อะไรลดความเค็มได้
ลดเค็มได้อย่างไร?
-
ปรุงเอง: ควบคุมปริมาณเกลือ/ซีอิ๊ว/น้ำปลา ลองใช้สมุนไพร เครื่องเทศ มะนาว เพิ่มรสชาติแทน
-
เลือกอาหารสด: หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป เช่น ไส้กรอก เบคอน เลือกเนื้อสัตว์ไม่หมักเกลือ ผักผลไม้สด
-
อ่านฉลาก: ตรวจสอบโซเดียม เลือกผลิตภัณฑ์โซเดียมต่ำ
-
ค่อยๆ ลด: ลิ้นจะค่อยๆ ปรับตัว เริ่มจากลดปริมาณเกลือลงทีละน้อย
-
ปรุงรสบนโต๊ะน้อยลง: อย่าเติมเกลือ/น้ำปลาเพิ่ม ฝึกกินรสชาติอาหารตามธรรมชาติ
-
เลือกเครื่องปรุงรสโซเดียมต่ำ: เช่น ซีอิ๊วขาวลดโซเดียม น้ำปลาลดโซเดียม
-
ระวังอาหารซ่อนเค็ม: เช่น ซอสปรุงรสต่างๆ ขนมขบเคี้ยว เครื่องดื่มบางชนิด
เริ่มต้นวันนี้ เพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว ลดเค็ม ลดโรค!
วิธีลดความเค็ม
เฮ้อ… เรื่องลดความเค็มเนี่ยนะ พูดเลยว่าเจอกับตัว! คือเมื่อก่อนติดกินเค็มมากกกก (ก.ไก่ล้านตัว) แบบว่ากินอะไรก็ต้องเติมน้ำปลาพริกตลอดอะ คิดดูดิ แล้วผลที่ตามมาคือ บวม! บวมแบบเห็นได้ชัดเลยอะ หน้าบวม ตัวบวม ไปไหนใครๆก็ทัก
ทีนี้ก็เลยต้องหาทางลดความเค็มแบบจริงจัง ลองมาหลายวิธีนะ เอาที่ได้ผลจริงจัง (สำหรับตัวเองนะ) ก็คือ…
- ค่อยๆ ลดปริมาณ: อันนี้เบสิคสุด แต่ยากสุด! คือจากที่เมื่อก่อนเติมน้ำปลา 3 ช้อน ก็ลดเหลือ 2 ช้อน 1 ช้อน ไปเรื่อยๆ อะ เข้าใจปะ มันทรมาน แต่ต้องอดทน!
- เลี่ยงอาหารแปรรูป: อันนี้สำคัญมาก! พวกไส้กรอก หมูยอ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเนี่ย โซเดียมสูงปี๊ดดดด กินทีนึงคือจบเห่ ต้องเลี่ยงเลยอะ
- ทำอาหารกินเอง: อันนี้คือที่สุด! เพราะเราคุมปริมาณเกลือ น้ำปลาได้เองเลย ตอนทำอาหารก็ชิมไปเรื่อยๆ อย่าให้เค็มเกินไป
- กินผักผลไม้เยอะๆ: พวกผักผลไม้ที่มีโพแทสเซียมสูง (เช่น กล้วย ส้ม มะเขือเทศ) ช่วยขับโซเดียมออกจากร่างกายได้
แล้วก็… ที่สำคัญมากๆๆๆๆ เลยนะ คือ ดื่มน้ำเยอะๆ! ช่วยได้จริงๆ อันนี้คอนเฟิร์ม! คือพอลดความเค็มแล้วดื่มน้ำเยอะๆ รู้สึกตัวเบาขึ้นเยอะเลยอะ ผิวก็ดีขึ้นด้วยนะ (อันนี้คิดเองรึเปล่าไม่รู้ 555)
อ่อ! อีกอย่างที่อยากบอก คืออย่าใจร้อน! การลดความเค็มมันต้องใช้เวลา ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป เดี๋ยวร่างกายก็ปรับตัวได้เอง แล้วก็อย่าไปเครียดกับมันมากเกินไป กินอะไรที่เราชอบบ้างก็ได้ แต่ก็ต้องอยู่ในปริมาณที่พอเหมาะนะ 😉
(ปล. ตอนนี้เลิกกินเค็มเด็ดขาดไม่ได้หรอก แต่ก็กินน้อยลงกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย 😁)
วิธีแก้กินอะไรก็เค็ม
โอเค งั้นมาดูกันว่าจะจัดการกับอาการกินอะไรก็เค็มยังไงดี เหมือนโดนคำสาปให้ลิ้นสัมผัสแต่รสเค็ม 😂
- แตงกวา: นี่มันแท่งน้ำเคลื่อนที่ชัดๆ กินเข้าไปก็เหมือนเอาน้ำไปล้างไต เอ้ย ล้างโซเดียมส่วนเกินออกไป (อันนี้เว่อร์ไปนิด)
- แตงโม: คล้ายๆ แตงกวา แต่หวานกว่า เหมือนเติมความสดชื่นให้ร่างกายพร้อมๆ กับไล่โซเดียมไปในตัว อารมณ์แบบ น้ำไล่ไฟ แต่เป็นแตงโมไล่เกลือ 😎
- กล้วย: โพแทสเซียมสูงปรี๊ด! เหมือนส่งกองกำลังพิเศษเข้าไปสู้รบกับโซเดียม ช่วยลดอาการบวมน้ำได้ด้วยนะ บวมน้อยลงก็หล่อขึ้น สวยขึ้นเป็นกอง (เกี่ยวไหมเนี่ยะ?)
- หน่อไม้ฝรั่ง: ชื่อดูไฮโซ สรรพคุณก็ไฮโซตามชื่อ มีกรดแอสพาราจีน ที่ช่วยขับโซเดียม แบบเนียนๆ เหมือนสายลับ
- ฟักเขียว: หน้าตาอาจจะธรรมดา แต่ความสามารถไม่ธรรมดา ขับปัสสาวะ ลดบวม เหมือนเป็นกองหนุนให้แตงกวากับแตงโม
แถมอีกนิด! ปี 2024 นี้ เทรนด์สุขภาพมาแรง การลดโซเดียมเป็นสิ่งที่ควรทำ ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องอาหารลดโซเดียมดูนะ เช่น ผักใบเขียว ธัญพืชไม่ขัดสี โยเกิร์ต อะไรพวกนี้ กินแล้วสุขภาพดี แถมหุ่นเป๊ะปังแน่นอน (อันหลังอาจจะไม่เสมอไป 😂) ส่วนตัวผมชอบกินอะโวคาโดกับมะเขือเทศเชอร์รี่โรยเกลือชมพูนิดหน่อย อร่อยและดีต่อสุขภาพ! (อันนี้อวดเฉยๆ)
กินอะไรขับโซเดียมในร่างกาย
กินอะไรขับโซเดียม? โซเดียมเนี่ยตัวร้ายเลยนะ บวมน้ำชัดๆ!
- น้ำเปล่า: ดื่มเยอะๆ วันละ 6-8 แก้ว (หรือมากกว่านั้นถ้าออกกำลังกาย) ช่วยล้างโซเดียมอะ แต่…ถ้าไตไม่ดีก็ต้องปรึกษาหมอก่อนนะ สำคัญมาก
- ผักผลไม้: สับปะรด แตงกวา มะเขือเทศ แตงโม กล้วย ส้ม กีวี อะโวคาโด โห เยอะแยะ กินวนไป มีโพแทสเซียมสูง ลดโซเดียมได้มั้ง ไม่แน่ใจ แต่กินแล้วสดชื่นดี
- **สมุนไพรล??บวมน้ำ: จริงเหรอ? ไม่เคยลอง แต่ถ้ามีจริงก็อยากรู้เหมือนกันว่ามีอะไรบ้าง จดๆๆ (ไปหาข้อมูลเพิ่ม)
เพิ่มเติม:
- ลดกินเค็ม! อันนี้สำคัญสุด! พวกขนมกรุบกรอบ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เลิกได้เลิก
- ออกกำลังกาย: เหงื่อออกก็ขับโซเดียมได้นะ แต่ก็ต้องดื่มน้ำทดแทนด้วย
- จำไว้ว่า: ถ้ามีโรคประจำตัว ปรึกษาหมอก่อนเสมอ! อย่าทำตามใจตัวเอง!
เอ๊ะ! หรือกินยาขับปัสสาวะดี? ไม่ๆๆๆ หมอบอกไม่ให้กินเอง ต้องมีหมอสั่งเท่านั้น! อันตรายนะ!
เค็มต้องตัดด้วยอะไร
โอ๊ย! เค็มปี๋แบบนี้ ไม่ต้องร้องไห้ฟูมฟาย! สูตรเด็ดเคล็ดลับยายข้างบ้านมาแล้วจ้า!
- ข้าวสาร: เอาผ้าขาวบางห่อข้าวสารซาวน้ำดีๆ ยัดลงหม้อเค็มๆ ไปเลยจ้า แป้งในข้าวสารนี่แหละตัวดูดเค็มชั้นดี เคี่ยวไปสักพัก ชิมดู ถ้ายังเค็มอยู่ ก็…ใส่เพิ่มอีก!
- มันฝรั่ง: ปอกเปลือกมันฝรั่งดิบๆ หั่นเป็นชิ้นใหญ่ๆ โยนลงหม้อไปเลยจ้า แป้งมันฝรั่งนี่ก็ใช่ย่อย ดูดเค็มเก่งใช่เล่น พอน้ำซุปเริ่มดีขึ้น ค่อยตักออกนะจ๊ะ
เคล็ด(ไม่)ลับเพิ่มเติม:
- ถ้าขี้เกียจห่อข้าวสาร ก็ใช้ขนมปังแทนก็ได้นะจ๊ะ แต่ระวังขนมปังเละ!
- บางคนบอกว่าใส่มะนาวช่วยได้ แต่ระวังเปรี้ยวเกินเบอร์นะจ๊ะ!
- ถ้าลองทุกวิธีแล้วยังเค็มอยู่… ก็เติมน้ำเปล่าไปเลยจ้า! ง่ายสุด! (แต่รสชาติอาจจะจืดไปนิดนะ)
- แล้วถ้ายังไม่หายเค็มอี๊กกก…สงสัยต้องทำหม้อใหม่แล้วล่ะแม่คุณ!
คำเตือน: ทำอาหาร อย่าใจร้อน! ค่อยๆ ปรุง ค่อยๆ ชิม เดี๋ยวจะเค็มจนกินไม่ได้นะจ๊ะ!
ร่างกายกำจัดโซเดียมยังไง
วันก่อนกินมาม่าเผ็ดเกาหลีไปสองห่อซ้อนตอนห้าทุ่ม รู้สึกตัวอีกทีคือตีสอง ตื่นมาหิวน้ำมากกกกกก ปากแห้งผาก เหมือนทะเลทรายซาฮาร่า แบบนี้แหละกินเค็มจัด หน้าบวมเลยจ้าาาา วันรุ่งขึ้นก็เลยพยายามกินน้ำเยอะๆ จำได้ว่าวิ่งเข้าห้องน้ำไปห้ารอบได้ก่อนเที่ยง รู้สึกตัวเบาขึ้นเยอะเลย แต่หน้าก็ยังบวมๆ อยู่นิดหน่อยนะ ตอนบ่ายไปซื้อน้ำมะพร้าวแถวออฟฟิศมากิน เย็นๆ ก็โอเคขึ้น หน้าเริ่มยุบ แต่ปกติเป็นคนไม่ชอบกินน้ำมะพร้าวเท่าไหร่ เลยไปเซเว่นซื้อชาเขียวหวานน้อยมาจิบแทน สรุปวันนั้นกินน้ำไปเป็นลิตรๆ คิดว่าร่างกายคงขับโซเดียมออกไปเยอะอยู่แหละ เหนื่อยเหมือนกันนะวิ่งเข้าห้องน้ำบ่อยๆ เนี่ย แถมยังต้องคอยเติมน้ำในขวดตลอดเวลาอีกต่างหาก
- ดื่มน้ำเปล่าเยอะๆ: ช่วยขับโซเดียมออกทางปัสสาวะ และช่วยลดอาการบวมน้ำ
- ดื่มชา/กาแฟ: คาเฟอีนมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ แต่ระวังอย่าดื่มมากเกินไปเพราะอาจทำให้นอนไม่หลับได้ ส่วนตัวชอบชาเขียวมากกว่ากาแฟ
- ดื่มน้ำมะพร้าว: โพแทสเซียมในน้ำมะพร้าวช่วยควบคุมสมดุลโซเดียมในร่างกาย ส่วนตัวไม่ค่อยชอบรสชาติเท่าไหร่ แต่ก็ช่วยได้เยอะเวลาบวมน้ำ
- ออกกำลังกาย: ช่วยขับเหงื่อ ซึ่งก็เป็นอีกทางที่ร่างกายขับโซเดียมออกมา อันนี้ส่วนตัวยังไม่ค่อยได้ทำเท่าไหร่ ขี้เกียจ 555+ แต่ก็รู้ว่ามันดีต่อสุขภาพ
- ลดอาหารเค็ม: อันนี้สำคัญสุดๆๆ ต้องพยายามควบคุมตัวเอง อย่างเช่นมาม่าเกาหลีเผ็ดๆ อะไรแบบนี้ กินได้ แต่อย่าบ่อย และอย่ากินเยอะเกินไป
การกินโซเดียมในปริมาณมากกว่า 2400 มก. ต่อวัน จะส่งผลอย่างไรต่อร่างกายในระยะยาว
แสงสุดท้ายลอดหน้าต่าง ส่องมาที่กองหนังสือ… กลิ่นชาจางๆ กับเสียงเพลงคลอเบาๆ วันนี้…เราจะคุยกันเรื่อง โซเดียม
โซเดียม…ภัยเงียบในครัวเรือน
-
กินโซเดียม เกิน 2400 มิลลิกรัม ต่อวันเหรอ? เหมือนระเบิดเวลา ในร่างกายเลยนะ…
-
ความดันโลหิตสูงขึ้น… เหมือนน้ำที่เอ่อล้นตลิ่ง หัวใจกับไตทำงานหนัก… เหมือนเครื่องจักรที่ถูกเร่งเครื่องเกินกำลัง
-
ระยะยาว… โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคไต… เหมือนพายุที่โหมกระหน่ำ
ทำไมต้อง 2400 มิลลิกรัม?ตัวเลขนี้มันมีความหมาย…
-
ร่างกายต้องการโซเดียม… แต่ แค่พอดี
-
มากไป…ก็เกินไป น้อยไป…ก็ไม่ดี
แล้วจะลดโซเดียมยังไง?นี่สิ…คือศิลปะ
-
อ่านฉลากโภชนาการ… เหมือนอ่านแผนที่
-
ลดอาหารแปรรูป… เหมือนตัดต้นตอของปัญหา
-
ปรุงอาหารเอง… เหมือนสร้างสรรค์งานศิลปะชิ้นเอก
-
ใช้สมุนไพรและเครื่องเทศ… เหมือนเติมสีสันให้ชีวิต
-
ค่อยๆ ลด…ค่อยๆ ปรับ… อย่าหักโหม
ข้อมูลเพิ่มเติม
-
กรมการแพทย์ โดยสถาบันโรคทรวงอก ย้ำเตือน เรื่องนี้มาตลอด
-
หนึ่งช้อนชา… คือปริมาณโซเดียมที่ควรได้รับต่อวัน จำไว้ให้ดี
-
โซเดียมแฝงตัว อยู่ในอาหารที่เรากินทุกวัน ต้องระวัง
-
สุขภาพที่ดี…เริ่มต้นที่การใส่ใจ ในสิ่งที่เรากินเข้าไป
-
อย่าประมาท… ดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้
เสียงเปียโนแผ่วลง… แสงสุดท้ายหายไป… แต่ความเข้าใจเรื่องโซเดียม…ยังคงอยู่
กินอะไรเพื่อลดโซเดียมในร่างกาย
กินอะไรลดโซเดียม? ถามมาได้! นึกว่าถามวิธีแทงหวย (ฮา)
- ซดน้ำเปล่า: ไม่ใช่น้ำมนต์นะจ๊ะ! วันละ 6-8 แก้วเนี่ย ช่วยไตทำงานดี๊ดี ขับโซเดียมออกไปแบบ “ไปให้พ้น!”
- เขมือบผักผลไม้: สับปะรด แตงกวา มะเขือเทศ แตงโม กล้วย ส้ม กีวี อะโวคาโด… เยอะแยะ! พวกนี้ช่วยลดบวมน้ำได้ดีนักแล เหมือนมีนางฟ้ามาช่วยโบกไม้กายสิทธิ์
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย (แต่สำคัญโคตร):
- โซเดียมเนี่ย ตัวร้ายกาจ! กินเยอะไปความดันขึ้นนะจ๊ะ ไม่เชื่อลองวัดดูดิ
- อย่าไปกินพวกอาหารแปรรูปเยอะ! พวกนั้นน่ะตัวดีเลย โซเดียมซ่อนอยู่เพียบ!
- ทำอาหารเองบ้างอะไรบ้าง จะได้รู้ว่าใส่เกลือไปเท่าไหร่ ไม่ใช่กินแต่ “ผงชูรสเลิศรส” ทุกวัน
- สำคัญสุด: ปรึกษาหมอ! อย่าเชื่อฉันมาก ฉันแค่คนชอบกิน (และชอบบ่น)
ปล. เมื่อวานซืนเพิ่งไปกินส้มตำมา เค็มปี๋! บ่นให้ใครฟังไม่ได้ เลยมาบ่นในนี้แหละ! (หัวเราะทั้งน้ำตา)
#น้ำ #น้ำตาล #ผักข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต