยงโชค แพ้ก็คือจบเลย!
- ฮอร์โมนเพี้ยน: ร่างกายแม่ผลิตอินซูลินน้อยไป น้ำตาลเลยขึ้นเพดาน!
- อันตรายมหาศาล: ทั้งแม่และลูกเสี่ยงต่อโรคภัยสารพัด! เหมือนโดนสาป!
- ตรวจเช็คด่วน: ไปหาหมอตรวจตั้งแต่เนิ่นๆ อย่าชะล่าใจ! ไม่งั้นเจอแบบแสบๆ คันๆ
(ข้อมูลจากปี 2566: ปีนี้หมอเขาก็ยังคงย้ำเรื่องการตรวจคัดกรองเบาหวานขณะตั้งครรภ์อย่างต่อเนื่องนะครับ เพื่อนผมคนนึงก็เพิ่งไปตรวจมาเอง เครียดเลย)
น้ำตาลสูงเท่าไรต้องกินยา?
อืม… น้ำตาลนี่มันเรื่องใหญ่จริงๆ นะ ฉันเองก็เคยตรวจแล้ว ปีนี้แหละ จำได้แม่นเลย สูงกว่า 125 mg/dL หมอบอกว่าเสี่ยงเป็นเบาหวาน ตอนนั้นใจเสียเลย เหมือนโลกมันมืดลงไป ยังคิดเลยว่าจะต้องกินยาหรือเปล่า หมอไม่ได้สั่งยาอะไรนะ แค่แนะนำให้ดูแลตัวเอง ปรับเปลี่ยนชีวิต
- ต้องควบคุมอาหาร งดของหวาน ลดแป้ง นี่แหละยากสุด เพราะฉันชอบกินขนมมาก
- ต้องออกกำลังกาย อย่างน้อยวันละ 30 นาที แต่บางวันก็ขี้เกียจ จริงๆ นะ บอกเลยว่าเหนื่อย
- ลดน้ำหนัก หมอบอกให้ลดซัก 5 กิโล ตอนนี้กำลังพยายาม แต่ก็ยากเหมือนกัน
ถึงจะไม่ต้องกินยาตอนนี้ แต่ก็เครียด กลัวเป็นเบาหวาน กลัวต้องฉีดยา กลัวต้องเจ็บตัว ไม่รู้จะทำยังไงดี คิดมากไปหมดเลย ทุกวันนี้เลยพยายามทำตามที่หมอบอก หวังว่าจะดีขึ้น แต่บางทีก็ท้อ เหนื่อย ช่างมันเถอะ พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่
น้ำตาลสูงมีอาการยังไง?
น้ำตาลสูง อาการแสดงออกค่อนข้างหลากหลาย บางคนอาจมีอาการชัดเจน บางคนอาจไม่มีอาการเลย ซึ่งอันนี้แหละน่าสนใจ เหมือนกับว่าร่างกายบางคนมันเงียบเชียบ ซ่อนความผิดปกติไว้ได้เนียนมาก ต้องอาศัยการตรวจเลือดถึงจะรู้
สัญญาณอันตรายที่ควรระวัง มีดังนี้:
- ปัสสาวะบ่อย: ร่างกายพยายามขับน้ำตาลส่วนเกินออกทางปัสสาวะ
- หิวน้ำบ่อย: อาการกระหายน้ำอย่างต่อเนื่อง ร่างกายขาดน้ำ
- น้ำหนักลด: แม้ทานอาหารปกติ แต่ร่างกายเผาผลาญน้ำตาลไม่ทัน ส่งผลให้น้ำหนักลด
- ผิวแห้ง: การขาดน้ำส่งผลต่อความชุ่มชื้นของผิวหนัง
- รู้สึกหิวแม้เพิ่งกิน: น้ำตาลในเลือดต่ำ ร่างกายจึงส่งสัญญาณความหิว
- อ่อนเพลีย: ร่างกายขาดพลังงานจากการเผาผลาญน้ำตาลผิดปกติ
- สายตาพร่ามัว: การเปลี่ยนแปลงระดับน้ำตาลในเลือดอาจกระทบต่อเลนส์ตา
ข้อควรจำ อาการเหล่านี้อาจไม่ปรากฏทั้งหมด หรืออาจไม่ชัดเจนในทุกคน การตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดเป็นวิธีที่แม่นยำที่สุดในการวินิจฉัย และเป็นการป้องกันที่ดีที่สุด เหมือนกับการตรวจสุขภาพประจำปีที่ควรทำ เพื่อความสบายใจและสุขภาพที่ดีในระยะยาว
(เพิ่มเติม) ปีนี้ (2566) องค์การอนามัยโลกยังคงเน้นย้ำถึงความสำคัญของการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคเบาหวาน หรือผู้ที่มีน้ำหนักเกิน การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินและการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เป็นวิธีการที่ดีในการป้องกันและควบคุมภาวะน้ำตาลในเลือดสูง
ข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต