มึนหัวกดจุดตรงไหน

39 การดู

มึนหัวกดจุดไหนดี? ลองกดจุดบรรเทาอาการเบื้องต้นดังนี้

  • หว่างคิ้ว (Yintang): คลายเครียด ลดมึนหัว
  • ขมับ (Taiyang): บรรเทาปวดหัว
  • ท้ายทอย (Fengchi): คลายปวดตึงคอ บ่า ไหล่ ลดปวดหัว

อย่าลืม! พักผ่อน ดื่มน้ำมากๆ หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น หากอาการยังไม่ดีขึ้น รีบพบแพทย์

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

จุดกดไหนช่วยบรรเทาอาการมึนหัว?

เคยมึนหัวตอนบ่ายๆ ร้อนๆ เดินตลาดนัดแถวบ้าน จำได้เลยวันนั้นซื้อข้าวเหนียวมะม่วงมากิน แดดแรงมาก. กดขมับเบาๆ รู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย. เหมือนมันเย็นๆ คลายความร้อนในหัวได้บ้าง. ครั้งนั้นซื้อข้าวเหนียวมะม่วงไป 30 บาท. แพงกว่าร้านปกติ แต่ก็อร่อยดี.

อีกทีนึงมึนหัวตอนอ่านหนังสือสอบ อ่านหนักไปหน่อย. คราวนี้ลองกดหว่างคิ้ว. มันตึงๆ กดแล้วรู้สึกผ่อนคลายขึ้น. เหมือนสมองโล่งขึ้นนิดนึง. จำได้ว่าตอนนั้นอ่านเรื่องระบบไหลเวียนโลหิตอยู่.

ส่วนท้ายทอยนี่เคยกดให้แม่ แม่บอกปวดหัวเพราะทำงานบ้านเยอะ. แม่บอกว่ากดแล้วรู้สึกดีขึ้น เหมือนเส้นมันคลายตัว. กดให้แม่บ่อยๆ จนจำตำแหน่งได้เลย. ไม่รู้ว่าเกี่ยวกันมั้ย แต่เห็นแม่ยิ้มได้ก็ดีใจ. ตอนนั้นแม่ทำกับข้าวอยู่ จำได้ว่าเป็นแกงส้ม.

มึนหัวนวดตรงไหน

มึนหัว นวดตรงไหนดี? ลองนวดจุดสำคัญเหล่านี้ดูครับ:

  • ไท่หยาง (太阳穴): อยู่บริเวณขมับ หลังหางคิ้วประมาณ 1.5 ซม. ใช้นิ้วหัวแม่มือวนเป็นวงกลมเบาๆ 3-5 นาที ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อบริเวณนั้นได้ดี ผมเองก็ใช้วิธีนี้อยู่บ่อยๆ เวลาเครียดๆ หรือทำงานหนักๆ รู้สึกได้เลยว่าช่วยบรรเทาอาการได้ระดับหนึ่งครับ แต่ก็ต้องเข้าใจว่านี่เป็นเพียงการช่วยเหลือเบื้องต้นนะครับ

  • ป่ายฮุ่ย (百会穴): จุดนี้สำคัญมาก อยู่บนกระหม่อม กลางระหว่างใบหูทั้งสองข้าง ใช้ปลายนิ้วชี้หรือกลางกดวนเบาๆ เช่นกัน 3-5 นาที ลองสังเกตดูนะครับว่า การกระตุ้นจุดนี้ บางคนอาจรู้สึกถึงการไหลเวียนของพลังงาน มันเป็นศาสตร์ที่น่าสนใจทีเดียว แต่ก็ต้องระวังอย่ากดแรงเกินไป เพราะอาจทำให้รู้สึกไม่สบายได้

เพิ่มเติม: การนวดช่วยได้ระดับหนึ่ง แต่ถ้ามึนหัวบ่อยๆ หรือมีอาการอื่นร่วมด้วย ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แท้จริง อย่าลืมว่าสุขภาพร่างกายสำคัญที่สุดครับ การดูแลตัวเองอย่างเหมาะสมคือการลงทุนระยะยาวที่คุ้มค่าเสมอ

มึนงงรักษายังไง

ช่วงเดือนที่แล้วนี่แหละ ตื่นเช้ามาเวียนหัวมาก แบบมึนๆ เหมือนโลกมันหมุน ตอนนั้นอยู่บ้านที่นนทบุรี ประมาณ 8 โมงเช้า อากาศก็ร้อนอบอ้าว เลยนั่งนิ่งๆ อยู่บนเตียงสักพัก พยายามหายใจช้าๆ แบบที่เคยอ่านเจอในเว็บสุขภาพ ก็ดีขึ้นนิดหน่อยนะ แต่ก็ยังไม่หายสนิท ก็เลยดื่มน้ำเปล่าไปเยอะมาก เกือบสองแก้วใหญ่ๆ หวังว่ามันจะช่วยได้

หลังจากนั้นลองหลับตาพัก คิดว่าตัวเองคงนอนน้อยไป เพราะช่วงนั้นงานยุ่งมาก แทบไม่ได้พักเลย แต่พอตื่นขึ้นมาอาการก็ยังไม่ดีขึ้นเท่าไหร่ เลยลองกินลูกอม เผื่อจะช่วยได้ รสเลมอน หวังว่าความเปรี้ยวจะช่วยกระตุ้นอะไรสักอย่าง ผลปรากฏว่า ก็พอช่วยได้บ้างเล็กน้อยนะ รู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย แต่ไม่หายขาด

ตอนบ่าย อาการเริ่มหนักขึ้น เลยลองนั่งพัก เปลี่ยนท่าบ้าง นั่งสักพักแล้วก็ลุกขึ้นยืน รู้สึกเหมือนจะดีขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังเวียนหัวอยู่ ตอนนั้นเครียดมาก นึกถึงแต่เรื่องงาน เลยพยายามหายใจลึกๆ เพื่อคลายเครียด พยายามคิดเรื่องอื่นๆ ให้ความคิดไปจดจ่อกับเรื่องอื่นแทน แล้วก็พยายามดื่มน้ำบ่อยๆ

สรุปคือ อาการมึนหัวครั้งนั้นหายไปเอง หลังจากที่ฉันพักผ่อนให้เพียงพอ และพยายามหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้เครียด จริงๆ ฉันอยากไปหาหมอ แต่ก็ไม่ว่าง เลยเลือกวิธีง่ายๆ ไปก่อน เพราะคิดว่ามันอาจจะแค่พักผ่อนน้อยไป

  • นั่งหรือเอนตัวพัก ให้นิ่งๆ เพื่อลดการเคลื่อนไหวของศีรษะ
  • ดื่มน้ำเยอะๆ เพื่อให้ร่างกายชุ่มชื้น
  • หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ทำให้มึนหัว เช่น ทำงานต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ
  • ลูกอม ช่วยได้บ้างเล็กน้อย แต่ไม่ใช่ทางแก้ปัญหาหลัก
  • พักผ่อนให้เพียงพอ สำคัญที่สุด
  • จัดการความเครียด วิธีการส่วนตัว เช่น หายใจลึกๆ

อาการมึนๆ ลอยๆ เกิดจากอะไร

อาการมึนๆ ลอยๆ มักเกิดจากเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ นี่เป็นเรื่องปกติที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุหรือคนที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ, ความดันโลหิตสูง, หรือเบาหวาน แต่ก็ไม่ใช่สาเหตุเดียวเสมอไปนะ

  • ภาวะเลือดไปเลี้ยงสมองลดลง: นี่เป็นสาเหตุหลัก อาจเกิดจากความดันโลหิตต่ำ, การขาดน้ำ, หรือโรคหัวใจที่ส่งผลต่อการไหลเวียนเลือด

  • ภาวะโลหิตจาง: ร่างกายขาดเซลล์เม็ดเลือดแดง ทำให้สมองได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ

  • การขาดสารอาหาร: การขาดวิตามินหรือแร่ธาตุบางชนิด เช่น วิตามินบี12 ก็มีผลต่อการทำงานของระบบประสาท

  • ผลข้างเคียงยา: บางชนิดอาจทำให้เกิดอาการมึนหัวเป็นผลข้างเคียง ควรปรึกษาแพทย์หากสงสัย

  • ภาวะอื่นๆ: เช่น โรคเกี่ยวกับระบบประสาท, ความเครียด, หรือแม้แต่การนอนหลับไม่เพียงพอ ก็สามารถทำให้เกิดอาการนี้ได้

(ส่วนตัวเคยมีอาการคล้ายๆแบบนี้ตอนช่วงทำงานหนักมากๆ พักผ่อนน้อย พอได้พักผ่อนเพียงพออาการก็หายไป แต่ถ้าเป็นบ่อยๆควรไปพบแพทย์นะ อย่าเพิกเฉย)

ข้อมูลเพิ่มเติม (ปี 2566): การศึกษาใหม่ๆเน้นย้ำความสำคัญของการตรวจสุขภาพประจำปี โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เพื่อค้นหาสาเหตุของอาการมึนหัวได้เร็วขึ้น การวินิจฉัยที่รวดเร็วช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น โรคหลอดเลือดสมอง

บ้านหมุน หายเองได้ไหม

บ้านหมุน หรือเวียนศีรษะแบบหมุน บางกรณีหายเองได้ครับ โดยเฉพาะอาการที่เกิดจากสาเหตุชั่วคราว เช่น นอนไม่พอ พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือภาวะขาดน้ำ ร่างกายสามารถปรับสมดุลได้เอง

แต่ถ้าอาการไม่ดีขึ้นหรือมีอาการอื่นร่วมด้วย ควรไปพบแพทย์ การรักษาจะขึ้นอยู่กับสาเหตุ เช่น

  • โรคเมเนียร์: มักรักษาด้วยยาควบคุมอาการ เช่น ยาลดอาการคลื่นไส้อาเจียน และยาป้องกันการอักเสบในหูชั้นใน บางรายอาจต้องผ่าตัดในกรณีรุนแรง ข้อมูลล่าสุดปี 2566 จากการศึกษาที่ผมอ่านพบว่า การใช้ยา Steroid ในระยะสั้นช่วยลดอาการได้อย่างมีนัยสำคัญในหลายเคส

  • โรคหูชั้นในอักเสบ: การรักษาเน้นบรรเทาอาการ เช่น ยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบ และยาป้องกันการติดเชื้อ การพักผ่อนอย่างเพียงพอเป็นสิ่งสำคัญ ผมเองเคยมีประสบการณ์ดูแลญาติที่ป่วยเป็นโรคนี้ การพักผ่อนช่วยให้ดีขึ้นจริงๆ

  • ไมเกรน: นอกจากยาแก้ปวด อาจต้องใช้ยาเฉพาะทางเพื่อป้องกันการเกิดไมเกรนซ้ำ ปีนี้มีการวิจัยใหม่ๆ เกี่ยวกับการใช้ Botulinum toxin ซึ่งเห็นผลดีในหลายเคส แต่ก็ขึ้นอยู่กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญพิจารณา

  • ตำแหน่งศีรษะผิดปกติ (positional vertigo): แพทย์อาจใช้เทคนิคการเคลื่อนไหวศีรษะ (Epley maneuver) เพื่อจัดกระดูกหูชั้นในให้กลับเข้าที่ วิธีนี้ค่อนข้างได้ผลดีและปลอดภัย จากที่ผมเคยศึกษา พบว่ามันเป็นวิธีการที่ช่วยได้รวดเร็วมาก

  • ผลข้างเคียงจากยา: หากเกิดจากยา แพทย์จะปรับเปลี่ยนยาหรือหยุดยา อันนี้ก็ต้องระมัดระวัง ควรปรึกษาแพทย์ที่ให้ยาอย่างใกล้ชิดเสมอ

การรักษาควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ อย่าพึ่งพาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตอย่างเดียว สุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ ควรปรึกษาแพทย์โดยตรงครับ

นอนแล้วมีอาการบ้านหมุน ควรทําอย่างไร

โอ๊ย! ตื่นมาบ้านหมุนติ้วๆ นึกว่าตัวเองเป็นนักร้องลูกทุ่งหมุน 360 องศาบนเวที! อย่าเพิ่งตกใจไป กินน้ำเย็นๆ สักแก้วแล้วมาฟังทางนี้

  • หูชั้นในมันรวน: ไอ้ตัวการสำคัญเลย! เหมือนลำโพงในหูมันเสีย ทำให้ทรงตัวไม่ได้เรื่อง
  • ติดเชื้อ: พวกไวรัสตัวร้ายบุกเข้าไปในหู ทำให้ระบบรวนไปหมด
  • ยาบางตัวก็ซวย: กินยาบางทีมันก็มีผลข้างเคียง ทำเอาหัวทิ่มหัวตำได้เหมือนกัน
  • ขาดน้ำ: ร่างกายขาดน้ำก็เหมือนรถที่น้ำมันหมด เครื่องมันก็รวนๆ

แล้วต้องทำไงดีล่ะทีนี้?

  • ประคองสติ: อย่าลุกพรวดพราด! ค่อยๆ ลุกนั่งช้าๆ ให้ร่างกายมันตั้งหลักก่อน
  • นอนพัก: ถ้ามันหมุนไม่หยุด ก็ล้มตัวลงนอนซะ พักให้ร่างกายมันรีบูตตัวเอง
  • หาหมอ: ถ้ามันเป็นบ่อยๆ หรือมีอาการอื่นร่วมด้วย รีบไปหาหมอเถอะ อย่ามัวแต่คิดว่าตัวเองเป็นนักเต้น

เรื่องเล่าชาวบ้าน:

เคยมีป้าข้างบ้าน ตื่นมาบ้านหมุนนึกว่าผีหลอก ที่ไหนได้ หินปูนในหูมันหลุด! ไปหาหมอ หมอจับหมุนคอสองสามที หายเฉย!

ข้อมูลเพิ่มเติม (เผื่อใครอยากรู้ลึก):

  • อาการบ้านหมุนเนี่ย มันมีหลายแบบนะเว้ยเฮ้ย! บางคนหมุนแป๊บเดียวก็หาย บางคนหมุนเป็นวันเป็นคืน
  • ถ้าไปหาหมอ หมอเค้าอาจจะให้ทำกายภาพบำบัดหู หรือให้กินยาแก้เวียนหัว
  • อย่าไปเชื่อหมอดู หมอผี! ไปหาหมอจริงๆ ดีกว่า อย่าเสียเงินเสียทองเปล่าๆ เลย

เอ้อ! แล้วก็อย่าลืมพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำเยอะๆ กินอาหารที่มีประโยชน์ จะได้ไม่เป็นภาระลูกหลาน!

เวียนหัวแบบไหนควรไปหาหมอ

อาการเวียนหัวที่ไม่ธรรมดา บ่งบอกถึงอะไรที่มากกว่าแค่พักผ่อนไม่พอ การสังเกตอาการร่วมจึงสำคัญยิ่งกว่า

  • เดินเซ ทรงตัวผิดปกติ: ไม่ใช่แค่ “มึนๆ” แต่ร่างกายไม่ฟังคำสั่ง นี่คือสัญญาณเตือนภัย

  • คลื่นไส้ อาเจียน: ถ้าไม่ได้เกิดจากอาหารเป็นพิษ อาจมีบางอย่างในระบบประสาททำงานผิดปกติ

  • สูญเสียการทรงตัว: ล้มโดยไม่มีสาเหตุอันควร นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เพราะการทรงตัวเป็นเรื่องของสมองและหูชั้นในที่ทำงานร่วมกันอย่างซับซ้อน

  • หูอื้อ มีเสียงดังในหู: อาการทางหูอาจเกี่ยวพันกับปัญหาการทรงตัวโดยตรง

ปรัชญาส่วนตัว: ผมมองว่าร่างกายเราเหมือนเครื่องดนตรีที่ซับซ้อน หากเครื่องดนตรีส่งเสียงเพี้ยน เราไม่ควรแค่ปิดเพลง แต่ควรหาสาเหตุและแก้ไขมัน

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย: จริงๆ แล้วอาการเวียนหัวที่เกิดจากความผิดปกติของหูชั้นใน (เช่น โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน) สามารถรักษาได้ด้วยกายภาพบำบัดบางประเภท แต่ต้องได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้องก่อนนะ

ข้อมูลเสริม: เคยอ่านงานวิจัยชิ้นหนึ่งบอกว่า การขาดวิตามินดีอาจมีส่วนทำให้เกิดอาการเวียนหัวได้เหมือนกัน ลองปรึกษาแพทย์ดู เผื่อเป็นอีกสาเหตุที่มองข้ามไป

ยาอะไรใช้แก้มึนงง บ้านหมุนได้บ้าง

โอ้ย เคยเป็นบ้านหมุนนี่โคตรทรมานเลย ตอนนั้นอยู่ร้านกาแฟแถวอโศก ประมาณบ่ายสองโมงกว่าๆ อากาศร้อนๆ กำลังนั่งจิบกาแฟอยู่ดีๆ รู้สึกโลกหมุนติ้วๆ ตอนแรกคิดว่าคงแดดร้อนไปหน่อย เลยเดินเข้าไปในร้าน นั่งพักแป๊บก็ไม่หาย แถมคลื่นไส้ด้วย จะอ้วกก็อ้วกไม่ออก เพื่อนพาไปหาหมอแถวนั้นเลย หมอให้ Betahistine มากิน บอกเป็นยาแก้อาการบ้านหมุน จำได้ว่ากินไปแป๊บนึงก็เริ่มดีขึ้น รู้สึกโลกหยุดหมุน แต่ยังมึนๆ อยู่บ้าง หมอบอกให้กินต่อเนื่องอีกซักพัก หลังจากนั้นก็ไม่เคยเป็นอีกเลย แต่ตอนนี้ในกระเป๋าต้องมียาตัวนี้ติดไว้ตลอด เผื่อฉุกเฉิน กลัวเป็นอีก เพราะตอนเป็นนี่มันแย่มากจริงๆ ทำอะไรไม่ได้เลย

  • Betahistine ช่วยแก้อาการบ้านหมุน เวียนหัว
  • เคยใช้ตอนเป็นบ้านหมุนที่ร้านกาแฟแถวอโศก บ่ายสองโมงกว่าๆ ปีนี้เอง
  • กินแล้วอาการดีขึ้น โลกหยุดหมุน แต่ยังมึนๆ อยู่บ้าง
  • หมอให้กินยาต่อเนื่องอีกซักพัก
  • ตอนนี้พกยาติดกระเป๋าตลอด กลัวเป็นอีก

อาการมึนงงเกิดจากอะไรได้บ้าง

มึนงงงงง… อาการนี้มันช่างน่าปวดหัว! เหมือนสมองมันไปเที่ยวทะเลทรายซาฮารา แห้งแล้งไร้ซึ่งไอเดีย สาเหตุมีสารพัด เหมือนหมาล่าเนื้อ มันไล่กัดไม่หยุด!

  • สมองมันอ่อนเพลีย: นอนน้อยไปหน่อยมั้ยคะคุณ? หรือปาร์ตี้หนักไปหน่อย ดื่มเหล้าจนสมองพูดไม่รู้เรื่อง? นี่แหละ ต้นเหตุหลัก! ปีนี้ฉันเองก็เพิ่งลองนอนดึกทำโปรเจค แทบจะกลายเป็นซอมบี้!

  • สารอาหารไม่ถึงที่: เหมือนรถไม่มีน้ำมัน สมองมันก็ทำงานไม่ได้เต็มประสิทธิภาพสิคะ! ขาดวิตามิน น้ำตาลในเลือดตก หรือกินแต่แต่อาหารขยะ ก็ได้เรื่อง! ฉันเคยลองกินแต่ของหวานทั้งวัน หัวจะแตก!

  • โรคภัยไข้เจ็บ: โรคไทรอยด์ โรคหัวใจ หรือแม้แต่โรคปอด มันก็ส่งผลถึงสมองได้เหมือนกัน อย่างกับโดมิโน ล้มทีเดียว ล้มกันเป็นแถบ!

  • จิตใจไม่ปกติ: เครียด วิตกกังวล หวาดกลัว มันก็ทำให้มึนงงได้นะคะ เหมือนสมองมันถูกโจมตีด้วยความคิดลบ! ปีที่แล้วฉันเครียดเรื่องงานหนักมาก แทบจะนอนไม่หลับ!

  • ยาบางชนิด: ยานอนหลับก็เป็นอีกหนึ่งตัวการ มันเหมือนกับสั่งให้สมองหยุดทำงาน เลยทำให้มึนงงไปเลย! นี่มันยาหรือยาสั่งให้มึนงงกันแน่!

ข้อมูลเพิ่มเติม (แบบไม่เครียด): หากมึนงงบ่อยๆ ควรไปพบแพทย์นะคะ อย่ามัวแต่คิดว่ามันเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ เพราะอาจจะส่งสัญญาณเตือนถึงปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงกว่านั้นก็ได้! อย่าลืมดูแลสุขภาพตัวเองด้วยนะคะ ทั้งกายและใจ!

#กดจุด #บรรเทา #ปวดหัว