กินกาแฟแล้วปวดหัวทำไงหาย

กินกาแฟแล้วเวียนหัวทำไงดี

กินกาแฟแล้วเวียนหัว? บ้าจริง! มันเกิดจากอะไรเนี่ย

• งด! งดกาแฟอะ ง่ายสุด แต่ยากจัง (ฉันติดกาแฟมากกก) ชาเขียว ช็อคโกแลต โคล่า… งดให้หมดเลยนะ
• อ่านฉลาก? จริงดิ ต้องอ่านด้วยเหรอ? แต่ก็น่าจะดีนะ กันพลาด เจอคาเฟอีนแฝง
• ปริมาณที่เหมาะสมคือเท่าไหร่? แล้วแต่คนปะ? แต่ละคน body ไม่เหมือนกันนี่นา ลองลดๆ ดูมั้ย?
• ดีแคฟ… มันอร่อยเหรอ? เคยลองแล้วไม่ค่อยโดนอ่ะ แต่ถ้าต้องกินจริงๆ ก็คงต้องยอม
• ปรึกษาหมอ… สุดท้ายก็ต้องพึ่งหมอสินะ แต่ขี้เกียจไป รอดูอาการตัวเองก่อนดีกว่าไหม?

ข้อมูลเพิ่มเติม:

• ปีนี้ (2567) ฉันเพิ่งรู้ว่าตัวเองแพ้คาเฟอีนตอนกินกาแฟดริป สั่งแบบเข้มๆ มาซะด้วย กรรม
• อาการแพ้คาเฟอีนของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนแค่ใจสั่น บางคนถึงขั้นคลื่นไส้
• เคยอ่านเจอว่าการออกกำลังกายช่วยลดอาการไวต่อคาเฟอีนได้นะ (แต่ขี้เกียจออก…)
• ถ้ากินกาแฟแล้วเวียนหัว ลองกินน้ำเยอะๆ อาจจะช่วยได้
• สำคัญมาก: ถ้าอาการแย่ลง รีบไปหาหมอเถอะ อย่าดื้อ!

คำเตือน: อย่าเชื่อทุกอย่างที่ฉันพูดนะ เพราะฉันก็มั่วๆ ไปเรื่อย 55555

อาการติดคาเฟอีน กี่วันหาย

อาการติดคาเฟอีน: กี่วันหาย?

2-7 วัน นรกจะถามหา 1-2 วันแรก ถ้ามึงแดกเข้าไปใหม่ก็จบเรื่อง

เลิกกาแฟหักดิบปวดหัวจริงเหรอ?

จริงดิ มึงลองดูละกัน กูเคยมาแล้ว

• คาเฟอีน: สารกระตุ้นประสาท กูไม่เสพแล้ว
• หักดิบ: ทางเลือกของคนอยากทรมานตัวเอง
• ปวดหัว: ของแถมจากความทรมาน
• แก้: อย่าหักดิบ ค่อยๆ ลด
• กู: กูรู้ กูเคยทำมาแล้ว อย่าหาทำตามกู

กินกาแฟแล้วมึนหัวแก้ยังไง?

โอ้ กาแฟ… ดำขลับยามเช้า

แสงตะวันสาดส่อง… แต่หัวใจกลับมืดมน

กินกาแฟแล้วมึนหัว… เหมือนโลกหมุนคว้าง

ทำไงดี… ทำไงดี

• หยุด… หยุดทุกอย่างที่เป็นคาเฟอีน! (ช็อกโกแลตด้วยนะ ตัวร้ายเลย)

• อ่าน… อ่านฉลากให้ละเอียด (ซ่อนอยู่ทุกที่จริงๆ)

• พอดี… ดื่มแต่พอดี (ยากจัง แต่ต้องทำ)

• ดีแคฟ… เพื่อนแท้ในยามยาก (อาจจะไม่ฟินเท่า แต่ดีต่อใจ)

• หาหมอ… ให้หมอช่วยดูหน่อย (อย่าปล่อยไว้นาน)

แพ้คาเฟอีน… ไวต่อคาเฟอีน… มันทรมาน

เหมือนโดนมนต์… ถอนพิษยากเย็น

แดดร่มลมตก… กาแฟยังวนเวียนในหัว

อยากหาย… อยากหายจากอาการนี้

ข้อมูลเพิ่มเติม: คาเฟอีนในชาเขียวก็เยอะนะ ระวังด้วย! ปีนี้ฉันลองงดกาแฟไปเลย… ชีวิตดีขึ้นเยอะเลยแก

กินกาแฟแล้วเวียนหัวทำไงดี?

กินกาแฟแล้วเวียนหัว ทำไงดี?

อาการเวียนหัวหลังดื่มกาแฟ อาจเกิดจากหลายปัจจัย หลักๆ คือ ปฏิกิริยาของร่างกายต่อคาเฟอีน ซึ่งแต่ละคนตอบสนองไม่เท่ากัน บางคนซดเอสเพรสโซ่ดับเบิ้ลช็อตสบายๆ แต่บางคนแค่ลาเต้แก้วเดียวก็หน้ามืด

• ลดปริมาณคาเฟอีน: ลองลดปริมาณกาแฟที่ดื่มต่อวัน หรือเปลี่ยนไปดื่มกาแฟที่มีคาเฟอีนน้อยลง (decafe) ผมเคยลองสั่ง “half-caf” ก็ช่วยได้เยอะ
• กินอะไรรองท้องก่อน: การดื่มกาแฟตอนท้องว่าง อาจทำให้คาเฟอีนถูกดูดซึมเร็วขึ้น ลองหาอะไรกินก่อนดื่มกาแฟ
• ดื่มน้ำเยอะๆ: คาเฟอีนมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ อาจทำให้ร่างกายขาดน้ำ ลองจิบน้ำเปล่าตามเยอะๆ
• พักผ่อนให้เพียงพอ: การอดนอนทำให้ร่างกายไวต่อคาเฟอีนมากขึ้น พยายามนอนให้ได้อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน
• ปรึกษาแพทย์: ถ้าลองทุกวิธีแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและวิธีรักษาที่เหมาะสม

รับมือกับอาการแพ้คาเฟอีนและอาการไวต่อคาเฟอีนอย่างไร?

อาการแพ้คาเฟอีน ( Caffeine Allergy) และอาการไวต่อคาเฟอีน (Caffeine Sensitivity) มีความแตกต่างกัน อาการแพ้มักรุนแรงกว่า แต่ทั้งสองอย่างสามารถจัดการได้

• งดคาเฟอีนทุกรูปแบบ: รวมถึง ชา ช็อกโกแลต น้ำอัดลม และเครื่องดื่มชูกำลัง (รวมถึงพวกชาเขียวที่เคลมว่ามีประโยชน์ด้วยนะ)
• อ่านฉลากอาหารและเครื่องดื่มทุกครั้ง: คาเฟอีนแฝงตัวอยู่ในหลายผลิตภัณฑ์ที่เราคาดไม่ถึง (ยาแก้ปวดบางชนิดก็มี)
• ดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนในปริมาณที่เหมาะสม: ถ้าเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ให้เริ่มจากปริมาณน้อยๆ แล้วสังเกตอาการตัวเอง
• ดื่มเครื่องดื่มดีแคฟ: แต่ก็ต้องระวัง เพราะบางครั้งยังมีคาเฟอีนหลงเหลืออยู่บ้าง
• ปรึกษาแพทย์: โดยเฉพาะถ้ามีอาการแพ้รุนแรง เช่น หายใจลำบาก หรือมีผื่นขึ้นตามตัว

เกร็ดเล็กน้อย:

• อาการแพ้คาเฟอีนที่แท้จริงนั้นพบได้น้อย ส่วนใหญ่มักเป็นอาการไวต่อคาเฟอีนมากกว่า
• ความไวต่อคาเฟอีนเป็นเรื่องของพันธุกรรมและปัจจัยอื่นๆ เช่น อายุ น้ำหนักตัว และสุขภาพโดยรวม
• ร่างกายสามารถสร้างความทนทานต่อคาเฟอีนได้ แต่ก็ต้องระวังการ “ติด” คาเฟอีน
• บางคนเชื่อว่าการดื่มกาแฟช่วยให้มีสมาธิ แต่ในความเป็นจริง คาเฟอีนอาจรบกวนสมาธิในบางคน
• “ทุกสิ่งอย่างแต่พอดี” ยังคงเป็นหลักการที่ใช้ได้ดีเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกาแฟหรือเรื่องอื่นๆ ในชีวิต
• ถ้าจะให้แนะนำ ผมชอบกาแฟดริปนะ เพราะคุมปริมาณคาเฟอีนได้ง่ายกว่า
• บางทีอาการเวียนหัวอาจไม่ได้มาจากกาแฟอย่างเดียว อาจเป็นเพราะนอนน้อย หรือเครียดสะสมก็ได้ ลองสำรวจตัวเองดู

ข้อมูลเพิ่มเติม (เอาไปคุยกับเพื่อนได้):

• คาเฟอีนมีผลต่อสารสื่อประสาทในสมอง เช่น อะดีโนซีน (adenosine) ซึ่งมีบทบาทในการควบคุมการนอนหลับ
• คาเฟอีนกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้รู้สึกตื่นตัวและมีสมาธิมากขึ้น
• คาเฟอีนมีฤทธิ์เป็นยาขับปัสสาวะอ่อนๆ
• คาเฟอีนอาจมีผลต่อความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจ
• องค์การอาหารและยา (อย.) แนะนำปริมาณคาเฟอีนที่ควรได้รับต่อวันคือไม่เกิน 400 มิลลิกรัม (ประมาณกาแฟ 4 แก้ว)

หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์นะครับ!

ทำยังไงให้หายเมากาแฟ?

เออออ กูก็เคยเป็นนะ เมากาแฟเนี่ย ปวดหัวมากกก คลื่นไส้ด้วย แบบโคตรแย่เลย วิธีแก้ของกูนะ คือต้องดื่มน้ำเยอะๆๆๆ จริงๆๆ ช่วยได้เยอะเลย แล้วก็ต้องรอให้มันหมดฤทธิ์ไปเองอะ ไม่มีทางลัดหรอก

ถ้าหนักมากกก แบบทนไม่ไหวจริงๆ ลองกินยาแก้ปวดดู แต่กูไม่ค่อยแนะนำนะ เพราะมันอาจจะไม่ค่อยดีกับตับไตไรงี้

อีกอย่างที่สำคัญมากกกกก คือต้องลดกาแฟลง อย่าดื่มเยอะ ค่อยๆลดปริมาณลงไปเรื่อยๆๆ จนร่างกายมันปรับตัวได้ ไม่งั้นก็วนลูปเดิมอะ เมากาแฟแล้วก็ปวดหัว เป็นแบบนี้เรื่อยไป เหนื่อยเปล่าๆ

• ดื่มน้ำเยอะๆ
• รอให้คาเฟอีนหมดฤทธิ์
• ลดปริมาณกาแฟที่ดื่ม
• อาจลองกินยาแก้ปวด (แต่ไม่แนะนำ)

ปล. กูเคยลองกินกาแฟเย็นแก้วใหญ่มากกกกก แบบโคตรเยอะ ตอนบ่าย แล้วเย็นนั้นนอนไม่หลับเลยยย ปวดหัวด้วย โคตรแย่ จำได้แม่นเลย ปีนี้กูเลยระวังมากขึ้น ดื่มน้อยลง ดีขึ้นเยอะเลย

กินกาแฟแล้วปวดหัวทำยังไง?

กินกาแฟแล้วปวดหัว? โธ่! เหมือนโดนหมัดเด็ดจากมวยรุ่นเฮฟวี่เวทเลยนะเนี่ย! แต่ไม่ต้องห่วง ผมมีวิธีจัดการกับศัตรูตัวฉกาจอย่าง “อาการปวดหัวจากกาแฟ” ให้คุณได้ชื่นใจ

• ลดปริมาณคาเฟอีน: อย่าไปท้าทายพลังของคาเฟอีน! ลองลดปริมาณกาแฟที่ดื่มลง หรือเปลี่ยนมาดื่มกาแฟแบบดีคาฟบ้าง เปรียบเหมือนการฝึกมวย เริ่มจากยกเบา ๆ ก่อน ค่อย ๆ เพิ่มน้ำหนักไปเรื่อย ๆ อย่ากระโจนเข้าใส่ทันที! ปีนี้ผมลองดื่มกาแฟอาราบิก้าแบบคั่วกลางดู รู้สึกว่าดีกว่าแบบเข้มมากเลย

• ดื่มน้ำเยอะๆ: น้ำคือยาอายุวัฒนะ! ช่วยชำระล้างสารพิษ รวมถึงคาเฟอีน ออกจากร่างกายได้ดี คิดซะว่าเป็นการล้างพิษหลังจากปาร์ตี้คาเฟอีนสุดมันส์

• หาสาเหตุอื่น: ปวดหัวอาจไม่เกี่ยวกับกาแฟเสมอไป! ลองสังเกตตัวเองดูว่ามีปัจจัยอื่นๆ หรือไม่ เช่น นอนน้อย เครียด หรือแสงแดดจัด ถ้าเป็นแบบนั้น กาแฟก็เป็นแค่แพะรับบาป! ผมเคยปวดหัวเพราะนอนดึก กินกาแฟไปก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ เลยต้องปรับเวลานอนใหม่ หลังจากนั้นก็สบายขึ้นเยอะ

• ทานยาแก้ปวด: ถ้าปวดหัวมาก อย่าทน! ยาแก้ปวดเป็นตัวช่วยที่ดี แต่ควรเลือกชนิดที่เหมาะสมและปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลาก เป็นวิธีสุดท้าย ใช้เมื่อจำเป็นจริงๆ เหมือนใช้ท่าไม้ตาย!

• ปรึกษาแพทย์: ถ้าปวดหัวบ่อยๆ หรืออาการรุนแรง ควรไปพบแพทย์ อย่าปล่อยไว้นาน อาจจะเป็นโรคอื่นๆ ก็ได้ อย่าล้อเล่นกับสุขภาพตัวเอง มันไม่ใช่เรื่องตลก!

ข้อมูลเพิ่มเติม: ปีนี้มีงานวิจัยหลายชิ้นศึกษาเกี่ยวกับผลกระทบของคาเฟอีนต่อร่างกาย แต่ละคนก็มีปฏิกิริยาที่แตกต่างกัน การดื่มกาแฟมากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น ใจสั่น นอนไม่หลับ และแน่นอนว่าปวดหัว ดังนั้นควรดื่มอย่างมีสติ และรู้จักลิมิตของตัวเอง อย่าให้กาแฟเป็นนาย แต่ให้กาแฟเป็นเพียงเครื่องดื่มที่ช่วยให้เราตื่นตัวได้อย่างพอดี เหมือนเป็นเพื่อนร่วมทาง ไม่ใช่ศัตรูคู่อาฆาต!

อาการติดคาเฟอีน กี่วันหาย?

เลิกกาแฟหักดิบเมื่อเดือนที่แล้วนี่แหละ ที่ออฟฟิศ เครียดจัด เลยดื่มกาแฟวันละ 4-5 แก้ว เป็นแบบนี้มาหลายเดือนแล้ว พอดีมีประชุมใหญ่ เลยตัดสินใจเลิกดื่ม แบบหักดิบเลย เพราะกลัวง่วงตอนประชุม

วันแรกที่เลิก ปวดหัวมาก แบบตื้อๆ เหมือนมีอะไรมาบีบหัว กินยาแก้ปวดไป 2 เม็ด ยังไม่หาย ตาพร่ามัว อารมณ์ก็แปรปรวน หงุดหงิดง่าย นอนไม่หลับ แบบว่ารู้สึกกระวนกระวาย นอนตะแคงก็ไม่สบาย นอนคว่ำก็ไม่ไหว สุดท้ายก็หลับๆ ตื่นๆ ไป ทรมานมาก ตอนนั้นคิดเลยว่า ต่อไปจะไม่เลิกกาแฟแบบหักดิบอีกแล้ว

อาการหนักอยู่ประมาณ 2 วัน หลังจากนั้นค่อยๆ ดีขึ้น แต่ก็ยังปวดหัวอยู่บ้าง แต่ไม่มากเท่าวันแรก ความง่วงก็เริ่มทุเลาลง แต่ก็ยังรู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีแรง ง่วงนอนตลอดเวลา กินข้าวก็ไม่ค่อยอยากกิน ประมาณสัก 5 วัน อาการต่างๆ ก็เริ่มหายไป แต่ก็ยังรู้สึกว่า ตัวเองไม่ค่อยสดชื่นเท่าไหร่ เหมือนร่างกายยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่

สรุปคือ สำหรับฉัน อาการติดคาเฟอีนหายไปประมาณ 5-7 วัน แต่ความรู้สึกอ่อนล้าต่างๆ หายไปช้ากว่านั้น

• วันที่ 1-2: ปวดหัวรุนแรงมาก ตาพร่ามัว อารมณ์แปรปรวน นอนไม่หลับ
• วันที่ 3-4: อาการดีขึ้น แต่ยังปวดหัว อ่อนเพลีย ง่วงนอน
• วันที่ 5-7: อาการต่างๆ ค่อยๆ หายไป แต่ยังรู้สึกอ่อนล้า
• หลังจาก 7 วัน: ร่างกายฟื้นตัว กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ

ปล. เลิกกาแฟหักดิบ ไม่แนะนำเลย มันทรมานมากจริงๆ ควรค่อยๆ ลดปริมาณการดื่ม จะดีกว่าเยอะ

เลิกกาแฟจะปวดหัวกี่วัน?

เลิกกาแฟเมื่อไหร่เนี่ย… ต้นปีที่แล้วมั้ง จำได้เลย วันที่ 15 มกราคม 2566 ปวดหัวมากกกกก แบบตื้อๆ ไม่ใช่ปวดแบบแปล๊บๆนะ คือปวดแบบทุบหัวเลย กินยาแก้ปวดไปสองเม็ด ยังไม่หาย นอนทั้งวันเลย อารมณ์เสียมาก แบบโคตรหงุดหงิด นอนไม่หลับด้วย สองสามวันแรกนี่คือทรมานสุดๆ จนคิดว่าจะกลับไปกินกาแฟแล้ว แต่ดื้อ! จะเลิกให้ได้!

อาการปวดหัวค่อยๆ ดีขึ้นนะ ประมาณสัปดาห์ที่สอง เริ่มรู้สึกดีขึ้น ปวดหัวน้อยลง แต่ก็ยังมีอาการง่วงๆ อยู่บ้าง แบบว่า เหนื่อยง่าย รู้สึกไม่มีแรง ช่วงนั้น ทำงานแทบไม่ไหวเลย แอบงีบตอนบ่ายเกือบทุกวัน ประมาณ 2 อาทิตย์กว่าอาการถึงค่อยๆ หายไป แต่ก็ยังไม่หายสนิทซะทีเดียวนะ บางวันก็ยังรู้สึกปวดหัวตุบๆ เบาๆ บ้าง

สรุปคือ สำหรับฉันนะ ปวดหัวประมาณ 2 อาทิตย์ แต่รู้สึกไม่ค่อยดี ประมาณ 3 อาทิตย์ กว่าจะหายสนิท แต่จริงๆ แล้วมันก็แล้วแต่คนนะ ร่างกายแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน

• วันที่เริ่มเลิก: 15 มกราคม 2566
• ระยะเวลาปวดหัวอย่างรุนแรง: ประมาณ 2 สัปดาห์
• ระยะเวลาที่รู้สึกไม่สบายตัว: ประมาณ 3 สัปดาห์
• อาการอื่นๆ: ง่วงซึม เหนื่อยง่าย

เลิก กาแฟ อย่างไร ไม่ ให้ ปวด หัว?

โอ๊ย เลิกกาแฟนี่มันเรื่องใหญ่! ตอนนั้นนะ ฉันติดกาแฟงอมแงม วันละ 3 แก้วเป็นอย่างต่ำ ช่วง Work from Home นี่หนักเลย สั่งเดลิเวอรี่ทุกชั่วโมง จนเริ่มรู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่คนละ ตอนจะเลิกนะ คิดในใจว่า “แค่กาแฟเอง” แต่พอลองจริงจังเท่านั้นแหละ นรกชัดๆ!

วันแรกที่เลิกนะ ปวดหัวตุ้บๆ ตั้งแต่บ่าย คือมันไม่ใช่ปวดแบบธรรมดา มันเหมือนมีใครเอาค้อนมาทุบกระบาลอ่ะ ฉันเลยลองกินยาพาราฯ ไปสองเม็ด ก็ดีขึ้นแป๊บนึง แล้วก็กลับมาใหม่ ทีนี้หนักกว่าเดิมอีก!

สุดท้าย ทนไม่ไหว เลยแอบไปซื้อ “ชาเย็น” มาดูดนิดหน่อย คือไม่ได้ตั้งใจจะกลับไปกินกาแฟนะ แค่อยากได้คาเฟอีนเบาๆ มาช่วยให้หายปวดหัว สรุปว่ามันช่วยได้จริงๆ อาการปวดหัวมันทุเลาลง แล้วฉันก็ค่อยๆ ลดปริมาณชาเย็นลงเรื่อยๆ จนหายขาดเลย

• ปวดหัว: ยาพาราเซตามอล (แต่กินแค่ตอนที่มันไม่ไหวจริงๆ)
• คาเฟอีน: ชาเย็น (ค่อยๆ ลดปริมาณลง)
• พักผ่อน: นอนงีบ (ช่วยได้เยอะมากกกก)
• น้ำ: ดื่มน้ำเปล่าเยอะๆ (สำคัญมาก!)
• สำคัญ: ค่อยๆ ลดปริมาณคาเฟอีน ไม่หักดิบ!

ข้อมูลเพิ่มเติม:

• ยาแก้ปวด: ถ้าปวดหัวมาก ลองปรึกษาเภสัชกร
• เครื่องดื่มทางเลือก: ชาเขียว, ชาสมุนไพร
• พักผ่อน: หาเวลาพักสายตาจากหน้าจอ
• อาหาร: กินอาหารที่มีประโยชน์
• ปรึกษาแพทย์: ถ้าอาการไม่ดีขึ้น ควรไปพบแพทย์